Content marketing คือการทำการตลาดด้วยการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบต่าง ๆ ไปยังผู้อ่าน หรือผู้ใช้งานบนเว็ไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งเนื้อหาหรือ Content ที่แบรนด์ต้องการสื่อสารไม่ได้มีรูปแบบเพียงแค่บทความ หรือข้อความสั้น ๆ เท่านั้น แต่เนื้อหาประเภท รูปภาพ กราฟิก และวิดีโอ ก็ถือว่าเป็นคอนเทนต์เช่นเดียวกัน
เป้าหมายหลักในการสร้าง Content Marketing คือการขายสินค้าและบริการ แต่การส่งสารด้วยคอนเทนต์ จะเป็นการนำเสนอคุณค่าบางอย่างเพื่อสร้างความประทับใจ และโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการรับรู้แบรนด์ ให้กลายมาเป็นลูกค้าค่ะ
ความน่าสนใจของการทำ Content Marketing บน Facebook นั่นก็คือการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อ่านหรือผู้ชม โดยไม่ยัดเยียดความรู้สึกว่าจะต้องขายโดยเสมอไป (รวมถึงการทำ Content Marketing บนเว็บไซต์และ แพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วย ) ในบางครั้งการโฆษณา คุณอาจจะเห็นว่าเป็นการ Tie-in สินค้าแบบเนียน ๆ ( หรือที่เราเรียกว่า Advertorial นั้นเอง) เพื่อสร้างเรื่องราว หรือช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ามีอยู่ และทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกในเชิงบวกต่อแบรนด์ของเรา ซึ่ง หากจุดหมายปลายทางของการสร้างคอนเทนต์ อาจไปไม่ถึงการขาย แต่อย่างน้อย การทำคอนเทนต์ที่โดนใจ สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์บางอย่าง ซึ่งนำไปสู้การการกดถูกใจ การแชร์เนื้อหา การแท็กคนรู้จักให้เข้าไปอ่าน หรือการคอมเมนต์เพื่อแบ่งปันความเห็น สิ่งที่กล่าวมานี้ นั่นคือการสร้าง Engagement บนโลกออนไลน์
นอกจากนี้ Convince & Convert ได้เผย 7 กลยุทธ์การสร้าง Content Marketing ให้ได้ผลบนโลกออนไลน์ โดยประกอบไปด้วย
1. แบรนด์ต้องตั้งเป้าหมายในการทำธุรกิจ หรือการทำแคมเปญนั้น ๆ
2. รู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ซึ่งการทำ Customer Avatar หรือ Customer Persona สามารถช่วยให้เรารู้จักกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้ดีขึ้น
3. รู้จัก Customer Pain Point (ความกังวลใจหรือปัญหาของลูกค้าคืออะไร )
4. รู้จักวางแผนกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ให้เหมาะสมกับธุรกิจ
5. รู้จักการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยเก็บข้อมูลและวัดผล
6. มีช่องทางการเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพ ตรงกับช่องทางกลุ่มเป้าหมายใช้งาน
7. การสร้างคอนเทนต์โดยคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก (User-centric Content)
และอย่างที่ทุกคนรู้กัน ว่าระบบอัลกอริทึมของ Facebook มีการปรับ Organic Reach ของเพจลดลงจากเดิมมาก เพราะฉะนั้นการผลิต content ออกมาจึงสำคัญมาก ๆ ถ้า content ดี คนติดตามเราแน่นอน ในวันนี้ทีม content จาก STEPS ขอมาแบ่งปันความรู้ในหัวข้อ 7 ประเภทของ CONTENT ที่ดึง Engagement บน Facebook เรามาดูกันเลยค่ะ
1. VIDEO CONTENT
วิดีโอคอนเทนต์ถือว่ามาแรงมากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ละแบรนด์ต่างผลิตวิดีโอกันออกมามากมาย เพราะวิดีโอ สามารถเล่าเรื่องราวได้หลายอย่าง เห็นภาพ ได้ยินเสียง เห็นการเคลื่อนไหว และเข้าถึงอารมณ์ได้เร็วกว่ารูปภาพเฉยๆ ถือเป็นคอนเทนต์อีกประเภทที่ไม่ควรพลาด แต่ทำวิดีโอให้ดีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ต้องโดน ต้องให้คนเกิดความรู้สึกแบบว่าดูจบแล้วอยากแชร์เลยทันที อาจจะ outsource จ้างคนที่เชี่ยวชาญทำก็ได้
นอกจากนี้ ผู้เขียนได้นำเทคนิคการสร้างวิดีโอคอนเทนต์เชิงสร้างสรรค์มาฝากทุกคนกัน เผื่อใครจะได้ไอเดียดี ๆ ไปลองใช้ และต่อยอดกับคอนเทนต์ของคุณกันค่ะ
1.1 เลือกประเภทวิดีโอให้เหมาะสมกับแบรนด์ และเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอ
การสร้างสีสันและวคามสนุกในการทำคอนเทนต์ให้หลากหลาย ไม่ได้มีกฎตายตัว เราไปลองดูกันว่า เนื้อหาแบบไหน เหมาะสมกับการสร้างคอนเทนต์อะไรกันบ้าง
- User-Generated Content : คือคอนเทนต์ทีมาจากกลุ่มลูกค้าตัวจริงที่เคยใช้สินค้าและบริการจากเรา
ซึ่งเป็นการรีวิว และแนะนำสินค้าตามประสบการณ์การใช้งานในเชิงบวก ซึ่งทำให้แบรนด์เกิดความน่าเชื่อถือได้ - Product Showcase: เป็นการนำเสนอสินค้าผ่านวิดีโอ โดยเน้นการสื่อสารที่ไม่ซับซ้อน บอกถึงประโยชน์การใช้งานและดีไซน์
- Live Video : คือการไลฟ์สด จากสถานที่ที่ถ่ายทำหรือสถานที่จริงก็ได้ เพื่อสร้างความตื่นเต้น และรู้สึกทันเหตุการณ์ ซึ่งผู้ชมสามารถเข้ามามีปฏสัมพันธ์สร้างคำถามผ่านคอมเมนต์ หรือการแชร์ให้เพื่อนเข้ามาร่วมชมคอนเทนต์ด้วยกัน
- Behind The Scene : หลาย ๆ คนชอบคอนเทนต์แนวนี้อยู่ไม่น้อย เนื่องจากผู้ชมต้องการเห็นมุมมองการทำงานของแบรนด์ หรือเรื่องราว “หลังบ้าน” ก่อนจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันทุกวันนี้ หรือการนำเสนอเบื้องหลังความสำเร็จของเจ้าของแบรนด์ว่าผ่านอะไรมาบ้าง
- วิดีโอฮาวทู : เป็นการสอนวิธีการทำบางสิ่งบางอย่างให้ผู้ชมลองทำตามกัน จากตัวอย่างด้านล่างนี้ เป็นการสอนวิธีการตกแต่งเค้ก จากแบรนด์ Easy Cakes Decorating Ideas ค่ะ
1.2 อย่าลืมออกแบบคอนเทนต์ที่สามารถรองรับอุกรณ์เคลื่อนที่ได้ เพื่อความสะดวกของกุล่มเป้าหมาย หากต้องการเปิดดูวิดีโอบนมือถือ
1.3 ความยาวของวิดีโอที่มักได้รับความนิยม และสร้าง Engagement ได้ดีคือ วิดีโอทีมีความยาวเกิน 3 นาทีขึ้นไป
2. PROMOTIONAL CONTENT
ถือว่าพลาดไม่ได้เลย กับการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม โดยเราอาจจะสร้างกติกาในการให้ user แชร์ ไลค์ หรือ คอมเมนต์ ได้เลย ซื้อโฆษณาสำหรับโพสต์นิดหน่อย Engagement เพิ่มขึ้นรัวๆแน่นอน
3. ALBUM CONTENT
เราอาจจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา หรือ อยากให้ข้อมูลชี้แจงบางอย่าง หรือ อาจจะให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ ออกมาในรูปแบบรูปภาพหลายๆรูปต่อๆกัน ลงเป็นอัลบั้ม
จากตัวอย่างด้านล่างเราก็จะเห็นคอนเทนต์ที่มีรูปภาพมากกว่าหนึ่งรูป ซึ่งนักการตลาดสามารถสร้างคอนเทนต์ออกมาเป็น การสรุปสถิติ การสรุปเนื้อหา และการเล่าเรื่องราว หรือ Storytelling
4. REAL TIME CONTENT
ทำคอนเทนต์ออกมาให้เกี่ยวข้องกับกระแส ณ ขณะนั้น ทำให้แบรนด์เราดู Active ด้วย ซึ่งแต่ละแบรนด์สามารถใช้ไอเดียสร้างสรรค์และความสนุกออกมาให้สัมพันธ์กับเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ เพื่อให้คอนเทนต์ปัง และได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย โดยสิ่งที่สำคัญในการสร้าง Real Time Content คือ ความเร็ว และ จังหวะที่เหมาะสม เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ซึ่งในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ หันหน้ามาทำคอนเทนต์ประเภทนี้จำนวนมาก
ตัวอย่าง คอนเทนต์แบบ Real Time ที่ตามกระแสละครเรื่องบุปเพสันนิวาส จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Anitech ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายแบบถล่มทลาย
5. QUESTION & OPINION CONTENT
เราอาจจะใช้คำถาม หรือให้ผู้ติดตามได้แสดงความคิดเห็นออกมาในคอมเมนต์ใต้โพสต์ของเรา อาจจะทำออกมาให้ตัวอักษรอยู่บนรูปภาพ หรือ จะใส่ในแคปชัน ก็ได้ ตัวอย่างคำถาม เช่น
– ชอบรสไหนมากกว่ากันระหว่างรสช็อคโกแล็ตกับสตอร์เบอรี่
– เล่าเรื่องตลกของคุณตอนเมามาคนละ 1 เรื่อง
6. TEXT QUOTE CONTENT
ปัจจุบันเราเริ่มเห็นรูปที่มีแต่ข้อความ หรือ อาจจะเป็นภาพพื้นหลังแล้วมีคำคมแปะ กันเป็นจำนวนมากขึ้น ข้อดีของคอนเทนต์ประเภทนี้คือเข้าใจง่าย ถ้าคำมันโดนก็กดแชร์ได้ง่าย
นี่คือตัวอย่าง TEXT QUOTE CONTENT ของ STEPS ค่ะ
7. SOLVABLE & BENEFICIAL CONTENT
ข้อมูลในคอนเทนต์ประเภทนี้ จะต้องช่วยแก้ปัญหาหรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้คน เช่น วิธีแก้อาการผมร่วง วิธีทำให้หน้าชุ่มชื้น วิธีการเลือกรองเท้าผ้าใบ เป็นต้น
ตัวอย่างจากเพจ นิตยาสารชีวจิต ที่นำเสนออาหารสำหรับคนนอนดึก ซึ่งช่วยแนะนำผู้อ่านให้เลือกทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย แม้ในช่วงเวลากลางคืน
สรุป
การทำ CONTENT ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ลองทำออกมาก่อน ดูว่า CONTENT แต่ละแบบเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของเราได้เยอะน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละกลุ่มเป้าหมายจะมี CONTENT ที่โดนไม่เหมือนกัน ถ้ามั่นใจแล้วว่า CONTENT เราดี ENGAGEMENT พุ่งแน่นอน !!
ที่มา:
https://sproutsocial.com