สรุปกลยุทธ์การตลาดผ่าน อินสตาแกรม ดึงดูดลูกค้าด้วย Visual Content
สำหรับปี 2017 ที่ผ่านมา หลายๆท่านคงสังเกตเห็นได้ชัดว่า อินสตาแกรม ได้ออกฟังก์ชั่นลูกเล่นใหม่ๆขึ้นมา เพื่อดึงดูดคน และ แย่งเวลาที่ Twitter และคู่แข่งอย่าง Snapchat ได้จากผู้บริโภคให้มาใช้เวลากับอินสตาแกรมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับคอนเทนต์นี้เป็นคอนเทนต์ที่ทางทีมคอนเทนต์ของ STEPS ได้แปลมาจาก wishpond.com โดยผู้เขียนคือ Carlos Pacis เพราะเราได้เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ให้กับทั้งผู้ประกอบการและนักการตลาดได้อย่างแน่นอน โดยคอนเทนต์นี้จะประกอบไปด้วยขั้นตอนการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ ผ่าน อินสตาแกรม
โดย เริ่มจาก…..
กลยุทธ์การตลาดบน IG ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดเป้าหมายของคอนเทนท์ที่คุณจะสื่อสารด้วย
การสร้างคอนเทนท์ของคุณคือแก่นและรากฐานของกลยุทธ์การตลาดบน อินสตาแกรม หากคอนเทนท์ที่คุณโพสต์ไม่น่าสนใจหรือไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณเลย คุณจะประสบความสำเร็จได้ยากมาก
สิ่งที่คุณควรทำเลยคือ กำหนด ประเภทของคอนเทนท์ที่คุณต้องการนำเสนอ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณ ให้คนจดจำได้
Product-Centric ( ใช้สินค้าเป็นหลัก )
นี่เป็นกลยุทธ์พื้นฐานของการทำการตลาดบน อินสตาแกรม การที่เรามีคอนเทนท์ที่โฟกัสไปที่สินค้าหลัก แปลว่ารูปภาพและวีดีโอส่วนมากที่เราโพสต์จะเน้นแสดงความโดดเด่นจากตัวสินค้า ซึ่งเป็นแนวทางการทำการตลาดที่ซื่อตรงบนแพลทฟอร์มนี้ เหมือนคุณกำลังบอกผู้ติดตามคุณว่า “นี่! มาดูของเจ๋งๆที่เราขายพวกนี้สิ” เพื่อสร้างความตื่นเต้น และ ความน่าสนใจให้มากพอจนดึงดูดผู้ชมเข้ามา
อาทิเช่น Nikelab แม้แต่การ Product-Centric แบบง่ายๆยังสามารถช่วยสร้างความสำเร็จได้
Culture-Centric ( ใช้วัฒนธรรมของแบรนด์เป็นหลัก )
ในบางครั้ง สินค้าของเราไม่ได้น่าสนใจหรือมีเอกลักษณ์ขนาดนั้น หรือแบรนด์ของคุณไม่ได้มีวัฒนธรรมของแบรนด์ (สังคมและความสัมพันธ์ภายในของผู้ใช้แบรนด์) ที่แข็งแรงมากพอ คุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้ อินสตาแกรม ในการสร้างการรับรู้เสมอไปเสมอไป แนวทางในการสร้างตัวตนของแบรนด์ที่ดีก็คือสร้างตัวตนบนโซเชียลมีเดียแพลทฟอร์มอื่นๆที่มีการตอบโต้กันสูง (Traffic)
บริษัทอย่าง Buffer ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นที่ช่วยบริหารโซเชียลมีเดียหลายๆแพลทฟอร์ม สามารถแสดงข้อมูลของผู้ติดตามว่าพวกเขาสนใจอะไรผ่านข้อมูลโปรไฟล์ใน อินสตาแกรม ของพวกเขา
A Mix ( แบบประสม )
แน่นอนว่าคุณสามารถสร้างสมดุล ระหว่างกลยุทธ์สองอันข้างต้น ถ้าคุณดำนินการอย่างถูกต้อง คุณจะพบว่าคุณสามารถที่จะรักษาความสม่ำเสมอและความต่อเนื่องของฟีดบน อินสตาแกรมได้
ซึ่งบริษัทที่ให้จำหน่ายเสื้อผ้าโยคะอย่าง Lululemon เป็นตัวอย่างที่ดีอันหนึ่ง แม้แต่การโพสต์สินค้าของเขายังสามารถโชว์ตัวตนของพวกเขาในแง่ของวัฒนธรรมแบรนด์ที่แข็งแรงได้
User-Generated Content ( คอนเทนต์ที่สร้างโดยลูกค้าเป็นหลัก )
ถ้าลูกค้าของแบรนด์เรามีความภักดีมากพอ กลยุทธ์ที่เราสามารถลองใช้คือการโพสต์คอนเทนต์ที่สร้างโดยตัวลูกค้าเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มตั้งตัวในแพลทฟอร์มนี้… ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้นผมไม่แนะนำนะครับ
แต่อย่างไรก็ตามหากคุณมีลูกค้าที่ภักดีอยู่มาก สิ่งที่คุณจะได้ก็คือ คอนเทนต์เจ๋งๆและน่าสนใจมากมายจะอัดแน่นอยู่บนฟ้านฟีดของคุณ ตัวอย่างเช่น Lokai’s ที่เป็นแบรนด์จำหน่ายสร้อยข้อมือชื่อดัง
กลยุทธ์การตลาดบน IG ขั้นตอนที่ 2: Content Scheduling (กำหนดช่วงเวลาลงคอนเทนต์)
เมื่อคุณได้กลยุทธ์ในคอนเทนต์ของคุณแล้ว คุณจำเป็นที่จะต้องกำหนดช่วงเวลา ในการปล่อยคอนเทนต์ของคุณ การโชว์ฟีดบนอินสตาแกรมตอนนี้ไม่ได้โชว์ตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันจะจัดลำดับความสำคัญและโชว์ตามคอนเทนต์ที่ผู้ใช้เคยเข้าไปให้ความสนใจ
การโพสต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเพิ่มการโชว์ของโพสต์ของคุณในฟีด ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้ผู้ติดตามของคุณได้เข้ามาสนใจ
อีกทั้งยังเป็นการบ่งบอกว่าคุณเป็นแหล่งรวมของคอนเทนต์มีความสดใหม่ ซึ่งจะช่วยชักจูงให้ผู้คนเข้ามาติดตามเรา และช่วยรั้งคนที่คิดที่จะเลิกติดตามเราด้วยเช่นกัน
ลองใช้เครื่องมืออย่าง Buffer หรือ Later สำหรับการกำหนดเวลาในการโพสต์ล่วงหน้า เพื่อช่วยผ่อนแรงให้กับนักสร้างคอนเทนต์ในทีมเรา เพราะเขาไม่จำเป็นจะต้องตัดต่อหรือถ่ายภาพก่อนที่พวกเขาจะทำการโพสต์
ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากโดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีผู้จัดการด้านโซเชียลมีเดีย (Social Media Manager) เพราะสำหรับนักการตลาดที่ทำงานในธุรกิจที่มีขนาดเล็ก พวกเขาคงไม่สามารถออนไลน์บนอินสตาแกรมและตอบสนองกับลูกค้าได้ตลอดเวลา
ความถี่ของการโพสต์เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว แล้วแต่คุณ แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรจะคอยดูแลและควบคุมให้มีความเสถียรในการโพสต์
หากคุณสร้างคอนเทนต์ได้เพียง 10 โพสต์ต่อเดือน ก็แบ่งโพสต์ทุกๆ 3 วัน เพราะคุณคงไม่อยากที่จะโพสต์ทุกวันเพียงแค่ครึ่งเดือนแล้วปล่อยให้โปรไฟล์ของคุณค่อยๆจางหายไปในสองอาทิตย์ถัดมา
ช่วงเวลาในการโพสต์มีความสำคัญน้อยลงจากเมื่อก่อน เนื่องจากอัลกอริทึม (Algorithm) ของอินสตาแกรม ณ ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลง
ผมยังคงแนะนำให้คุณโพสต์ในช่วงเวลาที่คุณจะได้รับการตอบสนองและปฏิสัมพันธ์ (Engagement) กับลูกค้ามากที่สุดโดยขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ลองวิเคราะห์และหาช่วงเวลาที่พวกเขาใช้โซเชียลมีเดียและทดลองจนพบว่าช่วงไหนดีที่สุด
กลยุทธ์การตลาดบน IG ขั้นตอนที่ 3: การสร้างสื่อและการตัดแต่ง
เอาเข้าจริงๆแล้ว มีเนื้อหาที่ต้องพูดถึงเยอะมาก ดังนั้นผมจะให้รวบยอดให้ดังนี้นะครับ
อันที่จริงอินสตาแกรมเป็นแพลทฟอร์มที่ขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ผู้ใช้จะเข้ามาทำการปฏิสัมพันธ์กับสื่อหรือคอนเทนต์ที่พวกเขาสนใจหรือคิดว่าน่าสนใจ และนั่นเป็นสิ่งที่คุณได้รับสำหรับการโพสต์คอนเทนต์หรือสื่อที่มอบคุณค่าให้กับลูกค้า
นี่คือวิธีการสร้างคอนเทนต์บนอินสตาแกรม ที่ดีที่สุด
Quality, quality, quality:
ผมรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถกล้อง DSLR ราคา 2,000$ หรืออุปกรณ์การทำโปรดักชั่นที่มืออาชีพสุดๆ แต่ขอให้คุณลองพัฒนาคุณภาพของสื่อที่คุณโพสต์ด้วยอุปกรณ์ที่คุณมีอยู่แล้วกับตัว พวกสมารต์โฟน สมัยใหม่ส่วนมากจะมีกล้องที่มีคุณภาพมากพอที่จะสร้างรูปภาพสวยๆได้ รูปที่ “สวย” จะต้องเป็นรูปจะต้องโฟกัสและมีแสงเงาที่ลงตัว ซึ่งสองสิ่งนี้คือตัวแปรในการสร้างรูปภาพที่สวยงาม
Editing (การตัดต่อ/ตัดแต่ง):
ใช้แอพพลิเคชั่นอย่าง VSCO, Snapseed หรือ Enlight ในการทำให้รูปดูสะอาดและดูมืออาชีพ ภาพที่ถูกแต่ง (edited) ดีที่สุดคือภาพที่แทบจะดูไม่ออกเลยว่าเคยถูกแต่งมา ลองหาอินสตาแกรมที่คุณชอบเพื่อเป็นแรงบันดาลใจก่อนที่คุณจะแต่ง ภาพของคุณ
ผมแนะนำให้ใช้ฟิลเตอร์แบบเดียวกัน (1 หรือ 2แบบ) สำหรับรูปทั้งหมดของคุณ เพราะมันจะช่วยสร้าง Theme ที่แข็งแรงสำหรับการตลาดบน อินสตาแกรม ของคุณ
Captions
ถ้าคุณกำลังจะโปรโมทสินค้าของคุณด้วย อินสตาแกรม คุณต้องแน่ใจว่าแคปชั่นที่คุณตั้งนั้นสื่อสารได้อย่างมีเป้าหมายและมีทิศทาง นำผู้ติดตามไปในที่ๆเขาสามารถซื้อสินค้าของคุณได้ เพื่อคุณจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนใน อินสตาแกรม
Hashtags
Hashtags มีประสิทธิภาพมากโดยเฉพาะบน อินสตาแกรม มันเยี่ยมมากในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยพวกเขามักจะ Searchหาคอนเทนต์ใหม่ๆผ่าน Hashtags (#love, #friends), Hashtags ที่เกี่ยวกับสินค้า (#food, #tacos) หรือสิ่งที่ผมชอบเป็นการส่วนตัว, Local Hashtags (#vancouver, #vancouverfoodie) การเพิ่ม Hashtags ช่วยสร้างการพบเจอกันของลูกค้าและแบรนด์ และช่วยเพิ่มการปฏิสัมพันธ์ของลูกค้า
กลยุทธ์การตลาดบน IG ขั้นตอนที่ 4: คอนเทนต์เพิ่มเติม
อินสตาแกรม มีความก้าวหน้าอย่างมากวัดจากการอัพเดทแพลมฟอร์มที่ผ่านมา โดยผมจะพูดคลอบคลุมถึงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
เนื้อหาแรกที่สำคัญของการอัพเดทเหล่านี้คือ อินสตาแกรม Stories และเจ้าสิ่งนี้เนี่ยแหละที่เจ้าเข้ามาแย่งตลาดจาก Snapchat
อินสตาแกรม Stories ได้ให้โอกาสคุณในการมีปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย ในรูปแบบที่มีความธรรมชาติ (Real) และเป็นกันเองมากขึ้น
การใช้ Stories นั้นดีมาก เพราะว่ามันจะถูกจัดไว้บนสุดบนฟีดข่าวของผู้ติดตามไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
Stories ล่าสุดจะถูกโชว์ก่อนแต่พวกมันจะถูกจัดไว้บนสุดของฟีดเสมอ การโพสต์ Stories และอัพเดทบ่อยๆพร้อมกับเสนอโปรโมชั่นจะช่วยเสริมความสนใจจากและความอยากซื้อจากลูกค้าได้อย่างมาก
อันถัดมาคือ อินสตาแกรม Live กลยุทธ์นี้คงไม่ใช่วิธีที่ดีหากคุณยังไม่มีสังคมแบรนด์ (Community) ที่แข็งแรงหรือลูกค้าที่มีความภักดี แต่ในทางกลับกันการ Live ส่งผลดีได้อย่างไม่น่าเชื่อหากคุณมีสิ่งที่กล่าว เช่นเดียวกันกับ Stories, Live Video จะถูกโชว์ด้านหน้าและส่วนตรงกลางของฟีดของผู้ติดตาม โดยจะอยู่ก่อน Stories ของทุกๆคนและ อยู่เหนือโพสต์ของทุกๆคน
ใช้ อินสตาแกรม Live ในการเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือจัดทำ Q&A กับเหล่าแฟนๆ เพื่อที่คุณจะได้สื่อสารโดยตรงกับใครก็ตามที่เชื่องโยงกับคุณทางโซเชียลมีเดีย เป็นวิธีที่สร้างตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity) และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามได้
ท้ายที่สุดอินสตาแกรมได้เปิดตัว Carousel สำหรับผู้ใช้ทุกคน นั่นหมายความว่าคุณสามารถที่จะรวมคอนเทนต์หลายๆอันไว้ในโพสต์เดียวได้ เช่น รูปภาพ วีดีโอ และ Boomerang ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้มีความชอบส่วนตัวในฟังก์ชั่นนี้ แต่มันก็ยอดเยี่ยมสำหรับการโพสต์รูปหรือสินค้าหลายๆตัวหรือแม้กระทั่งทำเป็นรูปแบบของการเล่านิทาน
กลยุทธ์การตลาดบนอินสตาแกรม ขั้นตอนที่ 5: เพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างมูลค่า
สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดมากมายพยายามที่จะทำความเข้าใจก็คือไอเดียที่ว่า พวกเขาสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้ผ่านโซเชียลมีเดีย มีแนวทางหลายแบบที่คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพอินสตาแกรมของคุณเพื่อสร้างมูลค้าเพิ่มได้
อาทิเช่น
CTAs… CTAs (Call to Action) มีอยู่ทุกที่
ถ้าคุณต้องการที่จะเปลี่ยนผู้ติดตามบนอินสตาแกรม และ เหล่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งหลายให้เป็นลูกค้าคุณจริงๆ คุณจะต้องแสดงให้พวกเขารู้ว่าจะสามารถซื้อสินค้าของคุณได้ที่ไหน นำพวกเขาไปยังลิงค์ในโปรไฟล์คุณ และเพิ่ม CTA ลงในแคปชั่นด้วย (เช่น“สนใจสินค้าใช่มั้ย?, คลิกที่ลิงค์ด้านล่างได้เลยครับ”)
แพลทฟอร์มที่สร้างมูลค่า (Monetization Platforms)
ผมยกตัวอย่างเช่น Like2Buy และ Have2Have.It, ซึ่งช่วยคุณสร้างเพจที่ทำให้คุณสามารถเชื่อมรูปภาพใน อินสตาแกรม Feedกับสินค้าหรือเพจอื่นๆบนเว็ปไซท์ สิ่งนี้จะช่วยลดอุปสรรคในการซื้อของผู้ติดตามของคุณ จนกลายมาเป็นลูกค้าคุณในที่สุด
ส่วนลดและโปรโมชั่น (Discount and Promotions)
แม้ว่าอินสตาแกรม จะเป็นแพลทฟอร์มทางการตลาดที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังมีความยากในการที่จะทำให้ ผู้ติดตามเกิดการลงมือและซื้อสินค้าของคุณจริงๆ วิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นพวกเขาให้เกิดการซื้อก็คือ เสนอข้อเสนอพิเศษที่มีเวลาจำกัด (Instagram-specific limited-time offer) เช่น คูปองค์หรือส่วนลดต่างๆ
โพสต์รูปภาพกับโค้ดคูปองค์ที่น่าสนใจพร้อมกับปุ่ม CTA ที่จะช่วยให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายขึ้น
กลยุทธ์การตลาดบนอินสตาแกรม ขั้นตอนที่ 6: จัดการแข่งขัน/การประกวด
อีกวิธีที่ยอดเยี่ยมในการใช้ อินสตาแกรม เพื่อธุรกิจโดยตรงก็คือ การจัดการแข่งขัน/การประกวด จัดกิจกรรมการแข่งขันต่างๆขึ้นมาและให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ติดตามเกิดความสนใจและตื่นเต้นกับสินค้าของคุณ โดยพวกเขาจะช่วยโปรโมทสินค้าของคุณไปในตัวด้วย
มีวิธีมากมายในการจัดการแข่งขันบน อินสตาแกรม แต่ผมจะนำเสนอการแข่งขันบางอประเภทที่มีประสิทธิภาพและสามารถเสริมยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ แนวทางที่ดีที่สุดคือการทำผ่านการเก็บ Lead Generation เก็บข้อมูลของคนที่เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อที่คุณจะสามารถนำเสนอขายได้ต่อๆไปในอนาคตผ่าน email
การแข่งขัน/การประกวดที่สามารถจัดได้บนอินสตาแกรม
ไลค์–แชร์–เมนท์ (Comment-to-enter)
เป็นวิธีที่สากลที่สุดบน อินสตาแกรม เพราะเป็นกิจกรรมที่ง่ายต่อการเข้าร่วม ทำให้ผู้เข้าร่วมมีจำนวนมาก โดยพื้นฐานนั้นการแข่งขันประเภทนี้ต้องการให้ผู้เข้าร่วมกดไลค์รูป กดติดตาม และแท็กเพื่อน 2-3 คนในคอมเมนท์
ซึ่งเป็นการสร้างการปฏิสัมพันธ์จำนวนมาก ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ติดตาม และช่วยกระจายข้อมูลอย่างกว้างขวาง
Sweepstakes
sweepstakes app เป็นเหมือนบุคคลที่สามที่จะเปลี่ยนผู้ใช้อินสตาแกรมทั่วไปมาเป็นผู้ที่มีความสนใจ (Lead) สำหรับธุรกิจของคุณ ถึงแม้ว่าอาจจะยากต่อการเข้าถึงสักหน่อย แต่สิ่งนี้จะมีประสิทธิภาพในระยะยาวเพราะ เจ้าสิ่งนี้จะช่วยให้คุณทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
จัดการประกวดรูปภาพ (Photo Contest)
ให้ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันโพสต์รูปใน Theme ต่างๆและใช้ Hashtags ที่กำหนดและเราจะเป็นผู้รวบรวมและเลือกผู้ชนะเอง ซึ่งเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมเพราะมันจะช่วยกระจายข้อความที่คุณต้องการจะสื่อเกี่ยวกับธุรกิจของคุณไปในวงกว้าง คุณยังสามารถใช้ photo contest app ในการจัดการแข่งขันและมีโบนัสคือ คุณจะสามารถเก็บอีเมลของผู้เข้าร่วมการแข่งขันได้อีกด้วย
กลยุทธ์การตลาดบนอินสตาแกรม ขั้นตอนที่ 7: การโฆษณา (Ads)
เราไม่สามารถจบบทความนี้ได้โดยไม่พูดถึง ads, ads เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะรับประกันว่าการทำการตลาดบนอินสตาแกรมของคุณจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จริงๆ
ขณะที่คุณกำลังลังเลที่จะจ่ายค่าทำ ads ผมอยากจะบอกกับคุณว่า “อินสตาแกรม Ads เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงคนในกลุ่มเป้าหมายของเรา” เราหวังให้คอนเทนต์ของเราถูกแชร์ต่อๆไป แต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ แต่คุณสามารถส่ง ads เหล่านี้ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้โดยไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะได้เห็นมันรึเปล่า เพราะพวกเขาจะได้เห็นมันอย่างแน่นอน
การเลือกใช้ อินสตาแกรม advertising ที่ดีที่สุด:
ใช้ภาพที่สะดุดตา
มันเป็นทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีที่ อินสตาแกรม ads ถูกโชว์ในฟีดแบบเดียวกันกับโพสต์ทั่วๆไป ในมุมนึง คือ การโฆษณาจะไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือน ads ซึ่งมีความธรรมชาติและดูเป็นมิตรกับลูกค้ามากกว่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ในอีกมุมนึงมันก็ดูเหมือนกับโพสต์ทั่วๆไปที่จะถูกเลื่อนผ่านไปเหมือนกับโพสต์อื่นๆ ดังนั้นการสร้างสื่อที่สะดุดตาผู้บริโภคจะช่วยให้ ads ของคุณมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด
เลือกกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ
นี่คือจุดขายที่สำคัญของ IG Ads’ ต้องมั่นใจว่าคุณสร้าง ads ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ ads ที่ส่งไปเกิดประสิทธิภาพสูงสุด อย่าพยายามที่จะสร้าง ads แบบหว่านไปเยอะๆกว้างๆ แต่ขอให้คุณสร้าง ads ที่มีความเฉพาะเจาะจงและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้เป็นรายบุคคล
สร้าง Ad-specific landing page
คุณสามารถส่งคนไปยังเว็บไซท์ของคุณได้ แต่จะดีกว่ามากหากคุณมี Landing Page ของตัวเอง ที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณพูดถึงใน ad
เลือก CTA ที่ถูกต้อง
ข้อได้เปรียบอย่างนึงที่ ads มีมากกว่าโพสต์ธรรมดาก็คือความสามารถในการเพิ่ม CTA ลงใน ad เราจะต้องเลือกใช้ CTA ที่ถูกต้องที่เชื่อมโยงเป้าหมายทางธุรกิจของคุณ จะช่วยสร้างแรงผลักดันที่คุณต้องการ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสื่อสารของคุณ
นั่นแหละครับท่านผู้ชม! สูตรสำเร็จ how-to ในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดบนอินสตาแกรม ที่เหมาะกับปี 2017
ในพักหลังๆนี้ อินสตาแกรมกลายเป็น Social Media อันโปรดของผม เพราะ IG ไม่ “รก” เท่าใน Facebook ณ ปัจจุบันและมันดูเหมือนว่าจะสร้างการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าได้จริง ผมตื่นเต้นและลุ้นมากว่าแพลทฟอร์มนี้จะพาเราไปถึงจุดไหนในปีต่อๆไปข้างหน้า
ที่มา: https://blog.wishpond.com/post/115675437360/instagram-marketing-strategy