- Google ปรับอัลกอริทึมใหม่ และ ยังคงพัฒนาต่อไป เพื่อแสดงคอนเทนต์ที่เหมาะสมที่สุดให้ผู้ใช้งานคลิกไปยังหน้าเว็บไซต์
- Meta นำเสนอคอนเทนต์ที่สร้าง Community ที่มีความสนใจคล้ายกัน ให้ผู้ใช้งานได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน
- วางแผนทำแคมเปญโดยยิงแอดผ่านช่องออนไลน์ที่หลากหลาย เพื่อสร้าง Awareness ผ่านเครื่องมือเดียว พร้อมทำรายงานสรุปผลแบบ Real – Time
ตัวอย่างการทำการตลาดดิจิทัลด้านบนนี้ หากดูดี ๆ คุณผู้อ่านจะเห็นว่ามีส่วนสำคัญทั้งหมด 3 สิ่งด้วยกัน นั่นคือ เทคโนโลยี ข้อมูล และ ตัวบุคคลวางแผนการตลาด ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ ๆ ตลอดเวลา และ มีการนำ Data มาขับเคลื่อนธุรกิจ นักการตลาด หรือ ผู้ประกอบการในยุคดิจิทัลอย่างเราจะต้องก้าวทันสิ่งเหล่านี้ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งในวันนี้ ผู้เขียนจะขอแนะนำ 4 Tips ดีๆ ที่สามารถนำไปยิงโฆษณาแล้วได้ผลจริง โดยเน้นไปที่ผลลัพธ์ทั้ง 4 รูปแบบด้วยกันค่ะ
1 วิธียิงแอดเพื่อสร้าง การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
2 เน้นยิงแอดเพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น (ROI)
3 วิธียิงแอดเพื่อที่เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และ ลูกค้า (Engagement)
4 เน้นยิงแอดเพื่อให้ลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ และกระทำกิจกรรมบางอย่างที่แคมเปญได้ตั้งเป้าหมายไว้ (Conversion)
1 วิธียิงแอดเพื่อสร้าง การรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
การสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือวิธีที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักสินค้า และ บริการของธุรกิจเรา อันดับแรกคือการวางกลยุทธ์โฆษณา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแบรนด์เราผ่านตา หรือเป็นที่รู้จักก่อน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปัจจุบันเราเข้าถึงโลกออนไลน์ได้หลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางเว็บไซต์ และ แอป การใช้อีเมล การดูดิจิทัลทีวีที่เรา Subscribe หรือแม้กระทั่งการเสิร์ชหาสินค้า และ บริการผ่าน Google ก็ยังมีแอดปรากฏขึ้น แถมบางแอดก็น่าสนใจจนเราคลิกเข้าไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ดังนั้น การเดินทางที่หลากหลายรูปแบบของลูกค้า นักการตลาดสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ด้วยการทำการตลาดด้วยการยิงโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ในเวลาเดียว นั่นคือ การทำ Multi-Channel Ad Campaigns
นักการตลาด และ ผู้ประกอบการสามารถยิงโฆษณาแคมเปญเดียวผ่านเครื่องมือ CRM ที่มีอยู่เพื่อตั้งเวลาโพสต์ไปพร้อมๆ กันได้ และ สามารถเก็บ Data เอาไว้เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไป เพื่อดูว่า แคมเปญนี้ได้ผลหรือไม่ หรือมีช่องทางไหนที่ตอบโจทย์เป็นพิเศษ
Tips การยิงแอดผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายของแบรนด์
- สามารถนำกราฟิก หรือ Rich Media มาปรับใช้กับแพลตฟอร์มที่รองรับกราฟิกขนาดเดียวกันเพื่อประหยัดงบประมาณ
- หากทดลองยิงแอดไปแล้วระยะหนึ่ง และพบว่า Budget ยังเหลือ หรือ ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ สามารถโยกงบประมาณส่วนนี้ออกไป หรือ ลดงบประมาณลง และ นำงบส่วนนี้ไปใส่ยังแพลตฟอร์มที่มี Performance สูงกว่า
- การยิงแอดหลาย ๆ ช่องทางจะทำให้ลูกค้ารู้จักแคมเปญของเราได้ง่าย และ ไวขึ้น แต่ให้เลือกใช้ช่องทางที่ใช่จริง ๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าตัวจริงเข้าถึงแบรนด์ของเรา (นักการตลาดควรนำ Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์เพื่อหาแพลตฟอร์มที่ลูกค้าเราใช้จริง)
- ลองทำ A/B Testing ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ก่อนล่วงหน้า เพื่อดูว่าโฆษณาจากช่องทางไหนได้ผลมากกว่ากัน
- Multi-Channel Ad Campaigns ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าได้ดี
2 วิธียิงแอดเพื่อที่เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และ ลูกค้า (Engagement)
การสร้าง Engagement ต่างจากการสร้าง Brand Awareness ตรงที่กลุ่มเป้าหมายจะรู้จักแบรนด์เรามาก่อนอยู่แล้ว แล้วจึงเกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์ และ ลูกค้า โดยแคมเปญโฆษณาที่เน้น Engagement ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามายังหน้าร้านค้า และ ดูสินค้า โดยเราสามารถปรับปรุงการบิงแอดให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีเหล่านี้
Tips การยิงแอดเพื่อสร้าง Engagement ให้ปัง
- Copy Writing กระชับ แต่ตอบโจทย์คนอ่าน เนื่องจากโฆษณามีเวลาเพียงสั้น ๆ ดังนั้นจะต้องเลือกใช้ Keyword ให้ตอบโจทย์
- Call to Action หรือปุ่ม CTA ชัดเจน เลือกใช้คำให้ตรงกับสิ่งที่แคมเปญต้องการให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามา เช่น การใช้คำว่า Order Now (สั่งซื้อตอนนี้) จะตรงกับแคมเปญที่เน้นการซื้อสินค้า และ บริการ มากกว่าคำว่า ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งสามารถสร้างจูงใจให้กลุ่มเป้าหมายคลิกได้ดีกว่า
- เลือกเวลายิงแอดให้เหมาะสม เนื่องจากบางแคมเปญหากเน้นไปที่การสั่งอาหาร หรือ ซื้อผลิตภัณฑ์ในเวลาที่กำหนด การเลือกยิงแอดให้ถูกเวลา จะช่วยตอบโจทย์ให้ลูกค้าคลิกเข้ามาในเวลาที่ถูกต้องมากขึ้น
- ความถี่ในการยิงแอด จะต้องเลือกปรับความถี่ให้ผู้ใช้งานเห็นโฆษณาเรามากพอที่จะจดจำสินค้า และ บริการ แต่จะต้องไม่ทำให้รู้สึกกวนใจมากเกินไป เช่น การยิงแอดผ่าน Meta ควรตั้งค่ายิงแอดที่ความถี่ 2 ครั้งต่อ 5 วันสำหรับการมองเห็นของ User หนึ่งคน หรืออาจเพิ่มได้มากกว่านั้น แต่ไม่ควรถี่เกินไป เพราะจะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ ไม่เป็นในเชิงลวก
- ถ้ายิงแอดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Instagram และ TikTok ให้เน้นไปที่การใช้วิดีโอมีเดีย ยิ่งไปกว่านั้น ให้เน้นไปที่วิดีโอแนวตั้ง จะสามารถสร้าง Engagement ได้ตอบโจทย์ขึ้น
3 เน้นยิงแอดเพื่อให้ลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ (Conversion)
การทำโฆษณาเพื่อเน้นผลลัพธ์ให้คนเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะเป็นแนว Paid Search กล่าวคือ เมื่อมีคนเข้ามาค้นหา Keyword เกี่ยวข้องกับแบรนด์ บนหน้า Google และมีการแสดงผลลัพธ์บนหน้า SERP (Search Engine Result Page) โฆษณาของแบรนด์จะปรากฏขึ้น ดังนั้น การวางแผนทำโฆษณาที่สร้างผลลัพธ์ที่ดีจะต้องเลือกทั้ง Keywords ให้ตรงกับคำค้นหา และ คำนึงถึง Google Ads Quality Score โดยผู้เขียนจะสรุปคร่าว ๆ เพื่อเป็นแนวทางดังนี้ค่ะ
Tips การยิงแอดที่เน้นการสร้าง Conversion ให้กับเว็บไซต์
- Optimize ที่ Quality Score หรือการเลือก Keyword ที่ตรงกับคำค้นหา
- หากแบรนด์ทำการตลาดโดยใช้เครื่องมือ Google Analytics จะช่วยให้นักการตลาด และ ผู้บริหารวิเคราะห์หา Keywords ที่น่าสนใจมายิงแอดได้ เนื่องจาก Google Analytics จะทำให้เราทราบว่า ลูกค้าของเราสนใจคอนเทนต์แบบไหน หรือ เข้าไปดูสินค้า และ บริการในแคมเปญอะไรอยู่ ทำให้เราตัดสินใจในการวางแผนงานในแคมเปญต่อไปได้ง่ายขึ้น
- ใช้เครื่องมือ Google Search Console เพื่อดู Keyword โดยเฉพาะว่ามีกลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามา หรือเจอคอนเทนต์เราผ่านคำค้นหาใดบ้าง จะทำให้การโฆษณาของเราตอบโจทย์ และ ตัดสินใจคลิกได้ง่ายขึ้น
- Landing Page ของเว็บไซต์ต้องตรงกับเนื้อหา หรือมีความเกี่ยวข้องกัน
- หากเพิ่งเริ่มยิงแอดใหม่ ๆ ลองเลือกคำค้นหาประเภท Long-Tail Keyword* ที่เป็นวลี และ เลือกทำ Keyword รูปแบบ Exact Match* และ Phrase Match* ซึ่งจะทำให้โฆษณาของเราอยู่ในอันดับต้น ๆ และ กลุ่มเป้าหมายเลือกคลิกในที่สุด*
- เมื่อโฆษณาของเรามี Keywotd ที่ตอบโจทย์จะทำให้มีการคลิกไปยังหน้าเว็บไซต์มากขึ้น ส่งผลให้ยอด CTR เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ Quality Score ของแบรนด์ดีขึ้นตามลำดับ
**(ความหมายของคำศัพท์:
– Long Tail Keyword = คำค้นหาที่มีมากกว่าหนึ่งคำ เป็นลักษณะเหมือนวลี ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้นหาเจอสินค้า และ บริการได้ตรงใจมากขึ้น
– Exact Match คือการเลือก Keyword ให้ตรงกับคำค้นหาแบบเป๊ะ ๆ ตรงตัว ซึ่ง Tips ตรงนี้ เราอาจใส่ชื่อแบรนด์ของเรา + กับสินค้าที่เราต้องการนำเสนอ
– Phrase Match คือการเลือก Keyword ที่มีคำศัพท์มากกว่าหนึ่งคำ เป็นวลี หรือ ประโยค ทำให้ลูกค้าเจอสินค้าได้ตอบโจทย์ง่ายขึ้น
- Optimize โฆษณาโดยคำนึงถึง Ad Rank
จากที่กล่าวไปข้างต้นตอนแรกว่า Google จะมีอัลกอริทึมที่วิเคราะห์หาคอนเทนต์ ที่น่าสนใจ รวมไปถึงแอดเพื่อนำเสนอสินค้า และ บริการที่ตรงกับความต้องการลูกค้ามากที่สุดมานำเสนอ ดังนั้น แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการคุณภาพของ Ad Rank ด้วยเช่นกัน
โดยปกติแล้ว Google Ads จะมีวิธีวิเคราห์ และให้คะแนน Ad Rank แก่แบรนด์ที่ทำโฆษณา ซึ่งจะสามารถกำหนดได้ว่าโฆษณานั้น ๆ อยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ โดยคะแนน Quality Score จะถูกนำไปคำนวณหาค่า Ad Rank ตามสูตรด้านล่างนี้ค่ะ
สูตรคำนวณ Ad Rank = Quality Score x Maximum Bid
ตัวอย่างการเลือก Ad Rank
Quality Score | Maximum Bid | Rank Ad | Position | |
โฆษณา A | 6 คะแนน | 15 บาท | 90 | 2 |
โฆษณา B | 8 คะแนน | 12 บาท | 96 | 1 |
โฆษณา C | 8 คะแนน | 10 บาท | 80 | 3 |
จากตัวอย่างด้านบนเราจะเห็นว่า Ad Rank ที่สูงที่สุดคือ โฆษณา B ซึ่งแม้ว่าค่า Maximum Bid จะไม่ได้สูงที่สุด แต่ Quality Score มีส่วนช่วยให้ Ad Rank ปรากฏในตำแหน่งที่สูงกว่าได้
หรือหากดูจาก Qaulity Score ของโฆษณา B และ C ก็จะเห็นว่า มีคะแนนเท่ากันเลย แต่ว่าตัว Max Bid ต่างกัน ทำให้ Rank Ad ของโฆษณา B อยู่ในลำดับที่สูงกว่า หรือ เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักการตลาดหากต้องการ Optimize โฆษณา เราอาจจะเพิ่มค่า Max Bid ให้สูงขึ้น หรือ ปรับปรุงคุณภาพ Qaulity Score ให้สูงขึ้น หรือทำทั้งสองอย่างเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็ได้เช่นกันค่ะ
4 เน้นยิงแอดเพื่อสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น
วิธีการปรับปรุงโฆษณาให้ดีขึ้น เพื่อสร้างยอดขายให้ปังกว่าเดิม สามารถทำได้ทั้งวิธี Remarketing และ Retargeting โดยทั้งสองกลยุทธ์มีความแตกต่างกันดังนี้ค่ะ
Tips การยิงแอดที่เน้นการสร้างยอดขายให้ดีกว่าเดิม
- Remarketing
คือการยิงแอดไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เรามี Data ในมือไปยังกลุ่มเป้าหมายเดิม ซึ่ง กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้อาจจะเคยเห็นโฆษณา หรือ แคมเปญ และกดเข้ามายังทางเว็บไซต์โดยตรง หรือผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยนักการตลาด สามารถยิงแอดไปยังกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้อีกครั้งด้วยการติดตั้ง Tag เพื่อแสดงโฆษณาของเราให้ลูกค้าเห็นอีกครั้ง เพื่อให้เกิดโอกาสในการซื้อมากขึ้น ซึ่งแบรนด์สามารถยิงแอดส่งไปในรูปแบบ Display Banner และ ช่องทางการค้นหา
- Retargeting
Retargeting คือการติดตามข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายด้วยการเก็บ Data จาก Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา โดยนักการตลาดสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยการสร้าง Cookie เอาไว้ และยิงแอดภายหลัง สรุปง่าย ๆ คือการเพิ่มโอกาสให้ว่าที่ลูกค้า กลายมาเป็นลูกค้าเราในที่สุด
ข้อดีในการทำ Remarketing และ Retargeting
- เพิ่ม Brand Awareness ได้ในเบื้องต้น ทำให้มีตัวตนบนโลกออนไลน์
- เพิ่มโอกาสให้กลุ่มว่าที่ลูกค้ากลายมาเป็นลูกค้า
- สร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น
- เพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์
- เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นผ่าน data ที่มีในมือ