จับทางให้ถูกทิศกับ 10 เทรนด์บน Instagram สำหรับปี 2021 ที่จะมาถึงในไม่ช้า เพื่อเพิ่มโอกาสให้แบรนด์ต่าง ๆ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และ สร้างยอดขายให้ปังตั้งแต่ต้นปี ด้วยการโปรโมตแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมนี้ ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูเทรนด์การตลาดผ่าน Instagram ทั้ง 10 แนวทางนี้ เราไปดูสถิติและข้อมูลที่น่าสนใจในปีที่ผ่านมากัน ว่ามีอะไรที่น่าสนใจและเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเพื่อนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจออนไลน์กันค่ะ
- ข้อมูลจาก Hootsuit เผยว่า ผู้ใช้ Instagram ในปัจจุบันมีประมาณ 1 พันล้านคน
- จำนวนผู้ที่เล่น Instagram มีประมาณ 500 ล้านคนต่อวัน
- ผู้ที่เล่น Instagram มากที่สุดเป็นเพศหญิง คือ 52 % ส่วนเพศชายมี 48 %
- 63% ของ Instragrammer หรือผู้ใช้งานจะเข้ามาที่หน้าแอปอย่างน้อยวันละครั้ง
- ผู้เล่น Instagram ใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มประมาณ 28 นาทีโดยเฉลี่ย
- ผู้เล่น Instagram ราว ๆ 200 ล้านคน นิยมเข้าไปดูหน้าโพรไฟล์แบรนด์ต่าง ๆ ทุกวัน
- ศักยภาพในการสร้าง Reach จากโฆษณาบน Instagram สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้ถึง 849.3 ล้านคน
- Stories จำนวน 1 ใน 3 ที่มีคนเข้าไปดูมากที่สุดมากจากแอคเคาท์แบรนด์ออนไลน์
- 75.3% จากแบรนด์สัญชาติอเมริกันใช้ Instagram เป็นช่องทางในการทำธุรกิจ
- แบรนด์ต่าง ๆ มักใช้ Stories ในการเข้าถึงลูกค้าโดยโพสต์ประมาณ 2.5 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์
จากข้อมูลสถิติที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่หยิบยกขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ว่าในปีที่ผ่านมา Instagram เป็นหนึ่งในช่องทางที่สำคัญในการทำการตลาดยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละปีนั้น ก็จะมีฟีเจอร์ตัวใหม่ และช่องทางเด็ด ๆ ในการโปรโมตสินค้า และเราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การทำการตลาดที่ปราศจากแผนกลุยทธ์จะประสบความสำเร็จได้มากกว่า การโฆษณาโปรโมตแบบไม่มีทิศทาง ดังนั้น เราไปดูกันเลยว่า เทรนด์การทำการตลาดบนช่องทาง Instagram แบบไหนทำแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากที่สุด โดยทาง Oberlo ได้แนะนำ 10 เทรนด์เด่น ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ
1. การทำการตลาดด้วย Influencer ใช้ IG Stories เป็นอาวุธ
การทำการตลาดด้วยวิธี Influencer Marketing เป็นวิธีการโปรโมตอีกช่องทางหนึ่งจากการรีวิวของ Influencer เนื่องจาก Influencer มักได้รับความนิยม และความน่าเชื่อถือจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย และในปัจจุบัน ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากการรีวิวสินค้าของคนดัง หรือคนที่พวกเขาติดตาม
นอกจากนี้ จากสถิติที่เราได้กล่าวไปข้างต้นจาก Hootsuit ก็มีการกล่าวถึงกระแสการใช้ Stories ด้วยเช่นกัน ซึ่ง STEPS Academy มีเทคนิคมานำเสนอให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดได้ลองทำกันดู
- เลือก Influencer ที่เหมาะกับแบรนด์ของเรา สามารถรีวิวสินค้าของเราได้อย่างเป็นธรรมชาติและใช้งานได้จริง
- คอนเทนต์เป็นได้ทั้งรูปแบบ รูปภาพ และ วิดีโอ ซึ่งอาจมีการวางแผนใส่ Call to Action ไว้ด้านใต้ภาพเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามาดูสินค้า
- วางแผนพูดคุยกับ Influencer เพื่อให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกต่อกัน และเกิดความเข้าใจในตัวสินค้าและบริการที่อยากนำเสนอ และเพื่อให้ Influencer สามารถสื่อสารไปยังผู้ชมได้อย่างถูกต้อง
2. Reels ยังเติบโตได้อีก
Reels คือฟีเจอร์ที่เราสามารถโพสต์คลิปวิดีโอแบบสั้น ๆ โดยมีความยาวประมาณ 15 – 60 วินาที โดย Instagram ได้ปล่อยฟีเจอร์นี้ออกมาเพื่อแข่งกับ TikTok นั่นเอง ซึ่งผู้ใช้งานในปรพเทศไทยอาจจะต้องจับตารอดูกันต่อไป ว่าปีหน้าจะมีฟีเจอร์นี้หรือไม่ หากเราได้ใช้กันเมื่อไหร่ ลองนำเทคนิคนี้ไปลองใช้กันได้เลย
- ลองสร้างวิดีโอแบบสั้น ๆ เพื่อโฆษณา โดยเลือกสื่อสารไปยังผู้ใช้งานแค่จุดประสงค์เดียว (เนื่องจากคอนเทนต์วิดีโอนี้สั้น การสื่อสารไปยังผู้รับสารควรชัดเจน และมี 1 เป้าหมาย)
- สามารถสร้าง Storytelling ให้เป็นเรื่องราวจากคลิปวิดีโอสั้น ๆ หลาย ๆ คลิปรวมกันได้
- ลองสร้างคอนเทนต์ประเภท Behind the Scene ก็สามารถเพิ่ม Engagement ได้อีกทางหนึ่ง
3. Instagram Live ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่อง
จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้ Instagram Live กลายเป็นฟีเจอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมียอดใช้งานสูงถึง 70% ดังนั้น การไลฟ์สดเพื่อพูดคุยกับ Instagrammer คนอื่น ๆ หรือผู้ที่ติดตามแบรนด์ของเราบ้างในบางโอกาส (หรืออาจเป็นประจำ) ก็มีส่วนช่วยให้ Engagement ดีขึ้นนะคะ
เทคนิคการทำการตลาดผ่าน Instagram Live คือ
- การรีวิว บอกเล่าประสบการณ์ในการใช้สินค้า
- การพูดคุยสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ประกอบการ เพื่อตอบคำถาม
- แบรนด์รีวิวสินค้าด้วยตัวเอง ผ่าน Live
4. ซื้อขายสินค้า ต้องเข้ามาที่ฟีเจอร์ Shopping
ฟีเจอร์ Shopping เหมาะสำหรับการนำเสนอสินค้าและบริการจากแบรนด์ ซึ่ง 70% ของนักชอปทั้งหลายใช้แพลตฟอร์มนี้ในการค้นหาสินค้าต่าง ๆ และ มีผู้ใช้ไม่น้อยกว่า 130 ล้านคนทั่วโลกต่อเดือน ใช้ฟีเจอร์นี้ค้นหาแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
จากสิถิติที่กล่าวมานั้น ทำให้เห็นชัดว่าการโปรโมตแบรนด์ผ่านฟีเจอร์ Shopping ได้รับความนิยมไม่น้อย และสามารถกลายมาเป็นคู่แข่งกับ Shoppee หรือการขายสินค้าที่หน้าเพจบน Facebook ได้เลย
เทคนิคการทำการตลาดผ่าน Shopping
- การใส่ Hashtag เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายค้นเจอสินค้า
5. Explore Tab คือช่อทางที่คนใช้มากกว่า 50%
ฟีเจอร์ Explore เป็นช่องทางที่สามารถค้นหา Account หรือแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Account ที่เราติดตาม ซึ่งระบบอัลกอริทึมของ Instagram จะมีการประมวลผลและแสดงผลทางหน้าจอให้กับผู้ใช้งานแตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเคยค้นหาไปก่อนหน้านี้ หรือสิ่งที่เราสนใจ เมื่อเราเข้าไปที่ฟีเจอร์ Explore จะเห็นว่า คอนเทนต์ต่าง ๆ ไม่ได้นำเสนอแบบ Random เพียงอย่างเดียว แต่บน Tab เมนูจะมีการแบ่งหมวดหมู่ต่าง ๆ เอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ใช้งานเลือกเข้ามาดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น
เช่น Food, Travel, Art, Decor และ IGTV เป็นต้น
ผลการสำรวจจาก Instagram ปี 2019 เผยว่า ผู้ใช้งานเกินครึ่งใช้เจ้าฟีเจอร์ตัวนี้ในการดูสิ่งที่น่าสนใจใหม่ ๆ อย่างน้อยเดือนละครั้งค่ะ
6. สร้างคอนเทนต์เดียว แต่แชร์ได้มากกว่า 1 แพลตฟอร์ม
ในปี 2021 นี้ Cross-Platform Content มาแรงอย่างแน่นอน โดยหลักวิธีการทำงานของ Cross-Platform มีความหมายว่า คอนเทนต์ที่เราออกแบบมาสามารถนำไปโพสต์ในแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อีกนอกจาก Instagram ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของ
ขนาดรูปภาพ และวิดีโอ การจำกัดตัวอักษรเมื่อมีการสร้างแคปชัน
นอกจากนี้การใช้คอนเทนต์ที่เป็น GIF ก็ติดเทรนด์การทำการตลาดเช่นเดียวกัน หากแบรนด์ของคุณยังไม่ได้ลองทำคอนเทนต์ในรูปแบบ GIF ก็สามารถทำได้เพื่อสร้างความหลากหลาย ในการนำเสนอก็ได้นะคะ
Tips:
- ช่องทางออนไลน์ที่มักมีการใช้คอนเทนต์แบบ Cross-Platform ได้แก่ TikTok และ Twitter
- ศึกษาไอเดียการสร้างคอนเทนต์บน Instagram ให้หลากหลายเพื่อสร้างผลงานให้ตรงใจกับลูกค้า
7. สร้างความหลากหลายด้วยฟิลเตอร์ AR
ฟิลเตอร์ AR หรือ Augmented Reality เป็นการนำเทคโนโลยีภาพเสมือนมาใช้ประกอบเป็นภาพ และวิดีโอ ผสมผสานกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวของผู้ใช้งาน ให้เกิดภาพ 3 มิติ ผ่านสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง ๆ โดยผลสถิติล่าสุดจาก Later ได้ระบุว่าฟิลเตอร์ AR นั้นได้รับความนิยมมาก และมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนในปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างการใช้งาน AR Filters จากแบรนด์ Coca Cola
นอกจากนี้ Instagrammer ที่ชอบเล่น Stories ก็อาจถูกใจ AR Filters จากนักออกแบบต่าง ๆ ที่นำผลงานมานำเสนอผ่านแพลตฟอร์ม Stories ก็เป็นได้
ทำไม AR filters ใน Instagram Stories ถึงติดเทรนด์ในปี 2021 ?
- ฟิลเตอน์ AR สามารถเข้าถึงกลุม่เป้าหมายประเภทวัยรุ่นได้ดี ซึ่งผู้ใช้งาน 67% มีอายุ 18 – 29 เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์จะได้ Reach มากที่สุด
- 1 ใน 3 ของผู้ใช้งานดู Stories ที่มาจากแบรนด์ออนไลน์
- AR Filters สามารถนำเสนอตัวตนแบรนด์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างได้จากคู่แข่ง
- สร้าง Brand Awareness ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายได้
8. Carousel Post ตอบโจทย์การตลาด
คอนเทนต์แบบ Carousel Post บน Instagram เป็นการโพสต์รูปภาพ และวิดีโอได้ทีละหลาย ๆ รูปภาพ เหมาะสำหรับการฃงคอนเทนต์ต่อเนื่อง และโปรโมตสินค้าแบบ Catalogue ในคราวเดียว โดย 20 % ของการโพสต์คอนเทนต์มักเป็นในรูปแบบของ Carousel ค่ะ
9. ระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ด้วยฟีเจอร์ Fundraising
นอกจากการระดมทุนผ่านหน้า Facebook แล้ว เทรนด์ Fundraising ถือว่ามาแรงไม้แพ้กัน ซึ่งใครที่กำลังมองหาองค์กรเพื่อช่วย หรือองค์กรที่ทำหน้าการเปิดระดมทุน ก็สามารถเดินสายบุญเพื่อช่วยเหลือผ่านฟีเจอร์นี้ได้เช่นกัน
ตัวอย่างภาพที่มีการระดมทุนผ่านแอป
วิธีการสร้าง Personal Fundraiser สามารถเข้าไปที่หน้าโพร์ไฟล์ของเราได้เลย ซึ่งมีวิธีการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
1 เลือก Edit Profile และ Add Fundraiser
2 กด Raise Money
3 เลือกรูปที่ต้องการใช้ และประเภทการระดมทุน ( fundraiser category) จากนั้นใส่รายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการช่วยเหลือ เรื่องราวของการระดมทุน และอื่น ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้คนเข้ามาช่วยบริจาค
4 ใส่ช่องทางหรือวิธีการบริจาค จากนั้น ก็กดส่ง (Send) เพื่อประมวลผล
5 หลังจากที่โปรเจคระดมทุนได้รับการอนุมัติแล้ว จะมีเวลา 30 วันในการขอรรับบริจาคค่ะ แต่หากต้องการให้การบริจาคขยายเวลาขึ้นไปก็สามารถทำได้ โดยผู้ที่เป็นผู้จัดตั้งต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
ข้อมูลต่าง ๆ ของผู้บริจาค สามารถเก็บเป็นความลับส่วนตัวได้ แต่อาจเห็นจำนวนเงินของผู้ที่บริจาคเข้ามาและชื่อ Usename นั้น ๆ ค่ะ
10. สร้างรายได้ด้วยวิดีโอคอนเทนต์บน IGTV
ผู้ใช้ Instagram หลายคนคงเคยเห็น IGTV หรืออาจได้ลองใช้งานกันมาบ้างแล้ว ซึ่งนับตั้งแต่ฟีเจอร์ IGTV นี้ออกมา เรียกได้ว่ากระแสตอบรับมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยฟีเจอร์นี้จะเป็นการนำเสนอคอนเทนต์แบบวิดีโอโดยมีความยาวมากกว่า 1 นาทีขึ้นไป ซึ่งจะต่างจาก Reels ที่จำกัดเวลาอยู่ที่ 15 วินาที
IGTV นี้เหมาะสำหรับการทำคอนเทนต์วิดีโอที่มีเรื่องราว สามารถพูดคุย ให้สัมภาษณ์ หรือสร้างสรรค์เรื่องราวได้เช่นเดียวกับการทำคอนเทนต์บน YouTube นั่นเอง
ข้อมูล
blog.hootsuite.com
www.smperth.com
www.oberlo.com