เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า อินเทอร์เน็ตคือช่องทางที่ทำให้โลกถูกย่อขนาดลงในยุคปัจจุบัน และการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเป็นพื้นที่ในการทำธุรกิจออนไลน์ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าลูกค้านั้น ก็มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการ จากการเดินไปถึงหน้าร้าน มาเป็นการชอปปิงออนไลน์ และจัดส่งสินค้ามาที่บ้านแทน
ตัวอย่างเช่น การที่ลูกค้าเปลี่ยนจากการเช่าหนังจากร้าน BlockBuster ในอดีต มาเป็นการนอนดูหนังสบาย ๆ อยู่ที่บ้าน ผ่านแอป Netflix ในปัจจุบัน
ดังนั้น ผู้เขียนเชื่อว่า นักการตลาดและผู้ประกอบการทั้งหลาย สามารถสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ของท่านเองได้ ด้วยนำเสนอสินค้าและบริการผ่านหน้าเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดฮิต ที่ครองใจผู้ใช้ทั้งผู้ประกอบการ นักการตลาดและลูกค้าก็คือ Instagram
Instagram ไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นสื่อกลาง เพื่อซื้อมาขายไปเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ได้กลายมาเป็นลูกค้า และจากลูกค้าธรรมดา มาเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ไม่ยาก หากแบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ และความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในวิธีการโพสต์บน Instagram ที่ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ คือวิธีการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบ Carousel
ในวันนี้ STEPS Academy จะพาคุณไปพบกับวิธีการสร้าง Engagement เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยการทำคอนเทนต์แบบ Carousel ซึ่งมีทั้งหมด 5 วิธีด้วยกันค่ะ
Carousel Content คืออะไร
Carousel Content คือรูปแบบการโพสต์ที่เราสามารถใส่รูปภาพและวิดีโอเข้าไปได้ในหลาย ๆ รูป ซึ่งผู้เล่น Instagram สามารถเลื่อนดูรูปภาพและวิดีโอได้ทีละรูปค่ะ
ลงรูปบน Instagram แบบ Carousels ดีกว่าโพสต์รูปแบบเดี่ยว ๆ อย่างไร
ย้อนกลับไปในปี 2017 Instagram ได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถโพสต์ภาพได้มากกว่าหนึ่งภาพ หรือที่เราเรียกว่าฟีเจอร์ Carousel ซึ่งผู้ใช้ Instagram สามารถโพสต์รูปภาพและวิดีโอได้สูงสุด 10 รูป ซึ่งฟีเจอร์ Carouesel นี้กลายเป็นรูปแบบยอดนิยมเป็นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นมา
สำหรับวงการธุรกิจนั้นฟีเจอร์ Carouesel เป็นหนึ่งในกลุยทธ์ทางการตลาดที่นำมาใช้แล้ว สามารถเพิ่มยอด Engagement* ได้เป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว
ซึ่งในวันนี้เรามีสถิติที่เป็นผลลัพธ์จากการสร้างโพสต์ในรูปแบบ Carousel มาฝากกันค่ะ (ผลสถิติจากเว็บไซต์ Socialmediatoday)
- คอนเทนต์แบบ Carousel สามารถสร้าง Engagement เพิ่มขึ้น 19.44%
- ยอด Engagement ในแต่ละโพสต์จะเพิ่มขึ้น 2% หากคอนเทนต์เป็นรูปแบบ Carousel ที่มีรูปภาพมากกว่า 8 รูปภาพ
- คอนเทนต์รูปแบบ Carousel ที่มีทั้งภาพและวิดีโออยู่ในโพสต์เดียวกัน สามารถเพิ่ม Engagement ได้ดีกว่าการโพสต์คอนเทนต์ Carousel ที่เป็นรูปภาพและวิดีโอแบบเดี่ยว ๆ 2.33%
- การสร้างคอนเทนต์แบบ Corousel สามารถสร้าง Engagement ได้ด้วยการคอมเมนต์ใต้คอนเทนต์ ได้ประมาณ 7.999 คอมเมนต์ต่อโพสต์
ภาพจาก: www.digitalinformationworld.com
จากสถิติที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้น พอจะทำให้คุณได้ทราบคร่าว ๆ แล้วว่าผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่า 5 วิธีการสร้าง Engagement ด้วย Carousel Content บน Instagram ที่นักการตลาด และผู้ประกอบการสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดจะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย
1. สร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค
แน่นอนค่ะ ว่าการทำโฆษณาสามารถสร้างยอดขายได้ไว และทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักได้เร็วยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค หรือการสร้างคอนเทนต์แบบธรรมชาติ เป็นสิ่งที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม หากนักการตลาดต้องการวางแผนงบประมาณการตลาด คุณควรใช้งบที่คุณมีในการสร้างคอนเทนต์ที่โดดเด่น และแตกต่างจากคอนเทนต์อื่น ๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างยั่งยืน ซึ่งนอกจากที่แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้จากคอนเทนต์ Carousel ได้แล้ว คุณยังสามารถสร้างปฎิสัมพันธ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ชมเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ การแชร์ การกดไลก์ และการกด Save ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในกรณีที่ลูกค้ายังไม่ตัดสินใจซื้อสินค้ากับเรา เพราะเรายังมีโอกาสทำ Remarketing ได้อีกครั้งหากเราใช้เครื่องมือ Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล
หากคุณสนใจเครื่องมือวัดผลจากข้อมูลบน Instagram อ่านได้ที่นี่: ห้ามพลาด ! 5 ปัจจัยชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจคุณใน Instagram
ดังนั้นการทำคอนเทนต์ Carousel แบบออร์แกนิคเป็นเรื่องที่นักการตลาด ควรวางแผนให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มยอด Engagement และผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งผลสำรวจจาก Social Insider, Bannersback ในช่วงปี 2017-2020 พบว่า
- คอนเทนต์ Carousel ในรูปแบบภาพสามารถเพิ่ม Engagement ได้ 1.74%
- คอนเทนต์ Carousel ในรูปแบบวิดีโอสามารถเพิ่ม Engagement ได้ 1.45%
จากภาพด้านบนคือยอด Engagement ที่เป็นผลลัพธ์จากคอนเทนต์ Carousel ทั้งในรูปแบบของรูปภาพและวิดีโอจาก Bannersback
2. ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Storytelling
ไม่ว่าการโพสต์คอนเทนต์แบบเดี่ยว ๆ หรือแบบ Carousel ก็ตาม แบรนด์จะควรมีทิศทางในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ และตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมาย โดยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Storytelling คือการบอกเล่าเรื่องราวให้ร้อยเรียงกัน ซึ่งผู้ชมสามารถจดจำเรื่องราวและเกิดอารมณ์ความรู้สึกร่วมกันกับ Storytelling นั้น ๆ ได้ หากเราพูดกันแบบง่าย ๆ ให้เห็นภาพตาม การสร้างคอนเทนต์ที่มีเนื้อเรื่องที่มาที่ไป สามารถเปรียบได้กับการเล่านิทานในวัยเด็ก การพูดถึงเหตุการณ์ ๆ หนึ่งที่มีตัวละครดำเนินเรื่อง รวมไปถึงภาพที่สามารถบ่งบอกได้ถึงอารมณ์ของเรื่องราว เสียงที่ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้น หรือเศร้าใจ ตัวอย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวขึ้นมานี้คือ Storytelling ที่มีผลต่อการกระตุ้นความทรงจำและสมองของผู้ชม หรือกลุ่มเป้าหมายให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อแบรนด์ หากมีการพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์มี กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ จะสามารถดึงความทรงจำออกมาได้ง่ายขึ้นค่ะ
ตัวอย่าง Carousel Content เพื่อโปรโมตภาพยนต์เรื่อง La La Land ที่นำเสนอฉากเต้นรำที่มีความสนุกสนาน รวมไปฉากที่น่าประทับใจที่ทำให้ผู้ชมจดจำเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนต์นี้ได้
นอกจากนี้งานวิจัยจาก Single Grain ได้เผยว่าคอนเทนต์ที่ใช้เทคนิคแบบ Storytelling สามารถสร้างผลลัพธ์ให้แก่โลกออนไลน์ได้ดังนี้
- ผู้ชมในโลกโซเชียลมีการรับสารผ่านจากช่องทางออนไลน์ประมาณ 100,500 คำต่อวัน
- 92% ของผู้บริโภคต้องการให้แบรนด์นำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบ Storytelling
- สมองของคนเราสามารถทำงานได้เร็วขึ้น 60 เท่าเวลาเห็นภาพ เมื่อเทียบกับตัวอักษร
หากคุณสนใจเทคนิคการสร้าง Storytelling สามารถอ่าน 5 ขั้นตอนการทำการตลาดออนไลน์สร้าง Storytelling เพิ่มเติมได้เลยค่ะ
3. นำเสนอรูปภาพและวิดีโอพร้อมกันในคอนเทนต์เดียว
อย่างที่เราทราบกันดีว่าการวางแผนการตลาดไม่มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัว ซึ่งวิธีการทำ Carousel Content ไม่จำเป็นต้องโพสต์รูปภาพเรียงกัน 10 รูป หรือนำเสนอเป็นวิดีโอคอนเทนต์ทั้งหมดก็ได้ แต่นักการตลาดและผู้ประกอบการ สามารถหยิบยกจุดเด่นของสินค้าและบริการ มาสร้างคอนเทนต์แบบผสมผสานรูปภาพและวิดีโอเข้าด้วยกัน ได้เช่นเดียวกัน เพื่อนำเสนอความแปลกใหม่ในรูปแบบของแบรนด์ ที่ต้องการถ่ายทอดเรื่องราวในแต่ละคอนเทนต์ และเป็นการสร้างจุดแข็งได้อีกช่องทางหนึ่งที่แบรนด์คู่แข่งเราไม่มีค่ะ
ตัวอย่าง Carousel Content แบบผสมผสานจากแบรนด์ Porsche ที่นำเสนอทั้งรูปภาพและวิดีโอในโพสต์เดียว
4. สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
แบรนด์สามารถเพิ่ม Engagement ได้แบบง่าย ๆ ด้วยการใช้พื้นที่จากการทำคอนเทนต์ สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าหรือผู้เล่น Instagram โดยการเล่นเกมส์ตอบคำถาม เพื่อให้ผู้ที่เห็นโพสต์ร่วมสนุก และคอมเมนต์กันเข้ามาที่ให้โพสต์นั้น ๆ ซึ่งการโพสต์ในรูปแบบ Carousel Content ที่มีทั้งภาพและวิดีโอสามารถเปิดโอกาสให้คนเข้าแสดงความคิดเห็นได้ 15.99 คอมเมนต์โดนเฉลี่ย
จากภาพด้าน เป็นผลการศึกษาจาก Bannersnack แสดงให้เห็นถึงจำนวนคอมเมนต์ที่เป็นผลลัพธ์จากคอนเทนต์ Carousel ทั้งในรูปแบบของรูปภาพและวิดีโอ
ข้อดีจากการสร้างพื้นที่ให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ เป็นช่องทางการติดต่อที่เร็วที่ทำให้ลูกค้าพูดคุยกับแบรนด์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งแบรนด์สามารถเข้ามาร่วมคอมเมนต์ หรือพูดคุยกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและเป็นพื้นที่ในการสร้าง Engagement ที่ทำการตลาดแล้วประสบความสำเร็จมากอีกช่องทางหนึ่ง
ตัวอย่างแบรนด์ Bath and Body Works ที่สร้างพื้นที่ให้ลูกค้าเข้ามาร่วมคอมเมนต์ในโพสต์ Carousel Content
5. สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้โดดเด่นและแตกต่าง
หนึ่งในประโยชน์จากการสร้าง Carousel Content คือ การออกแบบสร้างคอนเทนต์ให้แตกต่างไปจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เคยทำ หรือการสร้างความเป็นเอกลักษณ์ที่แบรนด์คู่แข่งของคุณไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งนักการตลาดและผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้ไอเดียใหม่ ๆ ได้จากเทรนด์ของโลกโซเชียลมีเดียและนำมาสร้างเรื่องราว Storytelling การเล่นภาพ สี และเสียงที่น่าดึงดูดใจ และถูกใจกลุ่มเป้าหมายของคุณ
หากคุณต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม คลิกเลย:
Neuromarketing คืออะไร ? ทำไมนักการตลาดออนไลน์ควรใช้ เพื่อเข้าใจ “ความคิด” ของลูกค้า
และหากคุณต้องการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ แต่ยังไม่มีไอเดีย หรือยังไม่แน่ใจว่าคอนเทนต์ประเภทไหนทำแล้วเวิร์ค คลิกเลย: 15 คอนเทนต์รูปภาพที่พิสูจน์แล้วว่าเวิร์คบน INSTAGRAM
สรุป
นักการตลาดและผู้ประกอบการสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้าง Engagement ให้แก่ Instagram ของแบรนด์คุณเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ได้เยี่ยมยอดที่สุด ด้วย 5 วิธีการสร้าง Carousel Content ซึ่งประกอบไปด้วย
- สร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค
- ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Storytelling
- นำเสนอรูปภาพและวิดีโอพร้อมกันในคอนเทนต์เดียว
- สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
- สร้างสรรค์คอนเทนต์ให้โดดเด่นและแตกต่าง
นอกจากนี้ หากนักการตลาดลองนำโปรแกรมที่สามารถตั้งเวลาการโพสต์ของคุณไว้ล่วงหน้าได้แล้วล่ะก็ คุณจะสามาสารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีแบบแผนมากยิ่งขึ้น ธุรกิจของคุณก็จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง เนื่องจากคุณจะสามารถมองเห็นแผนการตลาดในการวางคอนเทนต์ได้ในระยะสั้น และสามารถปรับเปลี่ยนได้ในโปรแกรมได้เลย หากคุณต้องการปรับเปลี่ยนแผนการวางคอนเทนต์ใหม่
ข้อมูลจาก:
singlegrain.com
digitalinformationworld.com
brayve.net
