Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากแพลตฟอร์มอย่าง Google และ YouTube สำหรับนักการตลาดหรือผู้ประกอบการจึงถือว่าการโฆษณาผ่าน Facebook Ads จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
เพราะคนกว่า 2.08 พันล้านคนสามารถเข้าถึง Facebook Ads ได้ในปัจจุบัน และในทุก ๆ ไตรมาสจำนวนผู้ใช้งาน Facebook ที่เข้าถึง Facebook Ads ก็เพิ่มขึ้นถึงไตรมาสละ 0.5% หรือประมาณ 15 ล้านคน อ้างอิงจาก Creative Agency ที่ชื่อ We Are Social ค่ะ
นอกจากนี้ทาง We Are Social ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า 71.64% ของ Traffic บนเว็บไซต์ส่วนใหญ่ยังมาจาก Facebook อีกด้วยนะคะ
นั่นหมายความว่า ด้วยอัตราความสำเร็จแบบนี้ บวกกับการที่ Facebook เปิดตัวมากว่า 18 ปี และมีผู้ใช้งานกว่า 2.93 พันล้านคนต่อเดือน ทำให้เบื้องหลัง Facebook มีอินไซต์ของผู้ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นค่ะ
อ่านรายละเอียดหลักสูตร “Ads Optimization for Management 101”
เพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101
1.กำหนดโครงสร้างการโฆษณาใน Facebook Ads ให้ถูกต้อง
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักโครงสร้างที่ถูกต้องของการซื้อโฆษณาใน Facebook Ads กันนะคะ
จากภาพนี้จะเห็นว่าการโฆษณาใน Facebook Ads นั้นมีโครงสร้างที่ค่อนข้างชัดเจน คือเริ่มต้นจากการกำหนด Objective ก่อน แล้วค่อยเลือกว่าจะ Target ใครในขั้นตอนที่สอง
แต่ ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือคนส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่การกำหนด Interests ของกลุ่มเป้าหมายก่อน โดยลืมวางเป้าหมายว่า Objective คืออะไรทำให้โฆษณาที่ถูกปล่อยออกไปนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ค่ะ
ลองมาดูตัวอย่างการวางโครงสร้างโฆษณาใน Facebook Ads กันนะคะ
สมมติว่าเรามีสินค้าเป็น E-book ที่ให้ความรู้เรื่อง SEO ซึ่งเราตั้งใจว่าจะขายให้กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลักคือนักกายภาพบำบัด นักออกแบบภายใน และนักกฎหมาย
ดังนั้น แทนที่จะทำเป็น 3 แคมเปญแยกกัน เราสามารถสร้างแค่แคมเปญเดียว แล้วค่อยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 3 Ad Set ย่อยภายใต้แคมเปญนั้น ตามโครงสร้างด้านล่างนี้ค่ะ
2.วางกลยุทธ์การโฆษณาให้ครอบคลุมทุก Funnel
ลองนึกดูว่า ถ้าเราเน้นสร้าง Awareness (Top of Funnel) ผ่านโฆษณาเพียงอย่างเดียว การสร้างยอดขายก็คงเกิดขึ้นได้ยาก
ในทางกลับกัน ถ้าเราวางแผนให้โฆษณาเกิดอิมแพ็กทั้งด้าน Consideration (Middle of Funnel) และ Conversion (Bottom of Funnel) ด้วยก็จะช่วยเพิ่มยอดขายตาม KPI ที่ตั้งไว้ได้โดยไม่เสียงบประมาณมากเกินไป แต่ไม่ได้อะไรกลับคืนมา ค่ะ
ลองมาดูตัวอย่างการวางกลยุทธ์โฆษณาอย่างครอบคลุมกันนะคะ เช่น
ขั้นที่ 1: กำหนด Campaign Objective เป็น Awareness เพื่อขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากกว่าเดิม ผ่านการโพสต์คลิปวิดีโอโฆษณาที่เน้นสร้าง Engagement ค่ะ
ขั้นที่ 2: กำหนด Campaign Objective เป็น Consideration ด้วยการ Target กลุ่มเป้าหมายที่ดูวิดีโอโฆษณาในขั้นที่หนึ่ง แล้วนำเสนอคอนเทนต์โฆษณาตัวใหม่ เพื่อช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นค่ะ
ขั้นที่ 3: กำหนด Campaign Objective เป็น Conversion โดย Target กลุ่มเป้าหมายที่ดูโฆษณาของเราจนจบหรือใกล้จบ หรือกลุ่มคนที่กด Like กด Shares หรือพิมพ์คอมเมนต์ที่โพสต์โฆษณาของเรา เป็นต้นค่ะ เพราะถือว่าคนกลุ่มนี้มีโอกาสตัดสินใจซื้อแล้วค่ะ
ซึ่งตัวอย่างของ Metrics ที่ใช้วัดผลโฆษณาที่ยิงไปจะเป็นตามอินโฟกราฟิกด้านล่างนี้นะคะ
อ่านรายละเอียดหลักสูตร “Ads Optimization for Management 101”
เพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101
3.วิเคราะห์ความสนใจของกลุ่มเป้าหมายให้ครบทุกแง่มุม
โดยทั่วไปใน Facebook Ads จะให้เราเลือกความสนใจ (Interests) ของกลุ่มเป้าหมายอยู่แล้ว เพื่อที่โฆษณาจะได้เข้าถึงคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น
ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะติดปัญหาว่านึก Interests ใหม่ ๆ ของกลุ่มเป้าหมายไม่ออก ในวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากค่ะ
หัวใจสำคัญคือ อย่ายึดติดกับสินค้าหรือบริการของตัวเองมากเกินไป และให้นึกถึงความสนใจอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ (Pararell Interests) เข้าไว้นะคะ
ตัวอย่างเช่น
ถ้าธุรกิจของเราขาย ‘ตุ๊กตา’ แทนที่เราจะกำหนด Interests เป็น ตุ๊กตาประเภทต่าง ๆ เรายังสามารถกำหนด Interests เป็นสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของเด็กหรือพ่อแม่ที่มีลูกเล็กได้นะคะ เช่น
- เสื้อผ้าเด็ก
- ของเล่นเด็ก
- โรงเรียนสอนศิลปะ
- โรงเรียนสอนดนตรี
ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างกันนะคะ สมมติว่าเราขายรองเท้าวิ่ง แทนที่เราจะกำหนด Interests เป็น ‘ฟิตเนส’ เพียงอย่างเดียว เรายังเลือกความสนใจอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น
- เพลงป๊อบหรือเพลงร็อค เพราะคนส่วนหนึ่งก็ชอบฟังเพลงคลอไประหว่างออกกำลังกาย
- พอดแคสต์ เพราะมีคนชอบฟังพอดแคสต์ระหว่างวิ่ง แทนการฟังเพลงเช่นเดียวกัน
- อาหารคลีนหรือขนมคลีน เพราะคนที่อยากวิ่งก็อาจจะอยากรักษาสุขภาพด้วยการทานสิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วยค่ะ
4.ศึกษาว่าเพจไหนเป็น Influencer ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้
เทคนิคในข้อนี้ คล้ายกับการทำ Market Research เลยค่ะ เพียงแต่การศึกษาหาข้อมูลในขั้นนี้จะเน้นไปที่ Insights เกี่ยวกับความชอบของกลุ่มเป้าหมายค่ะ
โดยวิธีการคือให้ลองศึกษาว่ากลุ่มเป้าหมายมักจะกดถูกใจหรือกดติดตามเพจไหนคล้าย ๆ กันบ้างค่ะ
ซึ่งเทคนิคคือ เพจที่เราลิสต์ไว้ไม่จำเป็นต้องเป็นเพจคู่แข่งทางตรงของเราเท่านั้นนะคะ เพราะเราจะทำการเก็บข้อมูลของเพจที่เป็นคู่แข่งทางอ้อมด้วยเช่นกันค่ะ
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง นอกจากจะกำหนด Interests เป็นธุรกิจขายอาหารสัตว์ด้วยกัน เราอาจจะลองรีเสิร์จหาเพจใหญ่ ๆ ที่ใส่ใจเรื่องการรักสัตว์ แล้วเอาชื่อเพจนั้นไปใส่ใน Interests ของกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดไว้แทนค่ะ
อย่างเช่นเพจนี้ที่มีชื่อว่า The Humane Society of the United States ก็เป็นตัวแทนของอีกเพจที่รวมคนรักสัตว์ไว้ด้วยกันค่ะ
ส่วนในกรณีอื่น ๆ เช่น ถ้าเราขายเสื้อผ้าแฟชัน เราอาจจะกำหนด Interests ของกลุ่มเป้าหมายเป็นชื่อแบรนด์แฟชันใหญ่ ๆ อย่าง ZARA หรือ H&M เป็นต้นค่ะ
5.บริหารงบประมาณการโฆษณาอย่างมีกลยุทธ์
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือการบริหารงบประมาณในการโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ในเชิงที่ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าเราจะทุ่มงบประมาณมาก ๆ ในช่วงไหน และจะค่อย ๆ ถอนงบประมาณออกไปในช่วงใดค่ะ
แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นได้มาเริ่มทำความเข้าใจกลไกคร่าว ๆ ของการบริหารงบประมาณกันก่อนนะคะ
คือโดยทั่วไปเมื่อเราใส่งบประมาณอะไรลงไปใน Facebook Ads ทางระบบจะใช้เวลาอย่างต่ำ 24 ชั่วโมงในการเรียนรู้และเก็บข้อมูลระดับหนึ่งก่อน ถึงจะ Optimize ตัวโฆษณาได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ซึ่งข้อควรระวังคือ ถ้าเราใส่งบประมาณสำหรับการโฆษณาน้อยเกินไป งบประมาณเหล่านั้นอาจจะหมดไปตั้งแต่ก่อนตัวระบบ Facebook จะเรียนรู้และเก็บข้อมูลเสร็จก็เป็นได้ ค่ะ
ดังนั้น พยายามคิดคำนวณให้ดีและใส่งบประมาณเข้าไปเท่าที่เหมาะสมนะคะ ต่อมาเราจะแนะนำอีกหนึ่งเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ กันค่ะ
เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยการ ใส่งบประมาณเข้าไปมากในช่วงแรก จากนั้นเมื่อตัวระบบเริ่มรันโฆษณา แล้วสามารถเข้าถึงคนประมาณ 10,000 อิมเพรสชัน จากนั้นให้ค่อย ๆ ลดงบประมาณลงได้ ค่ะ
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่สนใจและอยากยกระดับการทำโฆษณาออนไลน์ หลักสูตร “Ads Optimization for Management 101” จะทำให้คุณรู้ลึกรู้จริงในด้านการบริหาร และการวางกลยุทธ์โฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มยอดนิยม ทั้งฝั่ง Facebook Ads และ Google Ads เพื่อให้ช่องทางออนไลน์ของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ อ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ 🔗 https://stepstraining.co/ads-optimization-101
สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Inbox STEPS Academy
LINE OA: @STEPStraining https://lin.ee/jRRdsrN
โทร 065-494-6646 หรือ 02-096-4474