คู่มือ “Ubersuggest” เครื่องมือฟรี! ที่จะช่วยดัน SEO

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ

หลังจากตอนที่แล้วที่เราได้ทำความรู้จักกับเครื่องมือที่จะช่วยให้เราตามเทรนด์ได้ทัน และ ไม่พลาดคีย์เวิร์ดที่กำลังเป็นที่นิยม อย่าง Google Trend กันไปแล้ว วันนี้เราจะมาดูเครื่องมือต่อไปกันบ้าง ซึ่งต้องบอกเลยว่าถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความคาดหวังในการทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ และ อยากได้เครื่องมือที่จะมอบข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO คุณไม่ควรที่จะพลาดการใช้เครื่องมืออย่าง  “Ubersuggest”  ตัวนี้ซึ่งสามารถใช้ได้แบบฟรี ๆ โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน (5 ครั้งต่อวันสำหรับการใช้แบบฟรี)

Ubersuggest คืออะไร  


Ubersuggest คือ เครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์
“คีย์เวิร์ด” ที่เราต้องการจะใช้ และ “วิเคราะห์เว็บไซต์ของทั้งเราและคู่แข่ง” เพื่อเป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจ และ ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO โดยเครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือที่ถูกทำขึ้นโดย Neil Patel ที่หลาย ๆ คนในแวดวง Digital Marketing ทั่วโลกน่าจะคุ้นเคยกัน 

โดยการใช้ Ubersuggest สามารถแบ่งการใช้ได้เป็น 3 ส่วนด้วยกันซึ่งได้แก่

1. การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

2. การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์เว็บไซต์

3. การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบอื่น ๆ ของ SEO

การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์คีย์เวิร์ด 


ในการเข้าใช้ Ubersuggest เริ่มแรก เราต้องเข้าไปที่
เว็บไซต์ของเครื่องมือนี้กันก่อน โดยสามารถคลิกไปที่ ลิงก์ เพื่อลองทำไปพร้อม ๆ กันได้เลย ซึ่งหน้าแรกของเว็บไซต์ก็จะเด้งขึ้นมา พร้อบกับกล่องข้อความที่เราสามารถระบุได้ว่า อยากจะวิเคราะห์ เว็บไซต์ หรือ คีย์เวิร์ดอะไร และ อยากดูข้อมูลที่เกิดขึ้นในประเทศไหนตามรูปด้านล่าง

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้าแรกของเครื่องมือ Ubbersuggest

ที่มา Ubersuggest

เมื่อเรากรอก URL ของเว็บไซต์ หรือ คีย์เวิร์ดที่เราอยากใช้ Ubersuggest ในการวิเคราะห์ไปแล้ว เครื่องมือก็จะแสดงผลลัพธ์ในการวิเคราะห์ขึ้นมา ดังภาพด้านล่างที่เราทำการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดคำว่า “Data Driven Marketing” เข้าไป 

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า Overview ของ Ubersuggest ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

ที่มา Ubersuggest

จะสังเกตว่า Ubersuggest จะแสดงผลให้เราเห็นข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้น ซึ่งประกอบไปด้วย

Search Volume คือ จำนวนการค้นหาของคียเวิร์ดนั้น ๆ ในแต่ละเดือน ซึ่งถ้าเลื่อนลงไปด้านล่างก็จะเห็นว่า Ubersuggest จะมีการแสดงผลเป็นกราฟให้เราสามารถดูว่าแต่ละเดือนมีค่า Search Volume เท่าไหร่ได้อีกด้วย

SEO Difficulty คือ ระดับความยากของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ในการทำให้เว็บไซต์ไต่ขึ้นอันดับต้น ๆ โดยตัวเลขที่ Ubersuggest แสดงผลออกมา ยิ่งมีค่ามากยิ่งแปลว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งจากภาพตัวอย่างคำว่า “Data Driven Marketing“ อยู่ในระดับที่ง่าย

Paid Difficulty คือ ระดับความยากของคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ในการแข่งขันที่มีการซื้อ Search Engine Marketing หรือ SEM มาเกี่ยวข้อง ซึ่งตัวเลขส่วนนี้ก็เช่นกัน ที่ยิ่งมากก็ยิ่งแปลว่ามีการแข่งขันที่สูง

Cost per Click (CPC) คือ ค่าเฉลี่ยราคาของการโฆษณาผ่านช่องทาง Google Ads ต่อการคลิกหนึ่งครั้ง ซึ่งยิ่งตัวเลขมากก็ยิ่งแปลว่าคีย์เวิร์ดนั้น ๆ มีการแข่งขัน และ ราคาที่สูง

Mobile Volume / Desktop Volume ที่ด้านล่างของรูปตัวอย่างด้านบนเราจะเห็นกราฟแสดงผล Search Volume ในแต่ละเดือน ซึ่งกราฟจะถูกแบ่งออกมาเป็น 2 เส้น ที่แบ่งระหว่างจำนวนการค้นหาผ่านโทรศัพท์มือถือ ส่วนอีกเส้นหนึ่งก็คือจำนวนการค้นหาผ่านคอมพิวเตอร์

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า Overview ของ Ubersuggest ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด

ที่มา Ubersuggest

Click on Search Result คือ จำนวนการคลิกที่เกิดขึ้น ซึ่ง Ubersuggest จะแบ่งข้อมูลการคลิกออกมาเป็น 3 ส่วนด้วยกันได้แก่ การคลิกบนเว็บไซต์ที่ขึ้นมาจากการใช้ SEO, การคลิกบนเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ SEM และ จำนวนของคนที่ไม่คลิก

Searchers’ Age Range คือ สัดส่วนของคนที่ทำการค้นหา โดย  Ubersuggest จะแบ่งข้อมูลออกมาตามช่วงอายุ

Keyword Ideas คือ ไอเดียที่ Ubersuggest แนะนำ ซึงเราสามารถนำไปต่อยอดในการเขียนคอนเทนต์ต่อ ๆ ไปได้ โดยตารางจะบอกข้อมูลอื่น ๆ ของคีย์เวิร์ดที่ได้รับการแนะนำด้วย เช่น จำนวนการค้นหาขอคีย์เวิร์ดนั้น เป็นต้น

Content Ideas คือ ไอเดียในการทำคอนเทนต์ซึ่ง Ubersuggest จะนำคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราสนใจ มาแสดงผลให้เราเห็นว่ามีเว็บไซต์อะไรบ้าง ที่ได้อันดับที่ดีกับคีย์เวิร์ดนี้ โดยเราสามารถดูเพื่อวิเคราะห์ หรือใช้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น โดยในแต่ละคอนเทนต์ที่ Ubersuggest แนะนำมาจะมีการระบุให้ดูด้วยว่าหน้าเว็บที่ติดอันดับของเว็บไซต์นั้น ๆ มีจำนวนการเข้าชมเท่าไหร่ มีการทำ Backlinks หรือ ถูกแชร์ใน Social Media มากแค่ไหนอีกด้วย

การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์เว็บไซต์ 


นอกจาก Ubersuggest จะสามารถวิเคราะห์คีย์เวิร์ดได้แล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของ Ubersuggest นั่นคือ เราสามารถนำ URL ของเว็บไซต์ที่เราต้องการวิเคราะห์ มาวิเคราะห์ในเครื่องมือนี้ โดยขั้นตอนการวิเคราะห์เว็บไซต์ด้วย Ubersuggest ก็สามารถทำง่าย ๆ เหมือนกับการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด ด้วยการใส่ URL ของเว็บไซต์ที่เราจะวิเคราะห์ไนช่องค้นหา ซึ่งเป็นช่องเดียวกันกับที่เรากรอกคีย์เวิร์ด

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า Overview ของ Ubersuggest ในการวิเคราะห์เว็บไซต์

ที่มา Ubersuggest

โดยในครั้งนี้ STEPS Academy ก็ได้ทำการทดลองใช้ Ubersuggest ในการวิเคราะห์เว็บไซต์  “Google Trend” ดังที่เห็นจากภาพตัวอย่างด้านบน ซึ่ง Ubersuggest จะทำการแสดงผลเป็นข้อมูลต่าง ๆ ของเว็บไซต์ซึ่งประกอบไปด้วย

Organic Keyword คือ จำนวนคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์นี้ติดอันดับ Search Engine Optimization หรือ SEO โดยปราศจากการซื้อโฆษณา

Organic Monthly Traffic คือจำนวนคนที่เข้าชมเว็บไซต์ในแต่ละเดือน โดย Ubersuggest จะนับเฉพาะผู้เข้าชมที่ไม่ผ่านช่องทางการโฆษณาออนไลน์ Google Ads ของเรา  นอกจากนี้หากเลื่อนลงดูด้านล่าง Ubersuggest ยังมีการแสดงผลออกมาเป็นกราฟให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย

Domain Score คือ คะแนนของเว็บไซต์ ซึ่งมีความสำคัญกับ Search Engine Optimization หรือ SEO มาก ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อคะแนนว่าจะมากหรือน้อยก็ เช่น ความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์ เป็นต้น

Backlinks คือ การที่เว็บไซต์ หรือ บททความนั้น ๆ ถูกเอาไปอ้างอิงถถึงในแหล่งอื่น ๆ พร้อมใส่ลิงก์กลับมา ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า Backlinks ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออันดับของ SEO ด้วย

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
Ubersuggest กับกราฟแสดงสัดส่วนของคีย์เวิร์ดที่ติด SEO

ที่มา Ubersuggest

SEO Keyword Ranking คือ กราฟแท่งแสดงจำนวนของคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับ โดย Ubersuggest จะจัดกลุ่มของคีย์เวิร์ดเอาไว้เป็น 4 กลุ่มตามอันดับการติด SEO ซึ่งได้แก่ กลุ่มอันดับที่ 1 – 3 , กลุ่มอันดีบที่ 4 – 10 , กลุ่มอันดับที่ 11 – 50 และสุดท้ายอันดับที่ 51 – 100 

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
Ubersuggest บอกหน้าเว็บไซต์เป็นที่นิยมสูงสุดของเว็บฯ

ที่มา Ubersuggest

Top SEO Pages คือ ตารางแสดงหน้าเว็บไซต์ หรือ คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเว็บไซต์นี้ โดยจะมีข้อมูลที่บอกทั้ง จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์, จำนวน Backlinks ที่ได้ และจำนวนการแชร์บน Social Media 

SEO Keyword คือ ตารางแสดงคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์นั้น ๆ ใช้แล้วติดอันดับ SEO ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นว่าติดคีย์เวิร์ดอะไรบ้างแล้ว Ubersuggest ยังบอกข้อมูลจำนวนการค้นหาของแต่ละคีย์เวิร์ด อันดับของเว็บไซต์ และ จำนวนการเข้าชมอีกด้วย

และก็เช่นเดียวกันสำหรับข้อมูลในส่วนของ “Top SEO Page” และ “SEO Keyword” ที่เราสามารถเลือกกดไปที่เมนูด้านข้าง เพื่อดูข้อมูลนี้โดยเฉพาะได้ โดยเฉพาะกับ “SEO Keyword” ที่ Ubersuggest มีการลงรายละเอียดที่บอกว่าเว็บไซต์ หรือ คอนเทนต์ไหนกันที่ได้อันดับต้น ๆ 

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า SEO Keyword ของ Ubersuggest ในการวิเคราะห์เว็บไซต์

ที่มา Ubersuggest

การใช้ Ubersuggest เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบอื่น ๆ ของ SEO


นอกจากความสามารถด้านบน พวกเราทุกคนยังสามารถใช้เครื่องมือ Ubersuggest ตัวนี้ เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบอื่น ๆ ของการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO และ ประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ที่คนมักใช้คำว่า
“Health หรือ สุขภาพ”

โดยสุขภาพของเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักจะประกอบไปด้วย ความเร็วในการโหลด ข้อผิดพลาดทางเทคนิค และอื่น ๆ ที่อาจส่งผลเสียกับการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO ของเรา

ทั้งนี้วิธีการดูเราสามาถเข้าไปที่ตัวเลือก “Site Audit” ในกลุ่ม “SEO Analyzer” ที่แถบตัวเลือกด้านซ้าย ในหัวข้อใหญ่อย่าง “SEO Analyzer”

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า Site Audit ของ Ubersuggest

ที่มา Ubersuggest

มาดูส่วนสุดท้ายของการใช้ Ubersuggest เพื่อดูข้อมูลเว็บไซต์กันบ้าง ซึ่งจากภาพตัวอย่างด้านบนเราจะเห็นว่า Ubersuggest ก็สามารถลงรายละเอียดด้าน“Backlinks”  ด้วย

และอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้าว่า “Backlinks” มีผลกับอันดับของการทำ SEO ซึ่งใน Ubersuggest ก็ได้มีตัวเลือกให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลส่วนนี้โดยเฉพาะ โดยจะข้อมูลที่บอกทั้งจำนวนของการถูก Backlinks กลับมารวมทั้งรายชื่อของเว็บไซต์ที่คอนเทนต์ของเราถูกอ้างอิงไป 

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
หน้า Backlinks ของ Ubersuggest

ที่มา Ubersuggest

ทั้งนี้สิ่งที่เราจำเป็นต้องแยกให้ออกคือคุณภาพของ “Backlinks” ที่จะถูกแบ่งออกมาเป็น 2 ประเภทได้แก่ 

Follow คือการอ้างอิงถึงเว็บไซต์ของเราที่จะถูกนับเป็นคะแนนของเว็บไซต์โดย Google เพื่อจัดอันดับสำหรับ SEO 

No Follow คือการทำ Backlinks ที่ไม่ถูกนับเป็นคะแนน ซึ่งมักจะเป็นการอ้างอิงถึงเว็บไซต์ตามคอมเมนต์ต่าง ๆ หรือตามบอร์ดสนทนา (อย่าง Pantip) เป็นต้น โดย Backlinks ประเภทนี้จะไม่มีผลกับการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO

ตัวอย่างการวางแผนด้วย Ubersuggest 


ในตอนนี้ทุกคนน่าจะเริ่มเห็นภาพกันแล้วว่าเราสามารถใช้ Ubersuggest ในการหาข้อมูลอะไรได้บ้าง ซึ่งข้อมูลแต่ละอย่างก็มีประโยชน์กับการวางกลยุทธ์เพื่อเขียนคอนเทนต์ และ เพิ่มการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO โดยหากใครยังไม่เห็นภาพ วันนี้เราก็มีตัวอย่างในการวิเคราะห์ให้ลองดูกัน

โดยสมมติว่าเราเป็นธุรกิจที่ขายสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมนำเข้า เราสามารถลองใช้ Ubersuggest ในการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ใหญ่ ๆ ในตลาดได้ เช่น เว็บไซต์ Farfetch ที่เป็นเว็บไซต์ E-commerce เครื่องแต่งกายแบรนด์เนมต่าง ๆ โดยหากเราลองดูที่ข้อมูลด้าน Top Page (สามารถเลือกเฉพาะประเทศไทยได้) เราจะพบว่าคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมสูงคืออะไร โดยในกรณีของ Farfetch คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมคือหน้าคอลเลคชั่นสินค้าแบรนด์ Gucci ประจำปี 2020 โดยหากมาดูที่ฝั่งของ SEO Keyword เราก็จะพบว่า “Gucci” ก็เป็นคีย์เวิร์ดที่ติดอันดับสูงสุด

ดังนั้นหากเราเป็นอยากทำคอนเทนต์เราสามารถนำคีย์เวิร์ด “Gucci” มาใช้เป็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์ได้ โดยอาจขึ้นอยู่กับเป้าหมายว่าเราต้องการอะไร เช่น การทำคอนเทนต์แนะนำสินค้า Gucci ยอดนิยมปี 2020 เป็นภาษาไทย หรือ การทำคอนเทนต์แนะนำสินค้าที่สามารถใช้แทน Gucci ได้เป็นต้น

ทั้งนี้ยังมีวิธีอีกมากมายในการนำข้อมูลจาก Ubersuggest มาปรับใช้ เพื่อวิเคราะห์ และ วางแผนให้คอนเทนต์ถูกสร้างออกมาอย่างตอบโจทย์ โดยเราขอแนะนำ หลักสูตร Data-Driven Content Strategy ซึ่งเป็นหลักสูตรที่จะสอนให้คุณเข้าใจการเก็บ และ นำข้อมูลมาใช้ เพื่อวางแผนทำคอนเทนต์ให้ได้ผลลัพธ์ ทั้งกับธุรกิจ และอันดับ SEO  พร้อมทั้งเวิร์คชอปที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้ลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ  รวมทั้งการวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลให้ได้อย่างมืออาชีพ สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ดาวน์โหลด Ubersuggest  Map

 

เครื่องมือ SEO "Ubersuggest" คือ
Ubersuggest Map บอกคุณสมบัติของแต่ละส่วน

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

Click Through Rate หรือ CTR ตัวชี้วัดที่จะบอกว่าคอนเทนต์ของคุณน่าคลิกหรือไม่
ห้ามพลาด! เทคนิคการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์ด้วยการใช้ Data Point ให้เกิดประโยชน์