7 ประเภทของ CONTENT MARKETING ที่ช่วยดึง ENGAGEMENT บน FACEBOOK

7 ประเภทของ CONTENT ที่

Content marketing คือการทำการตลาดด้วยการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ ไปยังผู้อ่าน หรือผู้ใช้งานบนเว็ไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งเนื้อหาหรือ Content ที่แบรนด์ต้องการสื่อสารไม่ได้มีรูปแบบเพียงแค่บทความ หรือข้อความสั้น ๆ เท่านั้น แต่เนื้อหาประเภท รูปภาพ กราฟิก และวิดีโอ ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์เช่นเดียวกัน

เป้าหมายหลักในการสร้าง Content Marketing คือการขายสินค้าและบริการ แต่การส่งสารด้วยคอนเทนต์ จะเป็นการนำเสนอคุณค่าบางอย่างเพื่อสร้างความประทับใจ และโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการรับรู้แบรนด์ ให้กลายมาเป็นลูกค้าค่ะ

ความน่าสนใจของการทำ Content Marketing บน Facebook นั่นก็คือการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อ่านหรือผู้ชม โดยไม่ยัดเยียดความรู้สึกว่าจะต้องขายโดยเสมอไป (รวมถึงการทำ Content Marketing บนเว็บไซต์และ แพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย ) ในบางครั้งการโฆษณา คุณอาจจะเห็นว่าเป็นการ Tie-in สินค้าแบบเนียน ๆ ( หรือที่เราเรียกว่า Advertorial นั้นเอง) เพื่อสร้างเรื่องราว หรือช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ามีอยู่ และทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกในเชิงบวกต่อแบรนด์ของเรา ซึ่ง หากจุดหมายปลายทางของการสร้างคอนเทนต์ อาจไปไม่ถึงการขาย แต่อย่างน้อย การทำคอนเทนต์ที่โดนใจ สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์บางอย่าง ซึ่งนำไปสู้การการกดถูกใจ การแชร์เนื้อหา การแท็กคนรู้จักให้เข้าไปอ่าน หรือการคอมเมนต์เพื่อแบ่งปันความเห็น สิ่งที่กล่าวมานี้ นั่นคือการสร้าง Engagement บนโลกออนไลน์

 

Tie-in แบบเนียน ๆ ต้องเขียน Advertorial ตามเทคนิคทั้ง 8 นี้
ตัวอย่างการสร้าง Content Marketing ในรูปแบบของ Advertorial

นอกจากนี้ Convince & Convert ได้เผย 7 กลยุทธ์การสร้าง Content Marketing ให้ได้ผลบนโลกออนไลน์ โดยประกอบไปด้วย

1.  แบรนด์ต้องตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจ หรือการทำแคมเปญนั้น ๆ

2.  รู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ

ซึ่งการทำ Customer Avatar หรือ Customer Persona สามารถช่วยให้เรารู้จักกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ดีขึ้น

3.  รู้จัก Customer Pain Point (ความกังวลใจหรือปัญหาของลูกค้าคืออะไร )

4.  รู้จักวางแผนกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ

5. รู้จักการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยเก็บข้อมูลและวัดผล

6.  มีช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับช่องทางกลุ่มเป้าหมายใช้งาน

7. การสร้างคอนเทนต์โดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก (User-centric Content)

และอย่างที่ทุกคนรู้กัน ว่าระบบอัลกอริทึมของ Facebook มีการปรับ Organic Reach ของเพจลดลงจากเดิมมาก เพราะฉะนั้นการผลิต content ออกมาจึงสำคัญมาก ๆ ถ้า content ดี คนติดตามเราแน่นอน ในวันนี้ทีม content จาก STEPS ขอมาแบ่งปันความรู้ในหัวข้อ 7 ประเภทของ CONTENT ที่ดึง Engagement บน Facebook เรามาดูกันเลยค่ะ

 

1. VIDEO CONTENT

วิดีโอคอนเทนต์ถือว่ามาแรงมากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ละแบรนด์ต่างผลิตวิดีโอกันออกมามากมาย เพราะวิดีโอ สามารถเล่าเรื่องราวได้หลายอย่าง เห็นภาพ ได้ยินเสียง เห็นการเคลื่อนไหว และเข้าถึงอารมณ์ได้เร็วกว่ารูปภาพเฉยๆ ถือเป็นคอนเทนต์อีกประเภทที่ไม่ควรพลาด แต่ทำวิดีโอให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ต้องโดน ต้องให้คนเกิดความรู้สึกแบบว่าดูจบแล้วอยากแชร์เลยทันที อาจจะ outsource จ้างคนที่เชี่ยวชาญทำก็ได้

นอกจากนี้ ผู้เขียนได้นำเทคนิคการสร้างวิดีโอคอนเทนต์เชิงสร้างสรรค์มาฝากทุกคนกัน เผื่อใครจะได้ไอเดียดี ๆ ไปลองใช้ และต่อยอดกับคอนเทนต์ของคุณกันค่ะ

1.1 เลือกประเภทวิดีโอให้เหมาะสมกับแบรนด์ และเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ

การสร้างสีสันและวคามสนุกในการทำคอนเทนต์ให้หลากหลาย ไม่ได้มีกฎตายตัว เราไปลองดูกันว่า เนื้อหาแบบไหน เหมาะสมกับการสร้างคอนเทนต์อะไรกันบ้าง

user-generated-content
User-Generated Content
  • User-Generated Content : คือคอนเทนต์ทีมาจากกลุ่มลูกค้าตัวจริงที่เคยใช้สินค้าและบริการจากเรา
    ซึ่งเป็นการรีวิว และแนะนำสินค้าตามประสบการณ์การใช้งานในเชิงบวก ซึ่งทำให้แบรนด์เกิดความน่าเชื่อถือได้
  • Product Showcase: เป็นการนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอ โดยเน้นการสื่อสารที่ไม่ซับซ้อน บอกถึงประโยชน์การใช้งานและดีไซน์
  • Live Video : คือการไลฟ์สด จากสถานที่ที่ถ่ายทำหรือสถานที่จริงก็ได้ เพื่อสร้างความตื่นเต้น และรู้สึกทันเหตุการณ์ ซึ่งผู้ชมสามารถเข้ามามีปฏสัมพันธ์สร้างคำถามผ่านคอมเมนต์ หรือการแชร์ให้เพื่อนเข้ามาร่วมชมคอนเทนต์ด้วยกัน
  • Behind The Scene : หลาย ๆ คนชอบคอนเทนต์แนวนี้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้ชมต้องการเห็นมุมมองการทำงานของแบรนด์ หรือเรื่องราว “หลังบ้าน” ก่อนจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ หรือการนำเสนอเบื้องหลังความสำเร็จของเจ้าของแบรนด์ว่าผ่านอะไรมาบ้าง
  • วิดีโอฮาวทู : เป็นการสอนวิธีการทำบางสิ่งบางอย่างให้ผู้ชมลองทำตามกัน จากตัวอย่างด้านล่างนี้ เป็นการสอนวิธีการตกแต่งเค้ก จากแบรนด์ Easy Cakes Decorating Ideas ค่ะ

1.2 อย่าลืมออกแบบคอนเทนต์ที่สามารถรองรับอุกรณ์เคลื่อนที่ได้ เพื่อความสะดวกของกุล่มเป้าหมาย หากต้องการเปิดดูวิดีโอบนมือถือ

วิดีโอคอนเทนต์ควรเป็น mobile friendly
ภาพจาก https://www.wordstream.com

1.3 ความยาวของวิดีโอที่มักได้รับความนิยม และสร้าง Engagement ได้ดีคือ วิดีโอทีมีความยาวเกิน 3 นาทีขึ้นไป

2. PROMOTIONAL CONTENT

ถือว่าพลาดไม่ได้เลย กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม โดยเราอาจจะสร้างกติกาในการให้ user แชร์ ไลค์ หรือ คอมเมนต์ ได้เลย ซื้อโฆษณาสำหรับโพสต์นิดหน่อย Engagement เพิ่มขึ้นรัวๆแน่นอน

PROMOTIONAL CONTENT คือคอนเทนต์ที่โปรโมตสินค้าลดราคา
ภาพจาก https://sproutsocial.com

3. ALBUM CONTENT

เราอาจจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา หรือ อยากให้ข้อมูลชี้แจงบางอย่าง หรือ อาจจะให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ออกมาในรูปแบบรูปภาพหลายๆรูปต่อๆกัน ลงเป็นอัลบั้ม

จากตัวอย่างด้านล่างเราก็จะเห็นคอนเทนต์ที่มีรูปภาพมากกว่าหนึ่งรูป ซึ่งนักการตลาดสามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาเป็น การสรุปสถิติ การสรุปเนื้อหา และการเล่าเรื่องราว หรือ Storytelling

ตัวอย่างคอนเทนต์ที่เป็นอัลบั้ม

4. REAL TIME CONTENT

ทำคอนเทนต์ออกมาให้เกี่ยวข้องกับกระแส ณ ขณะนั้น ทำให้แบรนด์เราดู Active ด้วย ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถใช้ไอเดียสร้างสรรค์และความสนุกออกมาให้สัมพันธ์กับเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ เพื่อให้คอนเทนต์ปัง และได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย โดยสิ่งที่สำคัญในการสร้าง Real Time Content คือ ความเร็ว และ จังหวะที่เหมาะสม เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ หันหน้ามาทำคอนเทนต์ประเภทนี้จำนวนมาก

ตัวอย่าง คอนเทนต์แบบ Real Time ที่ตามกระแสละครเรื่องบุปเพสันนิวาส จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Anitech ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายแบบถล่มทลาย

Realtime content จากแบรนด์เครื่งอใช้ไฟฟ้า Anitech

 

5. QUESTION & OPINION CONTENT

เราอาจจะใช้คำถาม หรือให้ผู้ติดตามได้แสดงความคิดเห็นออกมาในคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเรา อาจจะทำออกมาให้ตัวอักษรอยู่บนรูปภาพ หรือ จะใส่ในแคปชัน ก็ได้ ตัวอย่างคำถาม เช่น

– ชอบรสไหนมากกว่ากันระหว่างรสช็อคโกแล็ตกับสตอร์เบอรี่
– เล่าเรื่องตลกของคุณตอนเมามาคนละ 1 เรื่อง

 

6. TEXT QUOTE CONTENT

ปัจจุบันเราเริ่มเห็นรูปที่มีแต่ข้อความ หรือ อาจจะเป็นภาพพื้นหลังแล้วมีคำคมแปะ กันเป็นจำนวนมากขึ้น ข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้คือเข้าใจง่าย ถ้าคำมันโดนก็กดแชร์ได้ง่าย

นี่คือตัวอย่าง TEXT QUOTE CONTENT ของ STEPS ค่ะ

 

7. SOLVABLE & BENEFICIAL CONTENT

ข้อมูลในคอนเทนต์ประเภทนี้ จะต้องช่วยแก้ปัญหาหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้คน เช่น วิธีแก้อาการผมร่วง วิธีทำให้หน้าชุ่มชื้น วิธีการเลือกรองเท้าผ้าใบ เป็นต้น

ตัวอย่างจากเพจ นิตยาสารชีวจิต ที่นำเสนออาหารสำหรับคนนอนดึก ซึ่งช่วยแนะนำผู้อ่านให้เลือกทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย แม้ในช่วงเวลากลางคืน

ตัวอย่างคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่าน จากเพจ นิตยาสารชีวจิต
ภาพจาก เพจ นิตยาสารชีวิตร (https://goodlifeupdate.com)

 

สรุป

การทำ CONTENT ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ลองทำออกมาก่อน ดูว่า CONTENT แต่ละแบบเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของเราได้เยอะน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะมี CONTENT ที่โดนไม่เหมือนกัน  ถ้ามั่นใจแล้วว่า CONTENT เราดี ENGAGEMENT พุ่งแน่นอน !!

 

 

ที่มา:

Home

https://sproutsocial.com

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

6 เทคนิคการทำโฆษณาผ่าน Facebook ที่นักการตลาดควรรู้ !!
ออฟฟิศใหม่ Instagram ที่ออกแบบมาเพื่อจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน