10 เหตุผลที่คุณควรทำ Inbound Marketing สุดยอดการทำการตลาดด้วยกฏแรงดึงดูด ตั้งแต่วันนี้ แบบ Step by Step

Inbound Marketing คืออะไร

Inbound Marketing คือการทำการตลาดที่โฟกัสภายในพื้นที่ของตนเองเป็นหลักผ่าน Content เพื่อให้สอดคล้องหรือตอบสนองกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยไม่เป็นการรบกวน เพราะลูกค้าจะพบเจอแบรนด์ด้วยตนเอง อาจผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blog, Google, Facebook, YouTube, LINE หรือ Social Media อื่น ๆ โดยการทำ Inbound Marketing นี้จะช่วยสร้างเครดิตและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการสื่อสารแบบ two-way ที่ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์สามารถสื่อสารกันได้

โดยจะตรงกันข้ามกับการทำ Outbound Marketing ที่โฟกัสที่การออกแบบสร้างชิ้นงานโฆษณา แล้วผลักดันชิ้นงานให้ไปสู่กลุ่มลูกค้า (บางตำราก็เรียกว่า Traditional Marketing) แม้ว่าลูกค้าเหล่านั้น จะไม่ต้องการเห็นก็ตามที โดยเราจะเห็นได้จากสื่อหลักดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เป็นต้น โดย Outbound Marketing นี้จะเป็นการสื่อสารแบบ one-way ที่แบรนด์สื่อออกมาฝ่ายเดียว

แน่นอนว่าการทำการตลาดไม่ว่าจะแบบใด ย่อมมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และกลยุทธ์ของแต่ละธุรกิจที่ต้องการทุ่มงบโฆษณาไปที่ด้านใด

สาเหตุที่บทความนี้หยิบยกเรื่องของ Inbound Marketing ขึ้นมาก็คือ จากข้อมูลสถิติของ Demand Metric ที่น่าสนใจข้อหนึ่งก็คือ การทำ Inbound Marketing จะช่วยประหยัดงบประมาณด้านการตลาดได้ถึง 62% เมื่อเทียบกับการทำ Outbound Marketing ในขณะที่ผลลัพธ์ของการทำ Inbound Marketing นั้นสูงกว่า 3 เท่าตัว

ดังนั้น สำหรับ SMEs ที่มีขนาดธุรกิจไม่ใหญ่มากนัก จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะใช้การทำ Inbound Marketing เนื่องจากงบประมาณด้านการตลาดที่มีอยู่อย่างจำกัด

และถ้าหากคุณสนใจในการเริ่มต้นทำ Inbound Marketing รวมถึงวางกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลให้เติบโตแทรงหน้าคู่แข่ง ขอแนะนำให้รู้จักกับหลักสูตร “Digital Marketing Strategy” ที่จะช่วยคุณเพิ่มพูนทักษะความรู้เกี่ยวกับสายงานด้านการตลาด ผ่านการทำความเข้าใจการทำงานของแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ รวมถึงเคล็ดลับการวางกลยุทธ์บนโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทาง และนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist

inbound marketing

10 เหตุผลที่คุณควรเริ่มต้นทำ Inbound Marketing ตั้งแต่วันนี้

1. 91% ของผู้ที่ใช้ Email ยกเลิกการรับข่าวสารที่เคยลงทะเบียนไว้กับเว็บไซต์ของแบรนด์
2. 84% ของบุคคลที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี รีบออกจากเว็บไซต์ เพราะไม่ชอบการยัดเยียดโฆษณาในระหว่างที่ใช้งานเว็บไซต์อยู่ หรือมีโฆษณาขึ้น โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์
3. 86% ของผู้คนส่วนใหญ่ กดข้ามโฆษณาทีวี
4. 44% ของ Email ที่แบรนด์ส่งออกไป ไม่เคยเปิดอ่าน Email เลย
5. Inbound Marketing ใช้งบประมาณในการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าใหม่น้อยกว่าถึง 62% เมื่อเทียบกับการทำ Traditional Marketing หรือ Outbound Marketing
6. จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 55% ของบริษัทที่ใช้การทำ Blog Marketing สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
7. จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 47% ของบริษัทที่ใช้การทำ Social Media Marketing สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
8. จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 39% ของบริษัทที่ใช้การทำ SEO สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
9. นักการตลาดกว่า 61% ทั่วโลก ลงทุนใน Inbound Marketing มากกว่า Outbound Marketing
10. 67% ของบริษัทแบบ B2C และ 41% ของบริษัทแบบ B2B พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ลูกค้าส่วนใหญ่มาจาก Facebook

อ้างอิงข้อมูลจากภาพ http://mashable.com/2011/10/30/inbound-outbound-marketing/

 

3 องค์ประกอบที่สำคัญในการทำแคมเปญ Inbound Marketing

1. Content

สำหรับการทำ Inbound Marketing นั้น Content ถือได้ว่าเป็นปัจจัยหลักที่จำเป็นต้องใช้ เพราะการทำ Content นั้น จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ผ่าน Content ที่มีประโยชน์ ตอบโจทย์ผู้คน และทำให้คุณภาพชีวิตผู้คนนั้นดีขึ้น

2. Search Engine Optimization (SEO)

กล่าวคือ Google ในแต่ละวันนั้น มีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่าล้านครั้งต่อนาที ดังนั้นเมื่อทำ Content ที่มีคุณภาพออกมาแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องปรับ Content ให้สอดคล้องกับหลัก SEO เพื่อให้มีโอกาสติดอันดับบนผลการค้นหาของ Google เป็นอันดับต้น ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับ Google

3. Social Media

เปรียบเสมือนเป็นเครื่องขยายเสียงให้กับ Content ที่เราสร้างขึ้น ให้ผู้คนที่ชุมนุมอยู่บน Social Media Plateform ต่าง ๆ มีโอกาสได้พบเห็น Content ของแบรนด์ ได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อเกิดการแชร์กันบนโลกโซเชียล ก็จะกลายเป็นการตลาดแบบปากต่อปาก เพื่อนบอกเพื่อน แนะนำต่อ ๆ กัน และนำพาผู้คนไปยัง Website เพิ่มมากยิ่งขึ้น

 

4 ขั้นตอนการกำหนดกลยุทธ์การทำ Inbound Marketing

เครดิตภาพจาก www.hubspot.com

 

ขั้นตอนที่ 1 Attract

เปลี่ยนจากคนแปลกหน้า (Strangers) ให้กลายมาเป็นผู้เยี่ยมชม (Visitors) ซึ่งคนแปลกหน้าที่ว่านี้ จะต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราที่ผ่านการทำ Buyer Persona มาแล้ว เพียงแต่กลุ่มคนเหล่านี้ ยังไม่รู้จักแบรนด์ของเราเท่านั้นเอง ส่วนวิธีการคือ การสร้าง Content ที่วิเคราะห์ Keyword หรือคำที่มีคนค้นหาบน Google แล้วปรับแต่ง Content ให้เหมาะสมกับหลัก SEO จากนั้นก็เผยแพร่ผ่าน Blog แล้วแชร์ลงบน Social Network ต่าง ๆ

ขั้นตอนที่ 2 Convert

เปลี่ยนจากผู้เยี่ยมชม (Visitors) ให้กลายเป็นผู้มุ่งหวัง (Leads) ซึ่งผู้มุ่งหวังในที่นี้หมายถึง จากคนที่ไม่ได้มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าหรือบริการเลย แต่เมื่อให้ผู้เยี่ยมชมกระทำการบางอย่าง (Call to Action – CTA) เพื่อแลกกับข้อมูลส่วนตัวในการติดต่อ เช่น ให้ผู้เยี่ยมชมกรอก ชื่อ-สกุล อีเมล์ เบอร์โทร เพื่อแลกกับ Content พิเศษที่บรรจุอยู่ในรูปแบบของ Ebook เป็นต้น

จากขั้นตอนนี้ เราจะสามารถกรองคนที่มีโอกาสที่จะกลายมาเป็นลูกค้าที่มีโอกาสจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจุดประสงค์ในขั้นตอนนี้ก็คือ จะต้องสร้างฐานรายชื่อกลุ่มผู้มุ่งหวัง ที่มีโอกาสกลายมาเป็นลูกค้าของเราให้ได้ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Lead Generation แปลได้ง่าย ๆ ว่าการสร้างฐานรายชื่อกลุ่มผู้มุ่งหวัง โดยให้ผู้เยี่ยมชม กรอกรายละเอียดในการติดต่อกลับ

ขั้นตอนที่ 3 Close

เปลี่ยนจากผู้มุ่งหวัง (Leads) ให้กลายมาเป็นลูกค้า (Customers) และแล้วก็ถึงขั้นตอนที่ทุก ๆ แบรนด์ ต้องการให้เกิดขึ้นก็คือการมียอดขายเพิ่มขึ้นจากฐานรายชื่อผู้มุ่งหวังที่สร้างขึ้นเอาไว้ในขั้นตอนที่ผ่านมา ในขั้นตอนนี้จะต้องปิดการขายให้ได้ 

แน่นอนว่า Content และคำสื่อสารสำหรับคนกลุ่มนี้จะแตกต่างออกไปจาก Content แรกสุด ดังนั้น จึงต้องมีการออกแบบคำสื่อสารและกระบวนการสำหรับกลุ่มคนที่เป็น Leads โดยเฉพาะ โดยจะต้องมีการสานความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างแบรนด์และกลุ่ม Leads โดยจะเรียกว่า Customer Relationship Management – CRM ไปจนกระทั่งเกิดการซื้อขายกันในที่สุด โดยปัจจุบันมีการนำเครื่องมือ Automation มาช่วยในการส่ง Email ไปยัง Leads ที่เก็บไว้ในระบบ CRM ยกตัวอย่างเช่น ActiveCampaign

ขั้นตอนที่ 4 Delight

เปลี่ยนจากลูกค้า (Customers) ให้กลายมาเป็นนักโปรโมท (Promoters) จากขั้นตอนที่แล้ว จะพบว่าเกิดการซื้อขายกันเรียบร้อยแล้ว แต่ Inbound Marketing ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะสิ่งที่ทรงพลังกว่าการเป็นลูกค้าก็คือ การบอกปากต่อปากของลูกค้า ต่อกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขา เพราะถ้าเราสังเกตให้ดีว่า เวลาที่เราจะซื้อสินค้าอะไรสักอย่างหนึ่ง เรามักจะขอคำแนะนำจากเพื่อน ๆ ของเรา เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อ และยิ่งเพื่อนที่เคยใช้สินค้าหรือบริการนั้นมาก่อนแล้วด้วย ยิ่งมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเป็นอย่างมาก

โดยวิธีการที่ง่ายที่สุด ที่เราจะรู้ Feedback ของลูกค้าก็คือ ถามออกไปตรง ๆ เลยว่า หลังการใช้สินค้าหรือบริการของแบรนด์แล้ว มีความคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้าง ชอบสิ่งไหน ไม่ชอบสิ่งไหน อยากให้ปรับปรุงอะไรเพิ่มเติม คุณจะพบว่า ลูกค้ายินดีบอกกับเราง่ายและตรงประเด็นกว่าที่คุณคิดเอาไว้เยอะ พยายามคิดแทนลูกค้า แต่ให้ถามลูกค้าออกไปตรง ๆ เลย

การทำ Inbound Marketing ใช้งบประมาณเริ่มต้นที่ต่ำกว่ามากและสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำกว่าการทำ Traditional Marketing ที่เน้นแบบ Mass หรือกลุ่มกว้าง ๆ ที่ไม่สามารถระบุกลุ่มได้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นบน Facebook สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดยิบ ตั้งแต่ เพศ อายุ การศึกษา ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน ความสนใจ ความสัมพันธ์ เป็นต้น

 

Resources:

  • https://www.contentshifu.com
  • https://www.hubspot.com
  • https://blog.hubspot.com
  • http://mashable.com
  • http://voltierdigital.com
  • https://blog.hubspot.com

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

3 ข้อดีของการใช้ DATA ในการบริหารธุรกิจ
5 เทคนิคในการสร้าง Affiliate Marketing บนช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขาย (Update)