5 กลยุทธ์การใช้ Facebook Ads แบบมือโปรให้ยอดขายโตในปี 2023

5 กลยุทธ์การใช้ Facebook Ads แบบมือโปรให้ยอดขายโตในปี 2023

Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากแพลตฟอร์มอย่าง Google และ YouTube สำหรับนักการตลาดหรือผู้ประกอบการจึงถือว่าการโฆษณาผ่าน Facebook Ads จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

เพราะคนกว่า 2.08 พันล้านคนสามารถเข้าถึง Facebook Ads ได้ในปัจจุบัน และในทุก ๆ ไตรมาสจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ที่เข้าถึง Facebook Ads ก็เพิ่มขึ้นถึงไตรมาสละ 0.5% หรือประมาณ 15 ล้านคน อ้างอิงจาก Creative Agency ที่ชื่อ We Are Social ค่ะ

นอกจากนี้ทาง We Are Social ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า 71.64% ของ Traffic บนเว็บไซต์ส่วนใหญ่ยังมาจาก Facebook อีกด้วยนะคะ

นั่นหมายความว่า ด้วยอัตราความสำเร็จแบบนี้ บวกกับการที่ Facebook เปิดตัวมากว่า 18 ปี และมีผู้ใช้งานกว่า 2.93 พันล้านคนต่อเดือน ทำให้เบื้องหลัง Facebook มีอินไซต์ของผู้ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นค่ะ

อ่านรายละเอียดหลักสูตร “Ads Optimization for Management 101”

เพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101

1.กำหนดโครงสร้างการโฆษณาใน Facebook Ads ให้ถูกต้อง

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักโครงสร้างที่ถูกต้องของการซื้อโฆษณาใน Facebook Ads กันนะคะ 

โครงสร้าง facebook ads
รูปจาก WordStream

จากภาพนี้จะเห็นว่าการโฆษณาใน Facebook Ads นั้นมีโครงสร้างที่ค่อนข้างชัดเจน คือเริ่มต้นจากการกำหนด Objective ก่อน แล้วค่อยเลือกว่าจะ Target ใครในขั้นตอนที่สอง

แต่ ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือคนส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่การกำหนด Interests ของกลุ่มเป้าหมายก่อน โดยลืมวางเป้าหมายว่า Objective คืออะไรทำให้โฆษณาที่ถูกปล่อยออกไปนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ค่ะ 

ลองมาดูตัวอย่างการวางโครงสร้างโฆษณาใน Facebook Ads กันนะคะ

สมมติว่าเรามีสินค้าเป็น E-book ที่ให้ความรู้เรื่อง SEO ซึ่งเราตั้งใจว่าจะขายให้กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลักคือนักกายภาพบำบัด นักออกแบบภายใน และนักกฎหมาย 

ดังนั้น แทนที่จะทำเป็น 3 แคมเปญแยกกัน เราสามารถสร้างแค่แคมเปญเดียว แล้วค่อยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 3 Ad Set ย่อยภายใต้แคมเปญนั้น ตามโครงสร้างด้านล่างนี้ค่ะ

โครงสร้าง facebook ads
รูปจาก WordStream

2.วางกลยุทธ์การโฆษณาให้ครอบคลุมทุก Funnel  

ลองนึกดูว่า ถ้าเราเน้นสร้าง Awareness (Top of Funnel) ผ่านโฆษณาเพียงอย่างเดียว การสร้างยอดขายก็คงเกิดขึ้นได้ยาก 

ในทางกลับกัน ถ้าเราวางแผนให้โฆษณาเกิดอิมแพ็กทั้งด้าน Consideration (Middle of Funnel) และ Conversion (Bottom of Funnel) ด้วยก็จะช่วยเพิ่มยอดขายตาม KPI ที่ตั้งไว้ได้โดยไม่เสียงบประมาณมากเกินไป แต่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา ค่ะ

การกำหนด objective ใน facebook ads
รูปจาก WordStream

ลองมาดูตัวอย่างการวางกลยุทธ์โฆษณาอย่างครอบคลุมกันนะคะ เช่น

ขั้นที่ 1: กำหนด Campaign Objective เป็น Awareness เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากกว่าเดิม ผ่านการโพสต์คลิปวิดีโอโฆษณาที่เน้นสร้าง Engagement ค่ะ

ขั้นที่ 2: กำหนด Campaign Objective เป็น Consideration ด้วยการ Target กลุ่มเป้าหมายที่ดูวิดีโอโฆษณาในขั้นที่หนึ่ง แล้วนำเสนอคอนเทนต์โฆษณาตัวใหม่ เพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ

ขั้นที่ 3: กำหนด Campaign Objective เป็น Conversion โดย Target กลุ่มเป้าหมายที่ดูโฆษณาของเราจนจบหรือใกล้จบ หรือกลุ่มคนที่กด Like กด Shares หรือพิมพ์คอมเมนต์ที่โพสต์โฆษณาของเรา เป็นต้นค่ะ เพราะถือว่าคนกลุ่มนี้มีโอกาสตัดสินใจซื้อแล้วค่ะ 

เลือก campaign objective ของ facebook ads
รูปจาก WordStream

ซึ่งตัวอย่างของ Metrics ที่ใช้วัดผลโฆษณาที่ยิงไปจะเป็นตามอินโฟกราฟิกด้านล่างนี้นะคะ

metrics ใน google ads
รูปจาก WordStream

อ่านรายละเอียดหลักสูตร “Ads Optimization for Management 101”

เพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101

3.วิเคราะห์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้ครบทุกแง่มุม 

โดยทั่วไปใน Facebook Ads จะให้เราเลือกความสนใจ (Interests) ของกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว เพื่อที่โฆษณาจะได้เข้าถึงคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น 

ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะติดปัญหาว่านึก Interests ใหม่ ๆ ของกลุ่มเป้าหมายไม่ออก ในวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากค่ะ

หัวใจสำคัญคือ อย่ายึดติดกับสินค้าหรือบริการของตัวเองมากเกินไป และให้นึกถึงความสนใจอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ (Pararell Interests) เข้าไว้นะคะ 

วิธีเลือก Interests ของ facebook ads
รูปจาก Oneppcagency

ตัวอย่างเช่น 

ถ้าธุรกิจของเราขาย ‘ตุ๊กตา’ แทนที่เราจะกำหนด Interests เป็น ตุ๊กตาประเภทต่าง ๆ เรายังสามารถกำหนด Interests เป็นสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของเด็กหรือพ่อแม่ที่มีลูกเล็กได้นะคะ เช่น

  • เสื้อผ้าเด็ก
  • ของเล่นเด็ก
  • โรงเรียนสอนศิลปะ
  • โรงเรียนสอนดนตรี 

ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างกันนะคะ สมมติว่าเราขายรองเท้าวิ่ง แทนที่เราจะกำหนด Interests เป็น ‘ฟิตเนส’ เพียงอย่างเดียว เรายังเลือกความสนใจอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น

  • เพลงป๊อบหรือเพลงร็อค เพราะคนส่วนหนึ่งก็ชอบฟังเพลงคลอไประหว่างออกกำลังกาย
  • พอดแคสต์ เพราะมีคนชอบฟังพอดแคสต์ระหว่างวิ่ง แทนการฟังเพลงเช่นเดียวกัน
  • อาหารคลีนหรือขนมคลีน เพราะคนที่อยากวิ่งก็อาจจะอยากรักษาสุขภาพด้วยการทานสิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วยค่ะ

4.ศึกษาว่าเพจไหนเป็น Influencer ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้

เทคนิคในข้อนี้ คล้ายกับการทำ Market Research เลยค่ะ เพียงแต่การศึกษาหาข้อมูลในขั้นนี้จะเน้นไปที่ Insights เกี่ยวกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายค่ะ

โดยวิธีการคือให้ลองศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายมักจะกดถูกใจหรือกดติดตามเพจไหนคล้าย ๆ กันบ้างค่ะ

ซึ่งเทคนิคคือ เพจที่เราลิสต์ไว้ไม่จำเป็นต้องเป็นเพจคู่แข่งทางตรงของเราเท่านั้นนะคะ เพราะเราจะทำการเก็บข้อมูลของเพจที่เป็นคู่แข่งทางอ้อมด้วยเช่นกันค่ะ 

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง นอกจากจะกำหนด Interests เป็นธุรกิจขายอาหารสัตว์ด้วยกัน เราอาจจะลองรีเสิร์จหาเพจใหญ่ ๆ ที่ใส่ใจเรื่องการรักสัตว์ แล้วเอาชื่อเพจนั้นไปใส่ใน Interests ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้แทนค่ะ

ตัวอย่างการกำหนด interests ใน facebook ads

อย่างเช่นเพจนี้ที่มีชื่อว่า The Humane Society of the United States ก็เป็นตัวแทนของอีกเพจที่รวมคนรักสัตว์ไว้ด้วยกันค่ะ

ตัวอย่างเพจชื่อดังสำหรับกำหนด interests ใน facebook ads

ส่วนในกรณีอื่น ๆ เช่น ถ้าเราขายเสื้อผ้าแฟชัน เราอาจจะกำหนด Interests ของกลุ่มเป้าหมายเป็นชื่อแบรนด์แฟชันใหญ่ ๆ อย่าง ZARA หรือ H&M เป็นต้นค่ะ

5.บริหารงบประมาณการโฆษณาอย่างมีกลยุทธ์ 

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือการบริหารงบประมาณในการโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในเชิงที่ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าเราจะทุ่มงบประมาณมาก ๆ ในช่วงไหน และจะค่อย ๆ ถอนงบประมาณออกไปในช่วงใดค่ะ  

แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นได้มาเริ่มทำความเข้าใจกลไกคร่าว ๆ ของการบริหารงบประมาณกันก่อนนะคะ 

คือโดยทั่วไปเมื่อเราใส่งบประมาณอะไรลงไปใน Facebook Ads ทางระบบจะใช้เวลาอย่างต่ำ 24 ชั่วโมงในการเรียนรู้และเก็บข้อมูลระดับหนึ่งก่อน ถึงจะ Optimize ตัวโฆษณาได้อย่างเต็มที่ค่ะ 

กลไกของ facebook ads
รูปจาก Socialmediaexaminer

ซึ่งข้อควรระวังคือ ถ้าเราใส่งบประมาณสำหรับการโฆษณาน้อยเกินไป งบประมาณเหล่านั้นอาจจะหมดไปตั้งแต่ก่อนตัวระบบ Facebook จะเรียนรู้และเก็บข้อมูลเสร็จก็เป็นได้ ค่ะ 

ดังนั้น พยายามคิดคำนวณให้ดีและใส่งบประมาณเข้าไปเท่าที่เหมาะสมนะคะ ต่อมาเราจะแนะนำอีกหนึ่งเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ กันค่ะ 

เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยการ ใส่งบประมาณเข้าไปมากในช่วงแรก จากนั้นเมื่อตัวระบบเริ่มรันโฆษณา แล้วสามารถเข้าถึงคนประมาณ 10,000 อิมเพรสชัน จากนั้นให้ค่อย ๆ ลดงบประมาณลงได้ ค่ะ

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่สนใจและอยากยกระดับการทำโฆษณาออนไลน์ หลักสูตร “Ads Optimization for Management 101” จะทำให้คุณรู้ลึกรู้จริงในด้านการบริหาร และการวางกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยม ทั้งฝั่ง Facebook Ads และ Google Ads เพื่อให้ช่องทางออนไลน์ของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ อ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101

สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  

Facebook: Inbox STEPS Academy  

LINE OA: @STEPStraining https://lin.ee/jRRdsrN   

โทร 065-494-6646 หรือ 02-096-4474 

 

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

6 วิธีแบ่งประเภทลูกค้าบนโลกออนไลน์ด้วยหลักการ Behavioral Segmentation
6 วิธีเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณา Google Ads แบบประหยัดงบ