ในเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Facebook ได้มีการแจ้งว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ทาง Facebook จะยกเลิกการให้บริการเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเป็นแนวทางในการวิเคราะห์การทำการตลาดออนไลน์อย่าง Facebook Analytics Tool ทำให้ผู้ใช้ Facebook หลายคน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เกี่ยวกับการทำเคมเปญโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม นี้ เกิดความกังวัลใจถึงแนวทางการทำการตลาดออนไลน์ผ่านเพลตฟอร์ม ว่าจะมีแนวทางการเก็บ Data หรือประเมินแคมเปญการตลาดอย่างไรนับจากนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ทาง Facebook ได้มีทางเลือกใหม่สำหรับเจ้าของเพจ และนักการตลาดในการเก็บ Data และทำแคมเปญผ่าน Facebook ด้วยเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ซึ่งบทความนี้ของ STEPS Academy จะพาผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับ 4 เครื่องมือที่ สามารถมาทำมาวิเคราะห์การทำกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ รวมถึงการเก็บข้อมูลเชิงลึก หรือ Insights ที่สำคัญของผู้ใช้งาน แทนการเครื่องมือ Facebook Analytics ที่ได้ถูกยกเลิกไป โดย 4 เครื่องมือที่จะสามารถเข้ามาทดแทนการได้ มีดังนี้
1. Facebook Business Suite
หลังจากที่ Facebook Analytics ถูกยกเลิกไปนั้น อีกหนึ่งเครื่องมือที่ทีม Facebook แนะนำให้เปลื่ยนมาใช้คือ Facebook Business Suite โดยเครื่องมือนี้จัดเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างบัญชี Facebook และ Instagram ในการทำเคมเปญโฆษณาของทั้งสอง Platform
หากคุณต้องการ หรือ มองหาข้อมูล Insights ที่เป็นประโยชน์ต่อแคมเปญโฆษณาแบบ Organic และ Paid เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับ Metrics, Trends รวมถึงรายงานการวัดผลที่จะทำให้คุณได้รับแนวทางไปต่อยอดการทำโฆษณาออนไลน์ให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
ข้อมูล Insights ที่สามารถได้จากเครื่องมือนี้ คือ ยอด Engagement ยอด Likes และ Comment ข้อมูล Demographic หรือ ข้อมูลทั่วไปของผู้ติดตาม และ การเข้าถึงหน้า Facebook Page
การเข้าถึงเครื่องมือ Business Suite นี้ จะต้องเข้าผ่าน Facebook Business Manager และ ต้องเป็นบัญชีผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับ Business Account ที่ได้รับการอนุญาตแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าใช้บริการเครื่องมือนี้ได้
2. Creator Studio
Creator Studio เป็นเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการด้านคอนเทนต์ รวมถึงการวัดผลของแต่ละโพสต์ของบัญชี Facebook ของคุณให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดต่อเคมเปญทางการตลาดออนไลน์ โดยเครื่องมือนี้สามารถเป็นตัวช่วยในเรื่องของการโพสต์ตั้งเวลาการเผยแพร่ของคอนเทนต์ ช่วยให้ประหยัดเวลา และทำให้การลงคอนเทนต์มีความสะดวกมากยิ่งขี้น
การใช้เครื่องมืออย่าง Creator Studio นี้สามารถเข้าถึง และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก หรือ Insights ของทั้ง Facebook และ Instagram ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- จำนวนผู้ติดตามใหม่ รวมถึงผู้ที่ยกเลิกการติดตามของเพจคุณ
- ยอด Impression, Reach และ Engagement หรือ การมีส่วนร่วมกับทางเพจ
- ข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียดของของผู้เข้าเยื่ยมชม และผู้ติดตาม ทำให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
- Performance หรือประสิทธิภาพของแต่ละโพสต์ และแนวโน้มความภัคดีของผู้ติดตามจากการข้อมูลของผู้ติดตาม หรือจพนวนครั้งที่วีดีโอของคุณเล่นไปกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วมีผู้ที่กลับเข้ามาชมวิดีโออีกครั้ง
จากภาพด้านล่าง เป็นตัวอย่างหน้าตาเครื่องมือ Creator ที่นักการตลาดสามารถใช้เพื่อโพสต์คอนเทนต์ และดูข้อมูลหลังบ้านแบบย้อนหลัง
3. Hootsuite
Hootsuite อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยจัดระเบียบช่องทาง Social Network ของคุณ รวมถึง Facebook เพจธุรกิจคุณ ให้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทำงานที่เป็นระบบมากขึ้น อีกทั้งหากคุณมีหลาย ๆ บัญชีธรุกิจ หรือ ต้องโพสต์คอนเทนต์อย่างเป็นระบบมากขึ้น เครื่องมือนี้สามารถช่วยลดเวลาของคุณได้เช่นกัน โดยการตั้งเวลาล่วงหน้าในการปล่อยคอนเทนต์ รวมถึงเครื่องมือนี้ยังรวบรวมข้อมูล Insights ของโพสต์ต่าง ๆ บนเพจของคุณที่สามารถนำไปวิเคราะห์เพื่อจะทำการวัดผลประสิทธภาพ และ เห็นไอเดียที่จะนำไปต่อยอดให้การทำเคมเปญโฆษณามีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น
โดยภายใน Hootsuite Analytics นี้ จะสามารถทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลของโพสต์ต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- จำนวนการคลิก (Clicks)
- คอมเมนต์ (Comments)
- การเข้าถึง (Reach)
- จำนวนการแชร์ (Shares)
- จำนวนผู้ชม Video (Video views)
- จำนวนผู้ที่เข้าถึง Video (Video reach)
อีกทั้งคุณยังเข้าถึงข้อมูลของเพจของคุณ ในส่วนของ Profile ที่รวมถึงจำนวนผู้ติดตามที่เปลื่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา โดยในการใช้เครื่องนี้มือนี้ คุณผู้อ่านสามารถศึกษาการใช้เพิ่มเติมได้จากคลิปที่แนบมาด้านล่างนี้ เพื่อที่จะทำให้คุณเข้าใจการทำงานของ Hootsuite Analystics เพิ่มมากขึ้น
4. Facebook Insights
ในเครื่องมือตัวนี้ คุณสามารถเห็นภาพรวมของข้อมูลเชิงลึก Insights และ Traffic ในการเข้าชมโพสต์ในเพจของคุณ
สำหรับการใช้ Facebook Insights นี้นั้น สามารถทำให้เราเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของผู้เข้าเยื่ยมชม และ ทำมาทำให้เกิดประสิทธ์ภาพสูงสุดกับการทำเคมเปญโฆษณาบน Facebook และ การทำ Organic content ที่เป็นการทำคอนเทนต์แบบไม่เสียเงิน
โดยวิธีการเข้าถึงตัวนั้น เข้าผ่านทางการใช้ Facebook Business Manager ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะใช้เครื่องมือนี้ต้องมีบัญชีธุรกิจเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงได้
จากรูปด้านบนนั้น แสดงให้เห็นว่าการใช้เครื่องมือตัวนี้ สามารถวัดผลภาพรวมของประสิทธิภาพในเพจในแต่ละช่วงเวลา และ คอนเทนต์จากโพสต์ไหนที่มียอด Reach การเข้าถึง มากที่สุดอันดับแรก ๆ เพื่อทำไปเป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ในอนาคต
ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือนี้จะทำให้คุณรู้จัก และ เข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาเยื่ยมชมเพจของคุณมากขึ้น เนื่องจากเครื่องมือนี้อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูล Insights ทั้งเรื่องข้อมูลทั้ง Demograhic และ Geographic ที่คลอบคลุมไปถึงข้อมูลเรื่องเพศ และ ตำแหน่งสถานที่อาศัยอยู่ของคุณกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเพจของคุณได้
สรุป
ถึงแม้ว่า Facebook Analytics จะถูกปิดตัวลงไปนั้น จากบทความนี้ได้แบ่งปัน 4 เครื่องมือที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่คุณผู้อ่านสำหรับในการเป็นแนวทางที่จะทำไปต่อยอดการทำโฆษณาบน Facebook ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีเครื่องมือตัวใหม่ที่น่าสนใจ หรือที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการทำการตลาดออนไลน์ STEPS Academy จะรีบมาอัปเดตให้คุณผู้อ่านทุกคนอย่างแน่นอนค่ะ และนอกจากนี้หากคุณสนใจทำการตลาดออนไลน์บนช่องทาง Social Media อย่าง Facebook Instagram YouTube และ Twitter ทาง STEPS Academy เปิดหลักสูตร Digital Marketing Strategy ในรูปแบบ Virtual Training เพื่อตอบโจทย์กับท่านที่กำลังทำงานแบบ Work from Home ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณยกระดับในการทำการตลาดขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
อ้างอิง