หากคุณกำลังมองหาวิธีการ หรือแนวทางใหม่ ๆ ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับต้น ๆ ในการค้นหาบน Search Engine ในวันนี้ ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีการทำ SEO ให้ได้มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ Long-Tail Keyword ด้วยวิธี Organic หรือ แบบไม่ต้องเสียเงิน และเพื่อเพิ่มจำนวน Traffic (ผู้เข้าชมเว็บไซต์) อีกทั้งนำมาซึ่งยอด Conversion หรือการเพิ่มขึ้นของยอดขายตามมาอีกด้วย แต่ก่อนที่เราจะมาแชร์วิธีการหา Long-Tail Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรานั้น เรามารู้จักกันก่อนว่าเจ้าคีย์เวิร์ดที่จะมาเพิ่ม Traffic ของเว็บไซต์เรานี้คืออะไร
Long-Tail Keyword คืออะไร
Long-Tail Keyword คือ กลุ่มคำ หรือวลีมากกว่าสองคำขึ้นไป ที่มีความเจาะจงถึงแบรนด์ สินค้า และ บริการ ตัวแคมเปญ หรือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ และ ยอดมีการค้นหา หรือ Search Volume ค่อนข้างต่ำกว่า Keyword แบบสั้น ๆ โดยประกอบไปด้วยการรวมกลุ่มของ
- Short Keyword คีย์เวิร์ดที่เป็นที่นิยมในการค้นหาหลาย ๆ Keyword รวมกัน
- วลีประโยค
หลายคนคงอาจจะเข้าใจผิดคิดว่า Long-Tail Keyword นั้น มียอดการค้นหาต่ำ และอาจไม่ได้ผลลัพธ์ดีเท่า Short Keyword แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อดูจากรูปตัวอย่างด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นว่า Keyword ที่มีความยาวที่สุด ไม่ได้หมายความว่าจะมี Search Volume น้อยที่สุดเสมอไป และ ค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งการคลิก หรือ CPC นั้น ก็ไม่ได้ต่ำที่สุดเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น จากภาพกราฟของ Search Demand Curve หรือ ข้อมูลการค้นหา Ketword ของผู้ใช้งาน ด้านล่างนี้ ได้อธิบายคุณสมบัติของ Long-Tail Keyword ไว้ว่า กลุ่มคำที่มีจำนวน Search Volume น้อย หรือ Long-Tail Keyword นั้น สามารถสร้างยอด Conversion ที่ทำไปสู่ยอดขายได้มากกว่า ซึ่งหากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มยอดขาย การทำ Long-Tail Keyword นี้จะตอบโจทย์กับกลุยทธ์แคมเปญทางการตลาดของคุณอย่างมากเลยค่ะ
นอกจากนี้ การใช้ Keyword รูปแบบ Long-Tail เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการติดอันดับการค้นหาด้วยวิธี Organic อีกทั้งเวลาที่เข้าไปทำการ Bid หรือ ประมูล นั้น Long-Tail Keyword จะมี CPC ค่อนข้างต่ำ เพราะว่าคู่แข่งน้อย การแข่งขันไม่สูง
วิธีการหา Long-Tail Keyword
1.ค้นหาด้วยการแนะนำของ Google
การหา Long-Tail Keyword แบบที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือแบบง่าย ๆ วิธีแรก คือ การพิมพ์สิ่งที่คุณพิมพ์คีย์เวิร์ด หรือสิ่งที่อย่างรู้ลงใน Google เราก็จะเห็นว่า Google นั้น แนะนำคำที่กำลังเป็นที่นิยมในการค้นหานั้น ๆ ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถเห็นได้ว่าคีย์เวิร์ด หรือคำที่ถูกค้นหาในรูปแบบไหนที่คนนิยมใช้ และสามารถนำมาปรับให้ใช้ได้กับการทำ Long-Tail Keyword ในกับสินค้า และ บริการของเรา
จากภาพตัวอย่างข้างล่างนี้ เมื่อเราใส่ Keyword และได้ทำการค้นหาแล้ว ในหน้าแรกของ Google นั้น ทำให้เห็นอีกเช่นกันว่าเราสามารถทำไอเดียการหา Long-Tail Keyword จากฟีเจอร์ People also ask และ Search related หรือ สิ่งที่ Google แนะนำว่าอาจจะใกล้เคียงกับสิ่งผู้ใช้งานต้องการจะหาคำตอบ โดยเราสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปต่อยอดสำหรับการเลือก Long-Tail Keyword ให้เหมาะสมกับเราได้เช่นกัน
หลังจากที่เราได้ไอเดียสำหรับการทำ Long-Tail Keyword จากการแนะนำของ Google แล้ว เราสามารถนำกลุ่ม Keyword ต่าง ๆ ที่เราสนใจมาเช็คด้วยเครื่องมือ Google Keyword Planner, Google Search Console หรือ Ubersuggest เพื่อค้นหา Search Volume หรือ จำนวนการที่คำถูกค้นหา เพื่อทำให้ได้คำที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับการเข้าถึงเว็บไซต์ของเรา
2.ศึกษาไอเดียจากคู่แข่ง หรือเว็บไซต์ที่ทำ SEO ได้ดี
การศึกษาจากคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคู่แข่ง หรือเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพในการทำ SEO นั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะได้เห็นแนวคิดในการทำ SEO รวมถึงได้ไอเดียทำมาต่อยอดการในการทำ Long-Tail Keyword และ เรายังสามารถเป็นการอัพเดต Keyword ใหม่ ๆ ไปในตัวด้วยเช่นกัน โดยเราสามารถศึกษาจากเว็บไซต์คู่แข่งเราที่ติดอันดับต้น ๆ ซึ่งทุกอย่างบนเว็บไซต์สามารถเป็น Keyword ที่สร้างประสิทธิภาพที่ส่งผลของการจัดลำดับการค้นหาได้ โดยเราสามารถดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเว็บไซต์สินค้า และบริการของเราได้
ภาพด้านบน เป็นตัวอย่างเว็บไซต์ที่ใช้ Long-Tail Keyword ในการทำคอนเทนต์เป็นส่วนใหญ่ในหน้าเพจ
3. สังเกตพฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
สำหรับวิธีอีกหนึ่งวิธีที่จะค้นหาคำสำหรับมาสร้าง Long-Tail Keyword ให้คุณภาพมากขึ้นนั้น การเข้าถึงสิ่งที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณกำลังสนใจ และ กลุ่มคนที่มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าก็จัดเป็นอีกสิ่งที่สำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม ซึ่งเราสามารถทำได้โดย
- เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มเป้าหมาย :
การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะค้นหาสินค้า หรือบริการของคุณนั้นคิดมีมุมมองต่อแบรนด์ จะทำให้เราเจอ Keyword ที่เหมาะสมกับกลุ่ม Lead ซึ่งเราศีกษาได้จาก ภาษาที่ใช้ ลักษณะการเลือกใช้ในการค้นหาสิ่งต่าง ๆ
- สอบถามข้อมูลความพึงพอใจในการใช้สินค้า และบริการจากผู้ใช้จริง
การที่เราได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแบรนด์จากผู้ใช้จริงนั้น สามารถนำสิ่งที่ลูกค้าประทับใจ ทั้งในรูปแบบ การบริการ หรือ ตัวผลิตภัณฑ์จากการสอบถามพูดคุยกับผู้ใช้นำมาเพื่อหาไอเดียในเรื่องสำหรับการสร้าง Keyword ได้เช่นกัน
- สังเกตจากการเทรนด์สังคมออนไลน์ :
การศึกษาจากแหล่ง Community อย่าง Facebook Group หรือ แพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่การพูดถึงคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับสินค้า และบริการของเราว่าคำถามที่มันจะพบบ่อยของกลุ่มลูกค้า หรือกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้ามีความคิดเห็นอย่างไร
4. การใช้เครื่องมือในการค้นหา
เราสามารถใช้เครื่องมือในการค้นหา Keyword ที่มีแนวโน้มว่าจะมีประสิทธิภาพกับเราได้ โดยสำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะเริ่มการทำ Long-tail Keyword ได้อย่างไรนั่น ก็สามารถเริ่มจากการค้นหา Short-Tail Keyword หรือกลุ่มคำที่มีจำนวนการถูกค้นหา หรือ Search Volume ในการเข้าถึงสูง โดยการใช้เครื่องมืออย่าง Google Trend รวมถึง Social Media Tool อื่น ๆ ของ YouTube’s keyword tool และ Twitter Search ในการค้นหาประสิทธิภาพของ Keyword ที่เราสนใจ รวมถึงยังสามารถเข้าถึงข้อมูล Insights ของผู้ใช้ที่ทำการค้นหาคำเหล่านี้ได้อีกด้วย ซึ่งสามารถทำไปเป็นข้อมูลที่ทำไปต่อยอดในการวางแผนแคมเปญในอนาคต
จากภาพด้านบน เป็นการใช้เครื่องมืออย่าง Google Trend เพื่อเปรียบเทียบจำนวนคำ หรือ Keyword ที่ใช้เสิร์จว่ามีทิศทางเป็นอย่างไรบ้างในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งจากภาพนั้นแสดงให้เห็นว่าคนนิยมค้นหาด้วยคำว่า Women มากกว่า Female อีกทั้งยังสามารถดูข้อมูลเชิงลึกของผู้ที่ค้นหาว่าอาศัยอยู่พื้นที่ไหนบ้างได้เช่นกัน
สรุป
การมี Long-Tailed Keyword นั้น จัดเป็นอีกหนึ่งอาวุธลับที่ไม่ควรมองข้าม นอกจากจะเข้ามาทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ SEO ดีมากยิ่งขึ้น และจะส่งผลให้ของเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหา เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น ทำมาสู่ยอดขายที่มากขึ้นในอนาคต
หากคุณผู้อ่านท่านไหนเริ่มมีความสนใจ หรือมองเห็นถึงความสำคัญในการใช้ Data การเลือก Keyword ให้ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น STEPS Academy ขออนุญาตแนะนำหลักสูตร SEO Content Marketing หลักสูตรที่จะทำให้คุณยกระดับการขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้เป็นที่หนึ่งเหนือคู่แข่ง รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อชิงตำแหน่งบน Search Engine
ดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ :
https://stepstraining.co/martech-data-driven-content-seo
อ้างอิง
https://ahrefs.com