Google Analytics คืออะไร? สอนวิธีใช้แบบง่าย ๆ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้

 

ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจออนไลน์ประเภทไหน มีขนาดองค์กรใหญ่หรือเล็ก ล้วนแล้วแต่มีการแข่งขันในโลกดิจิทัล เพื่อให้แบรนด์สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งการใช้เครื่องมือเพื่อวัดผลทางการตลาดหรือเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ สามารถสร้างโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลมีเดีย และยกระดับธุรกิจให้เดินหน้าต่อไปในอนาคต

สำหรับวันนี้ STEPS Acaedmy จะพาคุณไปรู้จักเครื่องมือดิจิทัลที่เป็นกำลังเป็นที่นิยม เพื่อช่วยให้การทำธุรกิจของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย และสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ เพื่อต่อยอดการทำการตลาดในอนาคต เจ้าเครื่องมือที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้คือ Google Analytics ค่ะ

  • Google Analytics เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ เพื่อนำไปพัฒนาเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • Google Analytics สามารถช่วยวิเคราะห์ทิศทางการทำการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น
  • ข้อมูลจาก Google Analytics สามารถนำไปใช้เพื่อทำ Remarketing ได้เพื่อเพิ่มยอดขาย

หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Remarketing บน Facebook สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามลิงก์นี้เลยค่ะ

Google Analytics คืออะไร? 

 

Google Analytics คืออะไร
ภาพจาก: lyfemarketing.com

Google Analytics คือ เครื่องมือที่สามารถวัดผลประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ด้วยการนำข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์มาวิเคราะห์ ซึ่งจะเป็นลักษณะการเก็บสถิติแบบละเอียด ว่าผู้ที่เข้ามาใช้งานคือใคร โดยแบ่งตามลักษณะดังต่อไป คือ

  • Demographic;  ภูมิประชากรศาสตร์ เช่น  อายุ เพศ อาชีพ ภาษา สถานที่ที่อยู่อาศัย
  • Behavior; พฤติกรรมของลูกค้า เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ และสามารถวัดผล Traffic บนหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น

 

ความสามารถของ Google Analytics 

ผู้เขียนได้รวบรวมความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของ Google Analytics และสิ่งที่สามารถนำไปพัฒนาเว็บไซต์ของแบรนด์ได้ดังนี้

  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูล Acquisition ของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ ว่ามาจากช่องทางไหน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่า แพลตฟอร์มออนไลน์ใดที่ใช้ในการทำโฆษณาแล้วได้ผลมากกว่ากันเช่น ช่องทาง Facebook มี Traffic การคลิกเข้ามามากกว่า  Google ดังนั้นผู้ประกอบการอาจใช้งบในการทำโฆษณา จาก Facebook มากกว่า Google เพื่อให้โปรโมตแบรนด์ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปปรับปรุงหน้าเว็บไซต์ให้ดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้าอยู่บนหน้าเว็บได้นานขึ้นและเกิดการซื้อขาย
  • สามารถวิเคราะห์ Conversion Rate ซึ่งได้แก่ การคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ การสมัครสมาชิก การกด Subscribe การลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ เป็นต้น

 

หนึ่งในความสามารถในการวัดผลของ Google Analytics คือการรายงานข้อมูล Demographiv และพฤติกรรมของลูกค้า
  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูล Demographic ของกลุ่มเป้าหมาย เช่น เพศ อายุ เมืองหรือประเทศที่อยู่อาศัย ความสนใจและความชอบส่วนตัว สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้เครื่องมือสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายที่ใช่ในอนาคต และเจอฐานการตลาดของแบรนด์ ไม่ต้องเสียเวลา และงบประมาณในการทำโฆษณาแบบไม่มีจุดหมาย
  • สามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปต่อยอดการทำโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มอื่น ๆ
  • สามารถวัดความเร็วของหน้าเว็บไซต์ได้ ซึ่งมีผลมากกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) เนื่องจากระบบอัลกอริทึมจะจัดลำดับให้เว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคนี้ กลายเป็นเว็บไซต์แนะนำและติดหน้าแรกบน Google ทำให้กลุ่มเป้าหมายเจอเว็บไซต์ของเราง่ายขึ้น

หากคุณสนใจบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิค SEO เพิ่มเติม คลิก >> ทำความรู้จักกับ E-A-T เพื่อปรับปรุง SEO และ เทคนิคการเขียนบทความให้ติดหน้าแรกของ Google

หน้าเว็บไซต์ก็เปรียบเสมือนหน้าร้านของคุณ ดังนั้นการหมั่นอัปเดตหน้าเว็บไซต์ให้น่าสนใจ ไม่ต้องรอโหลดหน้าเว็บนาน แถมยัง ค้นหาเจอง่ายบน Google คือวิธีการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน ผู้ประกอบการควรให้ตวามสำคัญเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและยอดขายด้วยการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ โดยเครื่องมือ Google Analytics นี่แหละค่ะจะเข้ามาเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้แบรนด์ของคุณได้เปรียบในยุคดิจิทัล ซึ่งในปัจจุบันนักออกแบบเว็บไซต์นิยมใช้โปรแกรม Google Analytics มากถึง 56 % กันเลยทีเดียว (ข้อมูลจาก lyfemarketing)

จากภาพด้านล่าง เป็นหน้าตาของโปรแกรม Google Analytics ซึ่งการรายงานผลต่าง ๆ จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งจะมีรายงานหลัก ๆ ทั้งหมด 4 ประเภท โดยแต่ละประเภทก็จะมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่เป็นรายละเอียดย่อยลงมา ส่วนด้านขวาจะเป็นการรายงานจำนวน User ที่เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ ณ ขณะนั้นค่ะ

เครื่องมือ Google Analytics ที่ใช้ในการวิเคราะห์เว็บไซต์

เครื่องมือ Google Analytics ที่ใช้ในการวิเคราะห์เว็บไซต์
เครื่องมือ Google Analytics ที่ใช้ในการวิเคราะห์เว็บไซต์

ภาพจาก: lyfemarketing.com

วิธีการติดตั้ง Google Analytics  

สำหรับผู้เริ่มต้นใช้เครื่องมือนี้ไม่ต้องกังวลค่ะ เราจะเริ่มต้นการใช้งานกันแบบ Step by Step โดยเริ่มจาก…

1. ติดตั้งแอคเคาท์ Google Tag Manager

 

เราสามารถเริ่มต้นใช้เครื่องมือ Google Analytics ด้วยการติดตั้งระบบ Google Tag Manager บน Google
ภาพจาก: lyfemarketing.com

 

เราสามารถเริ่มต้นใช้เครื่องมือ Google Analytics ด้วยการติดตั้งระบบ Google Tag Manager บน Google เพื่อสมัครแอคเคาท์ที่จะใช้ ซึ่งตรงนี้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยที่เราจะเข้าไปที่เว็บไซต์ tagmanager.google.com

วิธีการทำงานของ Google Tag คือการนำข้อมูลของแบรนด์ที่เรามีอยู่ในเว็บไซต์มาลงที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Facebook และ Google Analytics ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและประหยัดเวลาเนื่องจาก ระบบจะมีการอัปเดตหรือแท็ก Code ให้โดยไม่ต้องเสียเวลาเขียน Code ขึ้นมาใหม่อีกตัวอย่างเช่น

หากคุณมีต้องการวัดผลจากปุ่ม Click ต่างๆบนหน้าเว็บไซต์ คุณสามารถใช้เจ้า Tag Manager ตัวนี้ เพื่อเข้าช่วยในการเพิ่มลิงก์ ซึ่งคุณไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนลิงก์ด้วยตัวเอง เป็นต้น

ผู้เริ่มต้นใช้จะต้องกรอกข้อมูลต่าง ๆ ของแบรนด์รวมทั้งใส่ลิงก์ของเว็บไซต์เพื่อสร้าง Tag Manager ขึ้น เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วกด Create ซึ่งจะมีหน้าต่าง Agreement หรือข้อตกลงต่าง ๆ ที่เราควรทราบปรากฏขึ้น โดยเราจะกด ยอมรับ เพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป

 

2. ติดตั้งแอคเคาท์ Google Analytics 

 

ริ่มติดตั้งแอคเคาท์ Google Analytics 
ภาพจาก: lyfemarketing.com

 

ลำดับต่อไป เราจะทำการสร้างแอคเคาท์ใหม่ขึ้นบน Google Analytics ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับ Tag Manager โดยการสมัครแอคเคาท์ตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเช่นกันค่ะ

เมื่อทำการสมัครเรียบร้อยแล้ว เราจะได้รับ Tracking ID ซึ่งเป็น Code ที่เอาไว้ติดตามและเก็บข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์และวัดผล ซึ่งตัวเลขที่ได้มาจะเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญมากในการนำไปต่อยอดการทำการตลาดในอนาคต ดังนั้น ผู้ที่มีข้อมูลสถิติเหล่านี้อยู่ในมือควรเผยแพร่ภายในทีมหรือองค์กรให้รับรู้เพียงกลุ่มเดียว เพื่อนำไปปรับใช้ในการวางแผนสร้างแคมเปญในอนาคต

 

3. ใช้ Google Tag Manager ในการติดตั้ง Analytics Tags

 

Tracking ID ที่คุณสร้างขึ้นจะถูกนำมาใช้งานในส่วนนี้เพื่อสร้าง Tag สำหรับการวัดผลบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเลือกการตั้งค่าประเภท “Universal Analytics.” เพื่อเก็บข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ค่ะ

 Google Tag Manager ทำงานอย่างไร 

Tag Manager ใน Google ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆคือ

  • Tags: คือ Code ที่เราเอาไปไว้บนหน้าเว็บไซต์เช่น Google Adword Remarketing, Facebook Pixel และ Google Analytics
  • Triggers: จะคอยป้อนคำสั่งให้ Tag เริ่มทำงาน
  • Variables: คือข้อมูลอื่น ๆ ใน Tag Manager ที่ใช้ทำงาน เช่น URL ต่าง ๆ

 

ตัวอย่าง Tag ที่ใช้ใน Tag Manager 

  • Google Analytics Universal Tracking
  • Adwords Remarketing
  • Adwords Conversion Tracking
  • Facebook Pixels
ตัวอย่าง Tag
ภาพจาก: https://www.orbitmedia.com/

 

ตัวอย่างประเภท Triggers ที่ใช้ใน Tag Manager

 

ตัวอย่าง Trigger
ภาพจาก: https://www.orbitmedia.com/

 

ตัวอย่างประเภท Variable ที่ใช้ใน Tag Manager

  • Click Classes
  • Event
  • Click ID
  • Click URL

 

ตัวอย่าง Variables
ภาพจาก: https://www.orbitmedia.com/

หลังจากที่กำหนดการทำงานของ Tag, Trigger, และ Variable เรียบร้อยแล้ว สามารถกด Submit และ Publish เพื่อเริ่มทำงานได้เลย

 

4. การตั้ง Goals ในระบบ Google Analytics

โดยปกติแล้ว การตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจออนไลน์ เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการจะต้องวางแผนกันมาล่วงหน้า เพื่อคาดการณ์ผลกำไรที่จะได้รับ รวมไปถึงเป้าหมายที่ต้องการไปถึง ซึ่งผู้ใช้เครื่องมือ Google Analytics สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ จากการรายงานมาวิเคราะห์ผลได้เลยค่ะ

 

การตั้งค่า Goals ในระบบ Google Analytics
ภาพจาก: https://www.lyfemarketing.com

การตั้งเป้าหมาย (Goal)ในการทำธุรกิจออนไลน์ในระบบ Analytics เป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากระบบจะสามารถวัดค่าต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบของตัวเลข กราฟ และชาร์ตต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่า กลยุทธ์ที่ได้วางแผนไปนั้นเป็นไปตามจุดประสงค์หรือไม่ สำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ หรือมีส่วนไหนที่หน้าเว็บไซต์ควรแก้ไขเพื่อให้ Performance ดีขึ้น

การเลือกเป้าหมายในระบบการตั้งค่าสามารถเลือกได้หลากหลาย ผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้เหมาะสมกับเว็บไซต์ของท่าน ซึ่งมีรายละเอียดการตั้งค่า Goal ดังนี้

1   Destination:

ข้อมูลจะถูกนำมาวัดผลเมื่อ User เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์หน้าใดหน้าหนึ่ง

2   Duration: 

ข้อมูลจะถูกนำมาวัดผลเมื่อ User เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ในระยะเวลาหนึ่ง

3   Pages or Screens Per Session:

ข้อมูลจะถูกนำมาวัดผลเมื่อ User เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ในหน้าต่าง ๆ ที่กำหนด

4   Event:

ข้อมูลจะถูกนำมาวัดผลเมื่อ User เล่นวิดีโอ หรือคลิกลิงก์ที่กำหนดเอาไว้

 

5. เพิ่มช่องทางการค้นหาเว็บไซต์ของเราบน Google Search Console

 

การใช้ Google Search Console
ภาพจาก: lyfemarketing.com

 Google Search Console คืออะไร ?

Google Search Console คือเครื่องมือที่ช่วยดูแลและตรวจสอบเว็บไซต์ของเรา ให้ปรากฏขึ้นบนหน้าเว็บ Google ซึ่งสามารถใช้ได้ฟรี

การทำงานของเครื่องมือ Search Console:

  • Google สามารถพบหน้าเว็บไซต์ของคุณได้ ทำให้มีโอกาสติด SEO
  • รายงานผลการเข้าชมเว็บไซต์และข้อมูลอื่น ๆ เช่นความถี่ที่ผู้ต้นหาเว็บไซต์คลิกเข้ามา
  • แสดงหน้าเว็บอื่น ๆ ที่สามารถลิงก์ไปยังหน้าเว็บไซต์ของเราได้
  • มีการแจ้งเตือนหากการทำงานของเว็บไซต์ต่างไปจากเดิม

หลังจากที่ Google Analytics ติดตั้งเรียบร้อยแล้วเรามาดูกันที่ Report หลัก ๆ ที่นักการตลาดนิยมใช้เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์กันค่ะ

Report ในหัวข้อต่าง ๆ เพื่อข้อมูลและสถิติบนหน้า Google Analytics
  • Audience 

ข้อมูลจาก Audience จะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของเราในลักษณะของ

  1. ภูมิประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ เมืองที่อาศัยอยู่
  2. ข้อมูลที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เมื่อเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ ระบบปฏิบัติการ มีความสนใจในสินค้าและบริการตัวไหนเป็นพิเศษ
  • Acquisition

คือรายละเอียดเกี่ยวกับช่องทางที่ลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ ว่ามาจากแพลตฟอร์มอะไร เช่น Instagram, Facebook หรือการเสิร์ชจากหน้า Google

  • Behavior Report

คือพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เช่น ลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ไหนเป็นหน้าแรก และออกจากเว็บไซต์ที่หน้าไหน และระยะเวลาที่ใช้บนหน้าเว็บไซต์

  • Conversion Report

คือรายงานที่เกี่ยวกับข้อมูลการคลิกจากกิจกรรมต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ เช่น การกดเลือกสินค้าใส่ตะกร้า การชำระเงิน การกดรับ Promo Code เป็นต้น

 

สรุป:

 

ข้อมูลจาก:

lyfemarketing.com

marketingplatform.google.com

bigdata-madesimple.com

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

วิธีการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้า ด้วยการใช้ Customer Avatar เพื่อธุรกิจออนไลน์
11 ขั้นตอน เทคนิคการเขียนแคปชัน บน Instagram