สวัสดีครับ หลังจากในบทความก่อนหน้า (Episode 1) ผมได้กล่าวถึง Marketing technology ว่ามันคืออะไร และทำไมเราต้องใช้ Marketing technology รวมทั้งเกริ่นถึงวิธีการแบ่งประเภทของ Marketing Technology คร่าว ๆ สำหรับวันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับ Marketing Technology กันต่อ โดยหัวข้อของวันนี้ได้แก่
- การใช้ Marketing Technology ดีต่อธุรกิจอย่างไร
- เริ่มต้นการใช้ Marketing technology อย่างไร
- รายชื่อโปรแกรม หรือเครื่องมือยอดนิยมตามหมวดหมู่ที่จัดเอาไว้ใน EP. 1
การใช้ Marketing Technology ดีต่อธุรกิจอย่างไร
- รองรับการสื่อสารกับลูกค้าในทุก ๆ ช่องทาง (Customer Touchpoints)
- การสื่อสารกับลูกค้าแต่ละช่องทางที่เชื่อมโยงกันได้ (Seamless)
- เก็บและเชื่อมโยงข้อมูลข้ามระบบกันได้รวดเร็ว (Integration)
- วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้าได้ครบทุกมุมมอง (Customer 360 View)
- มีเครื่องมือในการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ละเอียดและตรงกลุ่ม (Audience)
เริ่มต้นการใช้ Marketing technology อย่างไร
ผมเชื่อว่าทุกวันนี้ คนที่ทำการตลาดผ่านทางช่องทางดิจิทัล ไม่ว่าจะผ่านช่องทางเว็บไซต์หรือ Social Media ย่อมต้องมีการใช้งานเครื่องมือ (Tools) ต่าง ๆ ซึ่งนั่นก็ถือว่าเริ่มต้นใช้งาน Martech กันบ้างแล้ว เช่น
- การใช้ Google Analytic ในการติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งาน
- การเก็บข้อมูลลูกค้าและข้อมูล Transactional ใน Spreadsheet หรือ Excel เช่น การเก็บข้อมูลสินค้าที่เคยซื้อ วันเวลาที่จัดส่ง หมวดหมู่สินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนสั่งซื้อ ก็ถือเป็นระบบ CRM ขั้นพื้นฐาน
ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดของเครื่องมือที่เคยใช้กันข้างต้น อาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ยาก ๆ หรือยังเป็นการทำงานแยกส่วนกันแบบไซโล (Silo) ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้สูงสุด หรือกระบวนการทำงานยังไม่ไหลลื่น ไม่ยืดหยุ่นในการสร้างแคมเปญการตลาดได้อย่างรวดเร็ว หรือข้อจำกัดด้านการเชื่อมโยง (Integration) ต้องมีคนไปช่วยขับเคลื่อนด้วยมือ
การใช้ Marketing Technology จึงทำให้การดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดต่าง ๆ สะดวกขึ้น แม่นยำขึ้น และ วัดผลดีขึ้นเช่น
- การเก็บข้อมูล Google Analytic ไปที่ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ Data Warehouse (คลังจัดเก็บข้อมูลที่ถูกออกแบบมาให้รับมือกับข้อมูลจำนวนมาก) เช่น Google Big Query
- การเชื่อมต่อเครื่องมือ Data Visualize (เครื่องมือแปลงข้อมูลให้กลายเป็นรูปภาพ หรือ แผนภูมิ) เช่น Google Data Studio, Tableau เชื่อมต่อกับ spreadsheet ที่เก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ หมวดหมู่สินค้าที่ลูกค้าแต่ละคนชอบหา ตัวตนของลูกค้าเพื่อการปรับปรุงบริการหลังการขาย หรือการสร้าง Loyalty Program (โปรแกรมที่มุ่งสร้างความภักดีของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์)
- การวิเคราะห์ข้อมูล Post Engagement (การมีส่วนร่วมกับโพสต์) เพื่อดูประเภทเนื้อหาที่ได้รับความนิยมในการไลก์ หรือ แชร์
- การใช้เครื่องมือในการส่ง Facebook Lead Ads เข้ามาที่ระบบ CRM และมีการส่ง Email confirmation (อีเมลยืนยัน) เพื่อสื่อสารกับลูกค้าคนนั้น ๆ
- การใช้ Martech กลุ่ม Social marketing tool (เครื่องมือช่วยในการทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย) ในการหาไอเดียในการเขียน Content , วิเคราะห์ Facebook pages ต่าง ๆ
ที่มา Google
เครื่องมือ Marketing Technology ยอดนิยม
สำหรับเครื่องมือ Marketing Technology ยอดนิยม ผมขอแนะนำตามหมวดหมู่ที่เคยเขียนให้ฟังในบทความก่อนหน้า ดังนี้ครับ
Marketing Analytics, Performance Tracking & Attribution
1. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน การวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งข้อมูลเชิงพฤติกรรมของลูกค้า และ ข้อมูลของแคมเปญโฆษณา ได้แก่
1.1 Google Analytic เครื่องมือให้ใช้ฟรีของ Google ที่ช่วยเจ้าของเว็บไซต์ในการเก็บข้อมูลผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อที่จะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ปรับปรุงในส่วนงานต่าง ๆ
1.2 Bitly เครื่องมือในการใส่ UTM (พารามิเตอร์เก็บข้อมูลต้นทางของการเข้าชมเว็บไซต์) ต่อท้าย URL ของเราเพื่อการวัดผล และ ติดตามการคลิก หรือ Conversion ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาให้ได้อย่างแม่นยำ
2. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Social Media Analytics การวิเคราะห์ข้อมูลสื่อ Social ของเราทั้งด้านการมีส่วนร่วม (Engagement) และ อัตราส่วนผู้ใช้งานทั่วไป หรือ ผู้ที่มีการซื้อสินค้าจริง(Conversion)
2.1 Fanpage Karma เครื่องมือที่เน้นการติดตามและวัดผล Social Media ของคู่แข่ง (หรือที่เกื้อหนุนกัน)
โดยจะมีฟีเจอร์ที่สำคัญได้แก่
2.1.1 การติดตามวัดผล สถิติที่สำคัญของบัญชี Social media ที่ต้องการ
2.1.2 การดึงข้อมูลโพสต์ทั้งหมดมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของแต่ละโพสต์
การทำงานของ Fanpage Karma
ที่มา Fanpage Karma
3. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Competitor Analytics หรือ การวิเคราะห์ และ ติดตามคู่แข่งในช่องทางต่าง ๆ ได้แก่
3.1 Similarweb บริษัทให้บริการด้าน Web Analytic Service (บริการประมวลผล และ วิเคราะห์เว็บไซต์) จากประเทศอิสราเอล
3.2 Alexa Internet เว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลสถิติของแหล่งข้อมูลอื่นและจัดอันดับเว็บไซต์ที่คนนิยม ซึ่ง alexa เป็นธุรกิจในเครือของ amazon.com
ที่มา Alexa Internet
4. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Heatmap Visualization เครื่องมือตรวจจับพฤติกรรมลูกค้า และแปลงออกมาเป็นภาพ
4.1 Hotjar เครื่องมือที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ทั้งการเลื่อนเมาส์ การคลิกของผู้ใช้งานบนหน้าเว็บไซต์ของเรา แล้วบันทึกออกมาเป็นสี โดยบริเวณที่ผู้ใช้งานเลื่อนเมาส์ หรือคลิกเยอะ ๆ จะมีสีโทนร้อนเกิดขึ้น (Heatmap)
ที่มา Hotjar
Cloud/Data Integration Platform
เทคโนโลยีที่มีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และ นำมาใช้ร่วมกันกันระหว่างระบบ โดยสามารถแบ่งเป็นหมวดหมู่ย่อย ๆ ได้ดังนี้
1. supermetrics หลักการทำงานของเครื่องมือตัวนี้คือการ automate data (การทำให้ข้อมูลต่าง ๆ มีการจัดการ และ ทำงาน อย่างอัตโนมัติ) จากแพลตฟอร์ม, แอปพลิเคชัน และ เครื่องมือที่สำคัญ ๆ ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่
1.1 การดึงข้อมูลเข้าไปที่ Google Data Studio พร้อมทำ Report (มี Template จาก supermetrics ให้เลย)
1.2 การนำข้อมูลเข้าไปเก็บที่ Google Sheet เพื่อใช้ เครื่องมือ Data Visualization หา insight อื่น ๆ ในภายหลัง
ที่มา Supermetrics
- zapier เป็น Ipaas (Integration platform as a service หรือ การให้บริการระบบรวบรวมและใช้งานข้อมูลร่วมกันแบบสำเร็จรูป) ที่ค่อนข้างครอบคลุมการเชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มต่าง ๆ กว่า 1,500 แพลตฟอร์ม ซึ่งเหมาะสำหรับนักการตลาด ที่สามารถ Pilot campaign (ทดสอบแคมเปญ) ต่าง ๆ ได้รวดเร็ว ช่วยลดการทำงานของ IT และ Developer ลงในขั้นตอนแรก ๆ
Business/Customer Intelligence & Data Visualization Technologies
1. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Data Visualization & Dashboards กลุ่มนี้จะมีความสามารถดึง Dimension (มิติ) และ Measurement (การคำนวณ) ของข้อมูลออกมาเป็นภาพ
1.1 Google data studio จุดเด่นคือเชื่อมต่อกับ Data source (ทรัพยากรข้อมูล) ของ google เช่น Google analytic, Google Ad หรือแม้แต่ต่อกับ Data warehouse อย่าง Google Big Query ได้โดยง่าย และมี Dashboard Template มากมายพร้อมใช้
1.2 Tableau จัดว่าเป็นเครื่องมือที่สร้าง Visualization ประเภท Dashboard ได้ดี เพราะสามารถ Drill down (เจาะลึก) ข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ จุดเด่นคือ การมี User Interface (หน้าจอเว็บไซต์) ที่ใช้งานง่าย รองรับการทำงานตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนระดับสูง เชื่อมต่อกับ Excel และ Google Sheet เชื่อมต่อกับ MySql ตรง ๆ และสามารถเชื่อมต่อกับ ERP (Enterprise Resource Planning หรือ ซอฟต์แวร์วางแผนทรัพยากรองค์กรโดยรวม) ได้เช่น Sap HANA
ที่มา Tableau
Conversion Rate Optimization / Experimental / Personalization
เทคโนโลยีประเภทสร้างประสบการณ์ (User experience) ที่หลากหลายทั้ง การสื่อสารข้อความแบบ Dynamic การปรับ Interface , Layout ของ Front-end (หน้าบ้านของเว็บไซต์) ต่าง ๆ และ การนำเสนอสินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจ (Related Items) โดย Martech ที่โดดเด่นด้านนี้ได้แก่
1. Google Optimize เป็นเครื่องมือฟรีที่ Google เปิดให้ใช้ โดยจุดเด่นคือเราสามารถปรับปรุงหน้าตาเว็บไซต์เรา ไม่ว่าจะข้อความ รูปภาพ layout ต่าง ๆ ได้แบบ Real-time ผ่าน Google Chrome extension และเราสามารถใช้ตัวชี้วัด (Measurement) ของ Google Analytics ได้เลยอีกด้วย
ตัวอย่างการใช้งาน Google Optimize
ที่มา Google
2. Optimizely เป็นเครื่องมือทำการทดสอบ A/B testing หรือทดลอง Experimental Test ได้ทั้งพื้นฐาน และระดับสูง โดยจุดเด่นของ Optimizely คือการติดตั้งที่ง่าย แค่ติด JavaScript snippet (ตัวช่วยให้เขียน Code เดิม ๆ ได้เร็วขึ้น) และมี Visual Editor ในการปรับ Experiment (การทดลอง) ที่เราต้องการทดสอบแบบรวดเร็ว อีกทั้งรองรับการใช้ CDN Load Balancing (ตัวช่วยรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก) เพื่อให้ Experimental ที่เราต้องการทดสอบมีเวลาในการตอบสนอง (Response Time) ที่รวดเร็ว
Advertising Technology
เทคโนโลยีประเภทนี้ออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการโฆษณา (Advertising) เพื่อประโยชน์ทั้งด้านประสิทธิภาพแคมเปญ (Efficiency) ทั้งด้านการวัดผลที่แม่นยำ (Accuracy) ด้านการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่ม (Target) โดยอาจแบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ดังนี้
1. Social Media Advertising การโฆษณาผ่านช่องทาง Social โดยปัจจุบันนักการตลาดของไทยจะใช้ Ad Networks ที่เป็นแพล็ตฟอร์มของใครของมันเช่น
1.1 Facebook Business ที่หลาย ๆ คนก็มีการทำโฆษณาผ่าน Facebook อยู่แล้ว ซึ่งคงจะคุ้นเคยกับการเลือกกลุ่มเป้าหมาย (audience) กับการเลือกจุดประสงค์แคมเปญ (Campaign Objective) ก็ถือได้ว่า Facebook Business หรือ Facebook Advertising ก็จัดเป็น Adtech เจ้านึงที่มีแพลตฟอร์มการจัดการ Audience เป็นของตัวเอง รวมทั้ง Social network อื่น ๆ เช่น Google Marketing Platform (Google Ads), Linkedin, Twitter และ Tiktok เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้อเสียของการที่เราติดอยู่บนแพลตฟอร์มของใครของมัน ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องข้อมูลหลาย ๆ อย่าง ถ้าเป็นไปได้เราควรจะมีการรวบรวมและนำมาใช้ร่วมกันหรือมีการ Extract, Transform, Loader (ETL) เพื่อให้มีการนำข้อมูลมาเป็นในส่วนกลางเป็น Own Asset ของเราเองครับ
2. กลุ่ม Advertiser Campaign Management การบริหารแคมเปญโฆษณา เช่นการส่ง Lead ข้ามระบบ และ การนำข้อมูลลูกค้าใน CRM ไปเป็น Customer audience ในสื่ออื่น ๆ ได้แก่
2.1 Adespresso เป็น Tool ตัวนึงในเครือ Hootsuit ที่ช่วยให้เรา สร้างแคมเปญใน Adespresso และยิงออกไป Social media ต่าง ๆ ได้ทั้ง Google Ad, Facebook Ad และ Instagram
ที่มา Adespresso
3. กลุ่ม Data management platform (DMP) การที่ Data Providers (ผู้ให้บริการด้านข้อมูล) เปิดให้เรา โฆษณาถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ผ่านระบบ DMP โดยกลุ่มเป้าหมายที่เราเข้าถึงนั้นจะเป็น 3rd party data (ข้อมูลบุคคลที่สาม) จะเป็นข้อมูล Anonymous (ไม่ระบุตัวตน) หรือข้อมูลที่ระบุตัวตนลูกค้าไม่ได้เช่น Device ID, Cookie ID, หรือ Digital Behavior ได้แก่
3.1 Blukai เป็น DMP จาก Oracle ที่เน้นตลาดระดับโลก (Global) เนื่องจากมีการเชื่อมต่อกับ Data Brokers (กลุ่มบริษัทที่รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แล้วนำมาขายในตลาด) หลากหลายสำนัก
ที่มา Oracle
Visitor Identification Software
เทคโนโลยีที่ช่วยยืนยันตัวตนของ Website Visitor (ผู้เข้าชมเว็บไซต์) เบื้องต้น เช่นการนำ IP address ไปแปลงเป็นเมือง และ ประเทศ หรือ นำ IP address นั้น ๆ ไป enrich (เพิ่มคุณภาพ) ได้ว่าผู้ใช้ที่เข้ามาเว็บไซต์ของเรามาจากบริษัท หรือ สถาบันการศึกษาไหน เป็นต้น
ตัวอย่าง
Leadfeeder เครื่องมือที่ระบุตัวตนของผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราได้ ว่ามาจากหน่วยงานบริษัทหรือองค์กรอะไร
ที่มา Leadfeeder
Affiliate Marketing & Management
เทคโนโลยีที่ช่วยการทำการตลาดแบบช่วยขาย โดยที่เจ้าของสินค้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ช่วยขายตาม performance ที่ได้ เช่น ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้า
ตัวอย่างเครื่องมือที่โดดเด่นด้านนี้ได้แก่ Cake เครื่องมือที่โดดเด่นด้าน Affiliate Marketing Program มีระบบการชำระค่าใช้จ่ายและระบบป้องกัน Fraud (การปลอมแปลงยอดที่ทำได้) รองรับการ Scale (การขยายความสามารถในการรองรับจำนวนผู้ใช้งาน หรือ Traffic) เนื่องจากบน cloud จะมีโครงสร้างที่ Scale ได้ง่าย
ที่มา Cake
Content Marketing Tools
แบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ดังนี้
1. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Form Builder เครื่องมือช่วยสร้างฟอร์มต่างๆ ทั้งแบบสอบถาม (Questionnaire) แบบสำรวจ (Online Survey) ได้แก่
1.1 Surveymonkey คือ เครื่องมือที่โดดเด่นและได้รับความนิยมมาก มีความสามารถในการสร้างแบบสอบถาม (Survey) และมีชุดคำถามสำเร็จรูปให้เลือกใช้ (Survey Template) และมี Free package ให้ใช้ฟรี
ที่มา Surveymonkey
2. Content Research Tool เครื่องมือ Research หาไอเดียและหัวข้อการเขียนคอนเทนต์ใหม่ ๆ ทั้งการหาจากเทรนด์ และการหาจากคู่แข่งในธุรกิจคล้ายคลึงกัน
2.1 Google Trends เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับคนทำ Content โดยเฉพาะคนที่เน้น Real-time Content Marketing โดยเราสามารถกรอก Keyword ที่ต้องการเพื่อดู Search Trend (เทรนด์การค้นหา) โดยเราจะเห็นปริมาณการใช้คำนั้น ๆ ค้นหาข้อมูล, เห็นคำที่เกี่ยวข้อง และแยกความสนใจตามจังหวัดได้เลย
2.2 Buzzsumo มีฟีเจอร์หนึ่งที่มีประโยชน์คือ Content analyzer ที่เราสามารถระบุคำค้นหาไป (ตัวอย่างคือคำว่า รถมือสอง) จากนั้นระบบจะกวาด content ที่เกี่ยวข้องกับคำนี้มาให้ทั้งหมด นอกจากนี้ Buzzsumo ยังบอกว่า content เหล่านั้น (บางส่วนอาจเป็นคู่แข่งของเรา) มี Engagement (การมีส่วนร่วม) ในแต่ละ Social media อย่างไรบ้าง และเราสามารถจัดเรียง Content เหล่านั้น ตามลำดับ Engagement ต่าง ๆ
📢📢 หลักสูตรใหม่ Data-Driven Content Strategy หลักสูตรสำหรับการวางกลยุทธ์คอนเทนต์ที่มี “Data” เป็นตัวขับเคลื่อน โดยหลักสูตรนี้จะมีทั้งภาพรวมการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการทำคอนเทนต์ และเวิร์คชอปการใช้เครื่องมือ Martech ที่จะเป็นอีกอาวุธลับของคุณ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
SEO marketing tool
เทคโนโลยีกลุ่มนี้แบ่งแยกย่อยได้เยอะมาก นั่นคือ
1. กลุ่ม Website Audit และ Health check เครื่องมือที่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ SEO ในเว็บไซต์ในด้านต่าง ๆ เช่น ตรวจสอบความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ และ ตรวจสอบการใส่ Meta tag (Metadata Elements หรือ ข้อความ/Code ที่อธิบายว่าหน้านั้น ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร) ต่าง ๆ เป็นต้น
1.1 gtmetrix ระบบจะแสกน URL ที่ต้องการและแสดงผลลัพธ์ให้เห็นขั้นตอนในการโหลดเว็บไซต์ และสิ่งต่าง ๆ ที่สร้างปัญหา เช่นความช้าในการโหลดไฟล์รหัส Java Script ต่าง ๆ และ ปัญหาการดาวน์โหลด Webfont (ตัวช่วยที่ทำให้เราสามารถกำหนดรูปแบบการแสดงผลตัวอักษรเว็บไซต์) เป็นต้น
ที่มา GTmetrix
2. กลุ่ม Google indexation และ XML sitemap เครื่องมือที่มีหน้าที่ตรวจสอบการถูก Index ใน google (การเข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์เพื่อนำไปแสดงผลบน Search Engine) และ การจัดความสำคัญของ Sitemap (แผนผังเว็บไซต์) ได้แก่
2.1 Google Search Console เป็นเครื่องมือสำคัญที่เจ้าของเว็บไซต์ทุกคนต้องยืนยันตัวตนเว็บไซต์ของเรากับระบบนี้ เพื่อให้ Google นำเว็บไซต์ของเราไป index และผู้ใช้งานทั่วไปสามารถค้นหาเว็บไซต์ของเราเจอบน Google.com
ที่มา Google
3. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Keyword Analysis เครื่องมือที่มีหน้าที่สังเกตการณ์และวัดผล Keyword ที่สำคัญ ๆ ทั้งอันดับ (Ranking), จำนวนการคลิก และ จำนวน Impression (การถูกมองเห็น) เป็นต้น
3.1 Neilpatel Position Tracking เครื่องมือที่ช่วยในการติดตามอันดับ Keyword ที่เราให้ความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสินค้าหรือบริการของเรา
3.2 Ahrefs เป็นเครื่องมือที่เน้นด้านติดตามอันดับ Keyword (SERP Rank Tracking) ที่มีความสามารถสูงมาก แต่ค่าบริการรายเดือนค่อนข้างสูง เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีปริมาณการเข้าเยี่ยมชมสูง ๆ หรือ เว็บไซต์ที่เน้นการแข่งขันด้าน SEO
4. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Off-page / Backlink เครื่องมือที่มีหน้าที่ตรวจจับ Backlink จาก website อื่น ๆ ที่ลิงก์กลับมาหาเราได้แก่
Social Media Marketing
เครื่องมือที่ช่วยในการทำการตลาดผ่าน Social Media ซึ่งสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยได้ดังนี้
1. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Social media channels management
เครื่องมือที่ช่วยให้เราบริหารจัดการ channel (ช่องทาง) ของเราได้ง่ายขึ้น ทั้งการวาง Content Schedule, การบริหาร Workload ของทีมคอนเทนต์ และ การบริหารข้อมูลลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาทางกล่องข้อความ
1.1 Hootsuite รองรับการจัดการ Social Media ยอดนิยม เช่น Facebook, Linkedin, Twitter และ Instagram
1.2 Zoho social เป็นเครื่องมืออีกตัวที่มีแพ็กเกจฟรีให้ใช้งาน เหมาะสำหรับ SEM หรือหน่วยงานขนาดเล็กที่มีบัญชี Official ไม่กี่ตัวครับ
2. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Social campaign Management
เครื่องมือที่ช่วยให้เราสร้างแคมเปญประเภท Hashtag Campaign (แคมเปญการตลาดที่มีการใช้ Hashtag) และ Mention Campaign (แคมเปญการตลาดที่มีการกล่าวถึงแบรนด์) ได้ง่ายขึ้น สามารถติดตาม วัดผล และ จัดการ Feed ต่าง ๆ ทั้งจาก Twitter Hashtag และ Instagram Hashtag ได้
2.1 Juicer.io สามารถสร้าง Hashtag Campaign ได้โดยง่าย รองรับการ Feed ข้อมูลจาก Social Media ชั้นนำได้แก่ Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Pinterest, Linkedin และ อีกมากมาย
2.2 Hashtagify ตัวนี้เหมาะสำหรับค้นหา Hashtag ที่น่าสนใจในการทำแคมเปญ, การติดตามประสิทธิภาพของ Hashtag และ การหา Micro-Influencer ที่โดดเด่นในแต่ละ Hashtag
ที่มา Hashtagify
3. กลุ่มที่โดดเด่นด้าน Social media monitoring & listening
เครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึง Sentiment (ความคิดเห็นของผู้บริโภค) ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน Social Media เพื่อแบรนด์จะเข้าไปจัดการกับ Crisis (ภาวะวิกฤต) และ เก็บ Insight ที่ได้มาพัฒนาสินค้าและบริการในอนาคต หรือการสร้าง Engagement (การมีส่วนร่วม) กับลูกค้าเก่า ๆ ได้
3.1 Warroom เป็น Social Listening และ Monitoring ของไทยจากบริษัท WISESIGHT ที่โดดเด่นในการติดตาม (Monitor) Negative Sentiment (ความคิดเห็นแง่ลบ) เพื่อที่เราจะได้เข้าไปจัดการปัญหาก่อนเกิด Crisis โดยเครื่องมือนี้โดดเด่นด้านความสามารถในการส่ง Case ไปหา Agent แต่ละคนได้ และสามารถเลือกให้ส่งข้อความแจ้งเตือนเมื่อเจอ Negative Sentiment ได้เลย
3.2 Salesforce Social Studio เป็นแพลตฟอร์มย่อย ๆ ตัวหนึ่งของ Salesforce Marketing Cloud สำหรับ UI (User Interface) หลัก ๆ ของ Social Studio จะประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ Publish, Engage และ Analyze ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่เป็น Global ครับ
ที่มา Salesforce
สำหรับตอนต่อไป (EP.3) ผมจะนำฟีเจอร์ของ Marketing Automation และ Marketing Cloud Suites จากบริษัทชั้นนำของโลก และ ตัวอย่าง Martech Stack ที่น่าสนใจมาให้ดูครับ
ผู้เขียน : คุณ จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์
ตำแหน่ง : ฝ่ายดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Marketing Tech Thailand
เรียบเรียง : STEPS Academy