จบกันไปกับการสนทนาใน Clubhouse กับหัวข้อ Digital Leadership กับคุณเอมมี่และแขกรับเชิญพิเศษที่มาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ฟังในห้องแชท ซึ่ง STEPS ACADEMY จะขอสรุปเนื้อหาสาระสำคัญมาให้ทุกคนได้อ่านกัน เพื่อให้ทุกท่าน สามารถนำไปปรับใช้ภายในทีม และองค์กร อีกทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ในการทำงานให้มีคุณภาพในยุคนี้กันค่ะ
สำหรับการสนทนาในหัวข้อ Digital Leadership ได้สรุป 5 สิ่งสำคัญของภาวะความเป็นผู้นำเอาไว้ด้วยกัน ได้แก่
1 Digital Leadership Skills
เราควรสร้างความเข้าใจก่อนว่า Leader กับ Leadership มีความแตกต่างกัน ซึ่ง Leader จะหมายความว่า หัวหน้า หรือผู้นำ แต่ Leadership คือ การมีความคิดและทักษะที่จะนำพาองค์กร และบุคคลในทีมไปยังเป้าหมาย และ ทำธุรกิจให้อยู่รอดได้ในยุคดิจิทัลโดยที่คุณสามารถปรับตัวและเรียนรู้ได้ ไม่อยู่ในกรอบเดิม ๆ และ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
อีกทั้ง Digital Leadership จะต้องมีทักษะในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นใครในองค์กร ภาวะผู้นำจะนำคุณไปสู่ โอกาสในการเป็นผู้นำในอนาคต
2 การสร้าง Mindset
วัฒนธรรมองค์กร มีส่วนสำคัญในการสร้างภาวะผู้นำที่ดี ซึ่งนอกจากที่องค์กรจะต้องคำนึงถึงการปรับองค์กรให้เข้ากับโลกดิจิทัล และธุรกิจ E-Commerce แล้ว การสร้าง Mindset ที่ดี และการมีทักษะภาวะความผู้นำในยุคดิจิตอล จะช่วยให้องค์กรเดินหน้าได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งคุณควรคำนึงถึง สิ่งเหล่านี้
2.1) 3A Digital Leadership Skills
- Appeal = แรงดึงดูด
Leader ในยุคดิจิทัล ควรมี Charisma (แรงดึงดูด) เพื่อดึงความสามารถ และทักษะของคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำงานกับองค์กร ซึ่งแรงดึงดูดนี้รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของบริษัทด้วย
- Agility = ความคล่องตัว
คนรุ่นใหม่ต้องใช้ทักษะ ที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานของทีม และทรัพยากรต่างๆ ในองค์กร ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ เช่น การปรับตัว และแผนงานให้รองรับกับสถานการณ์ สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น
- Action = ลงมือทำ
ภาวะความเป็นผู้นำในยุคดิจทัล เน้นไปที่การลงมือปฏิบัติ เพื่อเรียนรู้ และพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว (Fail Fast & Fail Forward)
2.2) สร้าง Growth Mindset
ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่มี Fixed Mindset จะมีผลลัพธ์การทำงานต่างกับคนที่มี Growth Mindset อย่างสิ้นเชิง
แนวคิดแบบ Fixed Mindset จะเป็นกรอบความคิดแบบปิดตาย และอาจมีลักษณะ Perfectionist รวมอยู่ด้วย ซึ่งหมายความว่า คนกลุ่มนี้จะไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด และถ้าความผิดพลาดเกิดขึ้นจริงจะรู้สึกผิด และล้มเหลวมาก จึงทำให้เกิดการปิดกั้นที่จะลองอะไรใหม่ ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาด
ในขณะเดียวกัน แนวคิดแบบ Growth Mindset จะเป็นแนวคิดแบบเปิดกว้าง กล้าลองทำอะไรใหม่ ๆ แต่ก็พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า หากเกิดความผิดพลาดเพื่อพยายามหาวิธีการที่จะพัฒนาต่อไป ในส่วนนี้คนที่ต้องการพัฒนาความเป็นผู้นำ จะต้องฝึกให้ตัวเองมีแนวคิดแบบ Growth Mindset เพื่อให้ตัวคุณเองสามารถเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และความกล้าที่จะค้นหาไอเดียใหม่ ๆ
3 เรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจผู้อื่น
การเป็นผู้นำยุคดิจิตัลจะต้องมีความเข้าใจ รู้สึกเห็นใจผู้อื่น และรู้จักมองมองมุมของคนอื่นมากขึ้น ซึ่งการรับฟังเพื่อนร่วมงานภายในทีมแบบเปิดใจ และจริงใจ จะทำให้ทีมสามารถปรับความเข้าใจ และทัศนคติให้เป็นไปในทางเดียวกันได้ และยังช่วยแนะนำหนทางการแก้ไขปัญหาได้ถูกจุด แล้วองค์กรจะเติบโตไปได้เร็ว
4 Communication
การสื่อสารที่ไปในทิศทางเดียวกันจะทำให้คุณกลายเป็นผู้นำที่มี “ภาวะความเป็นผู้นำที่ดี”ในยุคดิจิตัล ซึ่งการสื่อสารไม่ใช่เพียงแค่พูดเก่งอย่างเดียว แต่จะต้องรับฟังคนในทีม เพื่อสร้างความเข้าใจไปในทางเดียวกัน
นอกจากนี้ การมี Coaching Skill หรือการแนะนำ การส่งเสริมคอยให้กำลังใจทีมมากกว่าการออกคำสั่ง ที่ทำให้เกิดความกดดัน จะทำให้ ผู้ตาม หรือทีมของคุณได้เรียนรู้การตอบคำถามด้วยตัวเอง และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเอง (Self-Learning) ให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้
5 Well-being
คุณ ฟ้าใสจาก เพจ fitjunction ได้เผยว่า บางคนอาจมองข้ามการดูแลสุขภาพร่างกายไป โดยใส่ใจแค่เพียงการพัฒนาทักษะ และปรับเปลี่ยนทัศนคติ แต่ความจริงแล้ว การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และรักษาร่างกายให้แข็งแรง มีส่วนอย่างมากที่จะทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข
ยิ่งถ้าร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี ร่างกายจะนำจิตใจให้ Active ไม่เหนื่อยล้า นากจากนี้ การออกกำลังกายจะช่วยสร้างความคิดแห่งความเป็นไปได้ให้กับการกระทำอย่างอื่นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น หากเราสามารถเอาชนะความขี้เกียจออกกำลังกายของตัวเองได้ เราจะเริ่มมี “Can Do Attitude” กับอย่างอื่นด้วยค่ะ