Search Engine Optimization (SEO) เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ที่ทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ และเว็บไซต์ของเราได้ดีขึ้น ด้วยการใช้เทคนิคทางการตลาดมาผสมผสานในหลาย ๆ ทางเพื่อให้เว็บไซต์ของเราอยู่ในหน้าแรกของ Google หรืออาจอยู่ในอันดับ 0 ** หากคอนเทนต์นั้น ๆ สามารถตอบโจทย์ในการค้นหาได้
** คอนเทนต์ที่ติดอันดับ 0 คือคอนเทนต์ที่ระบบอัลกอริทึมของ Google ได้วิเคราะห์แล้วว่ามี Keyword และคำตอบที่ผู้ค้นหาต้องการ ทำให้ผู้ใช้งานได้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องคลิก โดยจะอยู่บนอันดับแรกของการค้นหาโดยมีหัวข้อเล็ก ๆ ที่เขียนว่า Featured Snippets เป็นตัวบอกผู้อ่านว่า คอนเทนต์ตัวนี้สามารถตอบคำถามผู้อ่านได้
การทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องมีการพัฒนาเว็บไซต์ อัปเดตให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าคอนเทนต์บางตัวของเรา จะอยู่ในอันดับหนึ่งของการค้นหาในวันนี้ แต่ในอีก 3-6 เดือนต่อไปในอนาคต อาจจะหล่นไปเป็นอันดับ 5 หรืออาจจะตกไปอยู่ในหน้าการค้นหาหน้าถัดไปก็ได้
หากผู้อ่านถามว่า แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันล่ะ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไปปรับแก้หน้าเว็บไซต์ไปแล้ว แก้ไข Keyword ก็แล้ว หรือแม้กระทั่งทำวิดีโอใส่เข้าไป คำตอบก็คือ ระบบอัลกอริทึมของ Google มีการพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ที่ใช้งานสามารถเจอคอนเทนต์ที่ต้องการภายในครั้งเดียว และ ยังคงมีการอัปเดตความสามารถในการวิเคราะห์ต่อไปเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ยังมีสถิติจาก oberlo ในปี 2020 ได้รายงานว่า ในแต่ละวันมีผู้ค้นหาผ่าน Google มากถึง 3.5 พันล้านครั้งต่อวัน ซึ่ง 84% ของผู้ใช้งานมักใช้ช่องทางการค้นหาเพื่อหาคำตอบที่ต้องการมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
ดังนั้นหากไม่อยากให้เว็บไซต์ของเรากลายเป็นตัวเลือกสำรอง หรือคนอ่านจะต้องเลื่อนหาคอนเทนต์ในหน้า 3, 4, 5 หรือว่าอาจจะหาไม่เจอเลยใน 10 หน้าแรก คุณจะต้องหมั่นอัปเดตเทรนด์การทำ SEO และทำความเข้าใจกับเครื่องมือที่จำเป็นในการทำการตลาดของคุณ เพื่อให้แบรนด์ของคุณรู้ทิศทางในการทำการตลาดในอนาคตนั่นเอง
ดังนี้ เราไปดู 10 เทรนด์การทำ SEO ในปี 2021 เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพคอนเทนต์ และทำให้เว็บไซต์ของเราเข้าถึงผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพกันค่ะ
1. Core Web Vitals จะเป็นตัวชี้วัดการจัดลำดับเว็บไซต์ใน Google
Core Web Vitals เป็นเครื่องมือที่ Google จะใช้เป็นตัววัดผลเกี่ยวกับ UX หรือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ โดยจะมีระบบที่ชื่อว่า Page Experience เป็นตัวประเมินความพอใจของผู้ใช้งาน โดย Core Web Virals ประกอบไปด้วยการวัดผลจากประสบการณ์ของผู้ใช้ 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1 Loading คุณภาพในการดาวน์โหลดเว็บ
2 Interactivity เวลาที่เว็บไซต์ตอบสนองผู้ใช้งาน
3 Visual Stability ความคงที่ของภาพ
ทั้ง 3 สิ่งนี้มีผลต่อการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์ที่ทำให้ Google เลือกเว็บของคุณขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ในการค้นหาซึ่งนอกจากนี้ตัว Page Experience จะคำนึงถึง
4 การคำนึงถึงคุณภาพของเว็บไซต์เมื่อแสดงผลบนมือถือ
5 ความปลอดภัยในการเข้าเว็บ
6 การเรียกหน้าหน้าเว็บไซต์ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
7 การที่หน้าเว็บไซต์ไม่มีสิ่งกวนใจใผู้อ่าน
2. ระบบอัลกอริทึม BERT สามารถเข้าใจบริบทการค้นหาได้ดีกว่าเดิม
Google’s BERT Algorithm (Bidirectional Encoder Representations from Transformers) เป็นการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ทั้ง Machine Learning และ Natural language Processing เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของภาษาของมนุษย์ ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจภาษามนุษย์ได้ดีขึ้น และ สามารถค้นหา Keyowrd ได้ตรงกังกับความต้องการของผู้ใช้งานบน Google โดยในปัจจุบัน BERT สามารถวิเคราะห์ภาษาได้ถึง 70 ภาษาทั่วโลก
3. การใช้ Keyword ยอดนิยม
เว็บไซต์ seoexpert รายงานว่ากว่า 50% ของการค้นหาบน Google เป็น Zero-Click Searches ซึ่งหมายความว่าเมื่อผู้ค้นหาเจอกับคำตอบที่ต้องการผ่านหน้า SERP แล้ว ตัวคอนเทนต์ หรือ Keyword ที่เป็นคำตอบจะปรากฏบน Featured Snippets หรือบทความแรกที่อยู่ใต้ Search Bar เลยทันที ทำให้ผู้ที่ต้องการค้นหารายละเอียดแบบเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องคลิกลิงก์ใด ๆ เพื่อหาคำตอบอีก
วิธีการทำ SEO ให้ติดอันดับบน Featured Snippets
- ใช้ Keyword ประเภท Long-Tail Keyword หรือคำศัพท์ที่มาเป็นวลี และประโยค ที่มีความเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ของเรา หรือสินค้าของแบรนด์ ถึงแม้ว่า Keyword แบบสั้น ๆ อาจได้ Search Volume ก็จริง แต่การใช้ Keyword ที่ยาวกว่า จะทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการสินค้า และ คำตอบแบบตรงจุดจากคอนเทนต์เราได้ไวกว่า
เช่น หากเราขายอาหารกล่อง ประเภทอาหารคลีน ซึ่งจากเดิม เราอาจจะใส่ Keyword แค่ว่า
อาหารคลีน เราอาจจะเพิ่ม Keyword เข้าไปว่า
อาหารคลีน + บริการส่งฟรี + กรุงเทพ + ราคาพิเศษ เป็นต้น
- การใช้เครื่องมือในการค้นหา Keyword ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
เช่น Keyword Planner
4. การสร้างคอนเทนต์ที่เป็นออริจินัล
ลองนึกภาพดูว่า เวลาที่เราทำการตลาดเพื่อนำเสนอสินค้าจากแบรนด์เรา แน่นอนว่า ของ ๆ เราคงไม่ได้เป็นสินค้าที่ผลิตออกมาเพียงเจ้าเดียวและไม่มีคู่แข่งทางการตลาดเลย แต่ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการจากทางร้านของเรา อาจจะเป็นดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และบริการที่น่าประทับใจทำให้ใคร ๆ ก็ต้องกลับมาใช้บริการซ้ำ
สิ่งเหล่านี้ คือสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า และ บริการของแบรนด์เรา ซึ่งการทำคอนเทนต์ให้เป็นแบบออริจินัล จะเป็นการสร้างเนื้อหาต้นฉบับ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และไม่มีใครเหมือน ทำให้คอนเทนต์นั้นกลายเป็นอันดับหนึ่งบนหน้าผลการค้นหา ได้เช่นเดียวกับการทำสินค้าให้แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง
5.การพัฒนาคำสั่งเสียง หรือ Voice Search
27% ของคนทั่วโลก หันมาใช้ Voice Search มากขึ้นในปี 2020 และนอกจากนี้ ผลรายงานจาก ComScore ยังเผยอีกว่า 50 % ของผู้ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน ใช้คำสั่งเสียงเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการเพิ่มขึ้น
เทคนิคการทำ Voice Search ให้ได้ผลสามารถทำได้ด้วยการวิเคราะห์ Long-tail Keyword เพื่อตอบโจทย์การค้นหา อย่าลืมว่า Voice Search จะมีความแตกต่างกับการค้นหาบน Google แบบการพิมพ์ตรงที่ว่า เรามักจะใช้ภาษาแบบประโยคยาว ๆ ให้ในการถามคำถามเลย
ดังนั้น การคำนึงถึงการใช้ Long-Tail Keyword จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานคำสั่งเสียงได้มากกว่า Keyword แบบสั้น ๆ
6. พัฒนาวิธีการถอดรหัสอัลกอริทึมด้วย Artificial intelligence
ระบบ AI พัฒนาวิธีการถอดรหัส ให้ผลการค้นหาจาก Keyword, Voice Search และคอนเทนต์เป็นแบบ Personalization หรือแบบ เฉพาะบุคคล ได้ดีขึ้น
7. การตลาดที่เน้นคอนเทนต์วิดีโอ
หลาย ๆ คนที่ใช้ Google ในการค้นหาจะต้องเคยเห็นผลการค้นหาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ ข่าว รูปภาพ แผนที่ และวิดีโอ ซึ่งการทำ SEO กับคอนเทนต์วิดีโอ ช่วยให้ 6 % ของนักการตลาด B2B และ B2C สร้าง Lead Generation ได้เพิ่มขึ้น
8. Featured Snippets จะตอบโจทย์การค้นหามากขึ้น
Featured Snippets จะเป็นคอนเทนต์ที่ติดอันดับ 0 โดยจะอยู่บนอันดับแรกของการค้นหาโดยมีหัวข้อเล็ก ๆ ที่เขียนว่า Featured Snippets เป็นตัวบอกผู้อ่านว่า คอนเทนต์ตัวนี้สามารถตอบคำถามผู้อ่านได้
ระบบอัลกอริทึมของ Google จะเป็นผู้เลือกจากการวิเคราะห์ Keyword และองค์ประกอบต่าง ๆ ว่าคำตอบที่ผู้ค้นหาต้องการ มีอยู่ในคอนเทนต์จากเว็บไซต์ใดบ้าง เพื่อนำมานำเสนอเป็นคอนเทนต์อันดับแรก ทำให้ผู้ใช้งานได้คำตอบทันทีโดยไม่ต้องคลิก จะช่วยตอบคำถามที่ผู้ค้นหาต้องการได้เร็วขึ้น และ เมื่อคอนเทนต์ได้ติดอันดับ 0 เมื่อไหร่ ก็จะทำให้ค่า CTR เพิ่มขึ้น
9. Influencer Marketing ต้องโฟกัสที่ SEO ด้วย
การทำการตลาดผ่าน Influencer ควรคำนึงถึงวิธีการทำ SEO ด้วยกลุยทธ์ต่าง ๆ ดังนี้
- การสร้าง Traffic ในช่องทางโซเชียลมีเดีย
- การทำ Backlinks เพื่อโปรโมตแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ของผู้รีวิว
- การสร้าง Engagement ด้วยคอนเทนต์ที่สามารถเป็นไวรัลได้
10. คำนึงถึงความสำคัญของ E-A-T
เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ และ น่าเชื่อถือ ประกอบด้วย 3 สิ่งนี้ที่เรียกว่า E-A-T ค่ะ
E: Expertise ความเชียวชาญในคอนเทนต์ที่เขียน
A: Authoritativeness อำนาจที่แสดงความเป็นเจ้าของคอนเทนต์
T: Trustworthiness ความน่าเชื่อถือของคอนเทนต์
การใช้หลัก E-A-T ในการทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลา เพื่อพัฒนาลำดับให้สูงขึ้น เนื่องจากการสร้างแบรนด์ให้น่าเชื่อถือแก่ผู้อ่านหรือลูกค้า จำเป็นจะต้องสร้าง Engagement เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์แบบธรรมชาติ ผู้เขียนบทความจึงควรอัพเดตในสิ่งที่ Google กำลังให้ความสนใจอย่างสม่ำเสมอและพัฒนาการเขียนของตนเองอยู่ตลอด
นอกจากนี้ ผู้เขียนจะต้องตระหนักถึงความถูกต้องของข้อมูลที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้อ่าน เนื่องจาก การเขียนบทความโดยไม่มีแหล่งที่มาที่ชัดเจน หรือการให้คำแนะนำที่ทำให้เกิดผลกระทบในชีวิตประจำวันของผู้อ่าน จะทำให้บทความขาดความน่าเชื่อถือ
ที่มา
wordstream