เมื่อการตลาดเปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์การบริโภค และ เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอยู่ตลอด ดังนั้น การใช้เครื่องมือ Marketing Technology หรือ Martech Tools ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการตลาด และคอยหมั่นอัปเดตความรู้อยู่เสมอ นอกจากนี้ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดย่อมหรือขนาดใหญ่ ก็ต้องตามโลกให้ทันสมัย และรู้ใจผู้บริโภคเพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการ รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาของกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบันนั่นเอง ดังนั้น STEPS Academy จึงรวบรวม เครื่องมือ MarTech ที่ตอบโจทย์กับการทำการตลาดในปี 2022 มาฝากนักการตลาด และ ผู้ประกอบการ โดยเครื่องมือ Martech แบ่งเป็น 6 ประเภทตามวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดดังนี้
- เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล (Digital Marketing Analytics Tools)
- เครื่องมือในการทำ SEO (SEO Tool)
- เครื่องมือสำหรับการสร้างโฆษณา (Advertising Technology และ Affiliate Marketing)
- เครื่องมือสำหรับทำคอนเทนต์ (Content Marketing Tools)
- เครื่องมือที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์ลูกค้า และทำการตลาดแบบอัตโนมัติ CRM, Marketing Automation
- เครื่องมือสำหรับการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย Social Media Marketing
1 เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล (Digital Marketing Analytics Tools)
การเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปวิเคราะห์ และต่อยอดการทำ Data- Driven Marketing มีผลต่อการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก นอกจากที่แบรนด์ของคุณมีเว็บไซต์ และ แอปพลิเคชันเพื่อโปรโมตสินค้า และเป็นหน้าร้านที่ลูกค้าจะแวะเวียนเข้ามาแล้วนั้น ยังเป็นแหล่งเก็บข้อมูลอันล้ำค้า ซึ่งหากนักการตลาดนำ Customer Data ไปประเมินและสร้างแคมเปญการตลาดในครั้งต่อไปได้ถูกทาง ก็จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
Google Analytics
Google Analytics เป็นเครื่องมือยอดนิยมที่สามารถใช้ได้แบบฟรี ๆ และแบบระบบชำระเงิน โดยทั่วไปแล้ว นักการตลาดใช้โปรแกรมในจัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเมตริกเว็บไซต์ที่สำคัญ และแสดงผลออกมาบนหน้า Dashboard โดยข้อดีของเครื่องมือนี้มีระบบที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์ Data ในระดับเชิงลึก เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าบนว็บไซต์ การปรับปรุง Conversion Rates การพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ และ การทำคอนเทนต์
Google Data Studio เป็นเครื่องมือฟรีที่แสดงผลข้อมูลรายงานในรูปแบบรูปภาพ (Data Visualization) ที่มาจาก Google Analytics โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าแสดงข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้งานบน Dashboard ได้ และ เลือกรูปแบบในการประมวลผลรายงานได้เอง ไม่ว่าจะเป็น: ธีมสีของ Dashboard รูปแบบการนำเสนอ เช่น กราฟแท่ง Pie Chart 2 มิติ หรือ 3 มิติ และอื่น ๆ การตั้งค่า Customized เพื่อเลือกแสดงผลลัพธ์แบบเฉพาะเจาะจง
-
Power BI
Power BI เป็นเครื่องมือที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ ที่มีความโดดเด่นในการสร้างการรายงานแบบ Data Visualization ใช้งานง่ายเนื่องจากออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Dashboard ได้รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งในระบบ iOS และ Andriod
นอกจากนี้ Power BI ยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ตั้งแต่ไฟล์ข้อมูลพื้นฐานอย่าง CSV, Excel หรือ MySQL และ ข้อมูลจากแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Facebook เป็นต้น
2 เครื่องมือในการทำ SEO (SEO Tool)
SEO หรือ Search Optimization คือการปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ คอนเทนต์ และ เนื้อหาต่าง ๆ บนเว็บไซต์ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้คอนเทนต์ของเราติดหน้าแรกของ Search Engine หรืออยู่ในลำดับต้น ๆ ของการค้นหาผ่าน Google ซึ่ง SEO เป็นช่องทางที่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญ ด้วยความสามารถที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามียอดผู้เข้าชม (Traffic) สูงขึ้นได้แบบฟรี ๆ ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา ซึ่งเราสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น การตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์
- การทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ติดเทรนด์
- การทำคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาน่าเชื่อถือ มีผู้เชี่ยวชาญรับรอง ถูกหลัก E-A-T
- การเลือก Keyword ให้ตรงกับคำค้นหา
- การสร้าง Local SEO
- การเลือกภาพให้คมชัด
- ความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์ เป็นต้น
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
Google Search Console
เครื่องมือฟรีอีกหนึ่งชิ้นจาก Google ที่ช่วยให้เว็บไซต์ของเราปรากฏบนหน้า SERP (Search Engine Result Page) เพื่อให้คนที่ค้นหาสินค้า บริการ หรือ ข้อมูลต่าง ๆ สามารถเจอคอนเทนต์บนเว็บไซต์เรา โดยเครื่องมือนี้จะช่วยอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับดัชนีต่าง ๆ เพื่อเรียบเรียงเนื้อหาาบเว็บไซต์ให้ค้นเจอง่ายขึ้น อีกทั้งยังคอยแจ้งเตือนเมื่อเว็บไซต์เกิดปัญหา ทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ทัน และ ไม่เสียประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า นอกจากนี้หากนักการตลาดต้องการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์แบบ Organic ผู้เขียนขอแนะนำ Google Search Console เพื่อวิเคราะห์ Performance ต่าง ๆ ค่ะ
-
Google PageSpeed Insights
Google PageSpeed Insights เป็นเว็บไซต์ที่สามารถประเมินความเร็วของเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ เครื่องมือนี้ยังสามารถตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์เรา เมื่อมีการดาวน์โหลดบนมือถืออีกด้วย (Mobile Friendly)
-
Google My Business
เครื่องมือนี้เหมาะกับการทำ Local SEO ตอบโจทย์กับธุรกิจที่มีหน้าร้าน และ ใช้เพื่อโปรโมตธุรกิจท้องถิ่นบนโลกออนไลน์ ซึ่งการสร้างร้านค้าผ่าน Google My Business จะทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาร้านค้า หรือสินค้าผ่าน Search Engine สามารถเจอธุรกิจของเราบนฟีเจอร์ Map พร้อมบอกรายละเอียดต่าง ๆ ที่สำคัญเช่น ราคา สถานที่ เวลาปิด-เปิด ธุรกิจ ซึ่งหากมีผู้ใช้งานคลิกไปยังเว็บไซต์ของเราแล้ว จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสที่คนจะเข้าไปเยี่ยมชมบนหน้าเพจต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการรีวิวสินค้า และ บริการของธุรกิจจากผู้ใช้งาน มีส่วนช่วยให้เว็บไซต์เราติด SEO ได้ง่ายขึ้น
3 เครื่องมือสำหรับการสร้างโฆษณา (Advertising Technology และ Affiliate Marketing)
การทำโฆษณาให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ตรงจุดประสงค์ และเลือกแพลตฟอร์มได้ตอบโจทย์ คือกุญแจสำคัญที่จะนำกลุ่มเป้าหมายเข้ามายังเว็บไซต์ ทำให้เกิดการรับรู้แบรนด์ และทำให้ Customer Journey เป็นไปในทางที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีต่อการทำการตลาด
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
Google Ads
Google Ads หรือ Google Adwords คือเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการทำโฆษณาออนไลน์ ที่อยู่ในเครือข่ายของ Google โดยเครื่องมือชนิดนี้จะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์สามารถสร้างโฆษณาได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเครื่องมือ Google Ads นี้ยังสามารถเก็บ Data เพื่อเก็บข้อมูลในการวิเคราะห์ และ ปรับปรุงแคมเปญโฆษณาในครั้งต่อไป นอกจากนี้ Google Ads สามารถกำหนดเป้าหมายในการทำโฆษณาได้ตรงกับแคมเปญ สามารถจัดการบริการงบประมาณได้ Google Ads ไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ และสามารถเลือกระยะเวลาได้
-
Facebook Business Manager
Facebook เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลที่มีคนใช้มากถึงสองพันเก้าร้อยล้านคนในปัจจุบันปี 2022 และ ยังสามารถทำโฆษณาบน Instagram ควบคู่กันไปได้ด้วย ขึ้นอยู่กับธุรกิจ และ เป้าหมายของแคมเปญ ดังนั้น การซื้อโฆษณาผ่าน Facebook จึงเป็นโอกาสทองของนักการตลาด และ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการโปรโมตแคมเปญต่าง ๆ ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรูปแบบของ Facebook Ads ประกอบไปด้วย รูปภาพโฆษณา วิดีโอ Stories และ ลิงก์ โดยเครื่องมือนี้เปิดโอกาสให้เราสามารถสร้าง ปรับแต่ง จัดการ และวิเคราะห์ผลลัพธ์การยิงโฆษณา Facebook Ads ได้ภายในที่เดียว
-
LINE Ads
LINE Ads Platform เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับซื้อโฆษณาบน LINE โดยโฆษณาที่สร้างขึ้นนั้นจะ แสดงผลได้ในหลายพื้นที่ ที่เป็น Eco System ของ LINE เช่น LINE Chat, LINE Timeline, LINE Today LINE TV และ LINE Wallet
4 เครื่องมือสำหรับทำคอนเทนต์ (Content Marketing Tools)
คอนเทนต์ที่แบรนด์ใช้สื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมาย มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนบทความ วิดีโอ รูปภาพ อัลบั้มรูปภาพ และ อื่น ๆ อีกมากมาย โดยนักการตลาดจะต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ และช่องทางที่ลูกค้าใช้บนโลกออนไลน์ เพื่อให้คอนเทนต์ของเราเกิดการรับรู้แบรนด์ และเข้าถึงได้มากที่สุด หากแบรนด์เลือกช่องทางผิด และ ทำคอนเทนต์ไม่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายก็จะทำให้คอนเทนต์เหล่านั้นได้รับ Performance ที่ไม่ตรงไปตามเป้า ซึ่งจะส่งผลถึงยอดขายด้วยเช่นกัน
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
WordPress
หากใครที่กำลังมองหาเครื่องมือที่ช่วยในการเขียนคอนเทนต์ ใช้งานง่าย และ ไม่ต้องเขียนโค้ดเอง WordPress คือเครื่องมือที่ตอบโจทย์ ซึ่งมีทั้งรูปแบบบริการฟรี และ การ Subscribe แบบรายเดือน/ ปี และ เครื่องมือนี้ยังรองรับปลั๊กอินดี ๆ ที่ตอบโจทย์กับการทำ SEO แถมยังมีการอัปเดตเวอร์ชั่นอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ผู้ใช้ง่ายสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างทันสมัย สวยงาม ประหยัดเวลา และมีการพัฒนาอยู่เสมอ
-
YouTube
เนื่องจาก YouTube ยังเป็นช่องทางที่มีความนิยมมากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยปัจจุบัน มีผู้เข้าใช้งานผ่านบัญชีกว่า 2 พันล้านบัญชีต่อเดือน ซึ่งแบรนด์สามารถเลือกรูปแบบในการทำคอนเทนต์บน YouTube ได้ตรงกับแคมเปญการตลาด หรือสินค้า และ บริการของธุรกิจได้ สามารถออกแบบสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้โดยไม่มีข้อจำกัด อีกทั้ง ปัจจุบันยังสามารถทำคอนเทนต์ได้ทั้งแบบวิดีโอสั้น วิดีโอที่มีความยาวแบบปกติ และการ Live
-
Canva
เครื่องมือในการทำคอนเทนต์รูปภาพ วิดีโอ Presentation รายงานต่าง ๆ และการทำโฆษณาแบบสำเร็จรูป โดย Canva ได้ออกแบบมาเพื่อช่วยนักการตลาดดิจิทัลให้ทำคอนเทนต์ออกมาได้อย่างตอยโจทย์กับแคมเปญ ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านกราฟิกมากมาย ก็สามารถออกแบบคอนเทนต์ให้ปังได้ ซึ่ง Canva มีเทมเพลตมาให้ผู้ใช้งานเลือกมากมาย โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ได้ฟรี ๆ และ มีแบบ Premium ค่ะ
5 เครื่องมือที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์ลูกค้า และ ทำการตลาดแบบอัตโนมัติ (CRM & Marketing Automation)
เครื่องมือกลุ่มนี้จะเน้นที่การดูแลลูกค้าตลอดระยะเวลาการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น การกลายมาเป็นลูกค้า ไปจนถึงการซื้อซ้ำ โดยเครื่องมือนี้จะมีส่วนช่วยให้แบรนด์สามารถรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ในระยะยาว ลดโอกาสเกิด Customer Churn* ทำให้การตลาดเป็นไปอย่างราบรื่นในทุก ๆ Funnel
(Customer Churn คือการที่ลูกค้าหยุดซื้อสินค้าและบริการของเราในระยะเวลาหนึ่ง หรืออาจยกเลิกการเป็นสมาชิกกับทางแบรนด์ โดยสาเหตุนั้นมาจาก การที่สินค้าและบริการอาจไม่ตอบโจทย์กับลูกค้า การเกิดประสบการณ์ในทางลบ หรือาจแค่อยากลองเปลี่ยนใจไปใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่น)
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
Active Campaign
ActiveCampaign คือ เครื่องมือที่เหมาะกับการทำการตลาดแบบ Email Marketing การส่งข้อความแบบ SMS รวมทั้ง Message ซึ่งนอกจากที่นักการตลาดจะสามารถโปรโมตแคมเปญต่าง ๆ และ ฝากประชาสัมพันธ์ Event ของแบรนด์แล้ว เครื่องมือนี้ยังสามารถเก็บ Data จากลูกค้าในการทำ Data-Driven Marketing เพื่อทำแคมเปญในอนาคตให้เหมาะสม รวมทั้งยังสามารถต่อยอดในการทำ Personalized Marketing แบบเฉพาะบุคคลได้อีกด้วย ทำให้โอกาสในการซื้อซ้ำ และ ทำให้ลูกค้ายังคงนึกถึงแบรนด์ของเราอยู่เสมอ
-
Hubspot
Hubspot เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย สามารถทำงานได้อย่างครบวงจร เหมาะกับการทำ Inbound Marketing หรือการทำ Content Marketing เพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ หรือ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของแบรนด์ ซึ่งจะทำให้เกิดการขายได้รวดเร็วมากขึ้น และนอกจากนี้ Hubspot ยังมีความสามาถด้านการเก็บ Data เพื่อนำไปประมวลผล ด้วยการเก็บ Data ด้านพฤติกรรมของลูกค้า การเก็บข้อมูลส่วนตัวจากการยื่นข้อเสนอต่าง ๆ เช่น การลงทะเบียนสมัครรับ Code ส่วนลด การดาวน์โหลด E-Book เป็นต้น
6 เครื่องมือสำหรับการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย Social Media Marketing
Social Media เปรียบเสมือนหน้าร้านของแบรนด์ ซึ่งสามารถนำเสนอสินค้า และ บริการได้ดีไม่แพ้กับเว็บไซต์ นอกจากที่นักการตลาดดิจิทัลสามารถทำการตลาดผ่านคอนเทนต์ได้หลายรูปแบบแล้ว ยังสามารถติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทาง Message ได้ แถมยังสามารถ Live Streaming เพิ่มความใกล้ชิดระหว่างตัวแบรนด์และลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม หากแบรนด์รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร มีพฤติกรรมแบบไหน และ ชอบเสพคอนเทนต์ผ่านแพชตฟอร์มโซเชียลมีเดียประเภทไหน ก็จะทำให้นักการตลาดสามารถเลือกช่องทางในการโปรโมตได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ข้อมูล
-
Facebook
เครื่องมือฟรีที่มีฟีเจอร์ในการทำการตลาดที่ดีมากตัวหนึ่ง เนื่องจากมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มนี้มากว่าสองพันแปดร้อยล้านบัญชีในปี 2021 และมีการอัปเดตเทรนด์ต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งในรูปแบบ Community ส่วนตัว และ ความเป็นไปต่าง ๆ ในสังคม แบรนด์สามารถเลือกทำการตลาดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ Organic และแบบโฆษณา สามารถเก็บ Data Insights ของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเพจได้ โต้ตอบกับลูกค้าได้ด้วยระบบแชทบอท และ สามารถใช้ Facebook Pay ในการชำระสินค้า
นอกจากนี้ในปี 2021 Facebook ยังประกาศเปลี่ยนชื่อและแนวทางในการออกแบบแพลตฟอร์มให้เป็นรูปแบบของ Metaverse หรือโลกเสมือนแห่งอนาคต ซึ่งส่งผลให้การทำตลาดดิจิทัลมีโอกาสเติบโตไปในเชิงสร้างสรรค์ และ สามารถสร้างตัวตนของแบรนด์ไปในทางที่แตกต่างออกไปจากเดิมได้อีกด้วย
-
Instagram
แบรนด์ที่เน้นคอนเทนต์รูปภาพ วิดีโอ และ กราฟิกสวย ๆ หรือ แบรนด์ที่มีเพจ Facebook เป็นทุนเดิมสามารถเปิด Instagram Business Account เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในช่องทางนี้ได้เช่นกัน ด้วยการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น
- การทำคอนเทนต์วิดีโอสั้นแบบ Reels
- การนำเสนอสินค้าและบริการแบบ Carousel Content
- การร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเหล่า KOL และ Influencer
- การเพิ่มช่องทางการรับรู้แบรนด์ด้วยกลยุทธ์ SEO Instagram
-
TikTok
@steps_academy รู้จักกับ Content Marketing Funnel ไปกับคุณเอมมี่ได้ที่ Youtube: STEPS Academy #STEPSAcademy #contentmarketingtips #contentmarketingstrategy ♬ original sound – STEPS_Academy
TikTok นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างเทรนด์ใหม่ ๆ ที่กลายเป็นกระแสทั่วโลก ด้วยการสร้างสรรค์วิดีโอขนาดสั้น จากที่มีความยาวสูงสุด 15-60 วินาที และปัจจุบันสามารถสร้างความยาวได้สูงสุด 3 นาที แถมยังมีไลฟ์เพิ่มเข้ามาให้อีก ทำให้แพลตฟอร์มนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก ในการที่จะนำมาสร้างการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ให้มีความสนุก รู้สึกได้รับความบันเทิง และยังดึงดูดความสนใจต่อผู้ใช้งานได้