ในแต่ละเดือน มีผู้ใช้งานบน Facebook เข้ามาดูวิดีโอต่าง ๆ บนแพลตฟอร์ม เป็นจำนวนกว่าหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบล้านคน รวมทั้งการเข้ามาชมไลฟ์สด ( Streaming Live ) เพื่อขายสินค้า และร่วมพูดคุยกันแบบสบาย ๆ นอกจากที่ผู้ประกอบการ และนักการตลาดทั้งหลาย สามารถนำเสนอตัวตนของแบรนด์ สร้างสรรค์ไอเดียในการนำเสนอสินค้า และเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่ตามมาคือการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการทำคอนเทนต์วิดีโอ นั่นเอง
ในปี 2021 นี้ ผู้เขียนบอกเลยว่าวิดีโอยังคงเป็นรูปแบบคอนเทนต์ที่มาแรง และมีประสิทธิภาพในการทำโฆษณา เหมาะสำหรับแบรนด์ทุกขนาด รวมทั้งแบรนด์เล็ก ๆ เจ้าใหม่ ๆ ที่กำลังเปิดตัวด้วย ดังนั้น เราไปดู 5 เคล็ดลับการสร้างวิดีโอโฆษณาบน Facebook กันว่ามีวิธีการไหนบ้างที่จำช่วยให้แบรนด์ของเราสามารถเพิ่มผล Conversion Rate ได้ดีขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้จริง พร้อมทั้งตัวอย่าง Case Study จากแบรนด์ดัง ที่ประสบความสำเร็จจากการทำโฆษณาวิดีโอกันค่ะ
Facebook Video Ads คืออะไร
Facebook Video Ads หรือ การสร้างวิดีโอโฆษณาบน Facebook เป็นหนึ่งในรูปแบบโฆษณา ที่ผู้ใช้งานบน Facebook จะเห็นบนหน้า Feed ของตัวเอง ซึ่งแต่ละคนนั้นจะเห็นรูปแบบโฆษณาที่ต่างกันออกไป ซึ่งในแง่ของการทำการตลาดออนไลน์ การสร้าง Ad ในรูปแบบของวิดีโอ ถือว่าได้ผลตอบรับดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับคอนเทนต์ที่เพียงแค่ตัวอักษร เนื่องจากวิดีโอสามารถสื่อสารผ่านภาพเคลื่อนไหว เสียง และการรับรู้แบรนด์ได้แบบเต็มรูปแบบ อีกทั้ง การเลือกแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ก็มีส่วนช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น อย่างในประเทศไทย (และหลาย ๆ ประเทศ) ก็นิยมใช้ Facebook ในการสื่อสาร อัปเดตข่าว รวมทั้งชอปปิงสินค้าออนไลน์กัน ดังนั้น การทำวิดีโอโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้จึงเป็นสื่งที่ผู้ประกอบการทั้งหลายไม่ทิ้งโอกาสในการโปรโมตแคมเปญ และสร้างความแตกต่างจากแบรนด์คู่แข่ง
โดยปกติแล้ว ผู้ใช้งานบน Facebook มักจะคุ้นชินกับ In-Feed Video Ads (วิดีโอโฆษณาที่อยู่บนหน้า Feed ) กันมาสักระยะหนึ่งแล้ว เมื่อเวลาที่เราเลื่อนดูหน้าฟีดต่าง ๆ สิ่งที่มักจะแทรกอยู่ระหว่างคอนเทนต์ ก็มักเป็นโฆษณาเหล่านี้ แถมมีหน้าตาเป็นเหมือนกับโพสต์แบบ Organic ทั่วไปอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามวิดีโอโฆษณาเหล่านี้ ก็อาจจะไปอยู่ตามจุดต่าง ๆ บนหน้าจอ ที่ไม่ใช่หน้าฟีดด้วยเช่นกัน
ประเภทวิดีโอโฆษณาที่ปรากฏบน Facebook
In-Stream video ads
เป็นโฆษณาที่มักปรากฏบนหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยมีลักษณะเป็น Ads ขั้นระหว่างวิดีโอต่าง ๆ มีความยาว 60 วินาที ซึ่ง 15 วินาทีแรกนั้น ผู้ใช้งานไม่สามารถกดข้ามได้ แต่หลังจากวินาทีที่ 15 ไปแล้วผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่า จะดูโฆษณาต่อจนจบ หรือ กดข้ามเพื่อกลับไปดูวิดีโอที่เรากำลังรับชมก่อนหน้านี้
Facebook Marketplace video ads
เป็นโฆษณาที่ปรากฏอยู่บนฟีด เมื่อผู้ใช้งานเข้าไปที่หน้าแพลตฟอร์ม Facebook Marketplace.
Facebook Stories ads
เป็นโฆษณาแบบเต็มหน้าจอ มีลักษณะเป็นแนวตั้ง โดยจะปรากฏขึ้นมาระหว่างที่เราดู Stories ปละมีความยาวประมาณ 15 วินาที แต่หากโฆษณามีความยาวกว่านั้นก็จะเป็นการเล่นต่อเนื่องไปยังอีกหน้า Card ของ Stories ตัวนั้น ๆ
หากโฆษณาตัวนั้นมีความยาวเป็นนาที (แน่นอนว่าต้องมี Card มากกว่า 4 Stories) ผู้ใช้งานสามารถกดข้ามได้เมื่อดูโฆษณาไปแล้ว 3 Stories ค่ะ
Facebook Video Feed ads
โฆษณาตัวนี้จะอยู่บนหน้าฟีด ของ Facebook Video Feed เมื่อเราเลื่อนดูวิดีโอไปเรื่อย ๆ โฆษณาตัวนี้ก็จะปรากฏแทรกขึ้นมาระหว่างวิดีโอแบบ Organic
ส่วนประกอบของ Facebook Video Ad
เรามาดูตัวอย่างจาก Video Ad จากแบรนด์ Vyond กันค่ะ ในภาพด้านล่างนี้จะมี 5 สิ่งที่เราต้องโฟกัสได้แก่
- Account link
ชื่อแบรนด์ของเรา ที่ผู้ใช้งาน Facebook สามารถคลิกเพื่อลิงก์ไปยังหน้าเพจของเราได้ โดยเราจะสามารถแยกระหว่างวิดีโอทั่วไป กับวิดีโอโฆษณาได้ เมื่อเห็นคำว่า Sponsor ใต้ชื่อแบรนด์
- Primary text
คือแคปชัน หรือ Copywriting ที่แบรนด์จะต้องเขียนเพื่อโปรโมตสินค้า และ บริการ มีความยาวไม่เกิน 125 ตัวอักษร หรือถ้าแคปชันเรายาวกว่านั้น ผู้อ่านสามารถคลิกคำว่า “read more” เพื่ออ่านรายละเอียดทั้งหมด
- Video view
ในส่วนนี้จะเป็น Display ที่แสดงผลวิดีโอ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าวิดีโอจะเริ่มเล่นอัตโนมัติ เปิดเสียงเพื่อเล่นอัตโนมัติ หรืออาจจะแค่แสดงรูปภาพ และกด Play เพื่อเริ่มเล่น
- Headline
ในส่วนหัวข้อโฆษณา จะอยู่ส่วนล่างของวิดีโอ ข้อความต้องไม่เกิน 40 ตัวอักษร หากหัวข้อยาวเกินไปผู้อ่านจะมองไม่เห็นและตกหล่นได้ในบรรทัดนั้น
- ปุ่ม Call-to-action
Call-to-Action คือปุ่มที่ผู้อ่านสามารถคลิกเข้าไปเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือซื้อสินค้า หรืออื่น ๆ ตามที่แบรนด์ได้กำหนดไว้ ซึ่งปุ่ม Call-to-Action จะทำให้เรารู้ได้ว่า Conversion Rate มีผลลัพธ์เป็นอย่างไร มีคนกดเข้ามามากน้อยแค่ไหน
ข้อกำหนดในการทำ Facebook Video Ads
- ต้องเป็นไฟล์ประเภท MP4, MOV, หรือ GIF
- สำหรับ In-feed Ads ควรใช้สัดส่วนขนาด 4:5 เพื่อให้แสดงผลได้แบบเต็มจอ แต่วิดีโอที่มีสัดส่วน 16:9 สำหรับแนวนอน และ 9:16 สำหรับแนวตั้ง ก็ทำได้เช่นกัน แต่ตัววิดีโอนั้น อาจจะแสดงแถบสีดำด้านใดด้านหนึ่ง
- ความยาวของวิดีโอ สามารถทำได้ตั้งแต่ 1 วินาทีไปจนถึง 241 นาทีสำหรับ In-Feed Ads
- ขนาดไฟล์ไม่ควรเกิน 4 GB สำหรับทุกประเถทวิดีโอ
- Minimum resolution ไม่ควรต่ำกว่า 1080 x 1080 px
ข้อดีในการทำวิดีโอโฆษณาบน Facebook
- ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน และผู้ที่ชอบดูวิดีโอ เนื่องจากคอนเทนต์สื่อสารผ่านไปยังผู้ชมได้ง่าย รวดเร็ว และเกิดการรับรู้แบรนด์ได้ไม่ยาก
- สร้าง Engagement ให้กับเพจได้ในระดับที่ดี – ดีมาก เมื่อเทียบกับคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ วิดีโอจะสามารถสร้าง Engagement ได้มากกว่า 6.13%
- ได้ผลลัพธ์ด้าน Conversion Rate สูงขึ้น 20 – 30 %
5 เคล็ดลับการสร้าง Facebook Video Ads เพื่อเพิ่ม Engagement และ Conversion Rate
1. สร้างโฆษณาให้เข้าใจได้ แม้ไม่มีเสียงประกอบ
สถิติจาก Facebook ได้เผยว่า 80% ของผู้ใช้งานไม่ค่อยชอบวิดีโอที่เปิดเสียงเล่นเองอัตโนมัติ ดังนั้น Facebook จึงได้พัฒนาการเล่นวิดีโอแบบปิดเสียงให้กับผู้ชม โดยเราสามารถกดเปิดเสียงได้ในภายหลัง หากต้องการ
นอกจากนี้ วิดีโอที่มี Subtitle อธิบายเรื่องราวโฆษณา จะช่วยให้ผู้ชมดูวิดีโอดูโฆษณาได้นานขึ้น 12%
Tips: การสาธิตการใช้สินค้ามักได้ผลกว่าการอธิบายถึงประโยชน์ เพราะผู้ชมจะได้เห็นวิธีการใช้งานว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง สะดวก และตอบโจทย์กับความต้องการหรือไม่
2. เรียกความสนใจให้ได้ภายใน 3 วินาที
การสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ จะต้องทำให้ผู้ชมไม่เลื่อนผ่านโฆษณาใน 3 วินาทีแรก หากผู้ชมสามารถดูวิดีโอของเราได้นานกว่า 10 วินาทีขึ้นไป จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขาย หรือการเพิ่ม Conversion Rate ได้ดีขึ้น
Tips: 33% ของผู้ชมโฆษณามักหยุดดูวิดีโอเมื่อเห็นโลโก้แบรนด์ที่ตนเองชอบ ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่ทำให้ผู้ชมเห็นแบรนด์ของเราได้ง่าย ๆ ก็มีส่วนให้โฆษณาของเรามี Engagement เพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง และสามารถสร้างการจดจำให้กับผู้ชม และเกิดการ Recall ในภายหลังได้
3. คำนึงถึง Mobile Friendly
ในปี 2020 มีผู้ชมวิดีโอผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนมากกว่า ผู้ชมบนหน้าคอมพิวเตอร์มากถึง 1.5 เท่า เนื่องจากการใช้งานผ่านมือถือสามารถเข้าถึงวิดีโอได้ง่ายกว่า ดังนั้นการทำวิดีโอโฆษณาที่อุปกรณ์เคลื่อนที่และสมาร์ทโฟนสามารถรองรับได้จะช่วยให้แบรนด์ได้ Conversion เพิ่มขึ้นดีกว่า
นอกจากนี้ การทำวิดีโอแบบแนวตั้ง และทำให้วิดีโอมีความยาวสั้นลง จะช่วยให้ผู้ใช้งานผ่านมือถืออยู่กับวิดีโอของเรานานขึ้น ซึ่งหมายความว่าโฆษณาที่เราสร้างมสจะช่วยเพิ่ม Lead ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. Retarget ผู้ใช้งานที่เคยดูวิดีโอ
การ Retarget คือการที่เราสามารถทำโฆษณาซ้ำ ให้กับลูกค้าที่เคยเข้ามาซื้อสินค้าและบริการกับแบรนด์ หรือคนที่เคยเข้ามาเยี่ยมหน้าเว็บไซต์นั่นเอง ในแง่ของการ Retarget ผู้ชมที่เคยเข้ามาดูวิดีโอนั้น ก็จะมีวิธีการที่คล้าย ๆ กันนั้นก็คือ การเจาะกลุ่มเป้าหมายแค่คนที่เคยเข้ามาดูวิดีโอเท่านั้น และยิงโฆษณาซ้ำกลับไป เพื่อให้กระตุ้นให้เการตัดสินใจบางอย่าง หรือกระตุ้นให้ผู้ชมซื้อสินค้าจากแบรนด์
หรือคุณอาจจะใช้ Facebook Custom Audience ในการ Retarget ก็ได้เช่นกัน ด้วยการเลือกกลุ่มคนที่เคยดูวิดีโอตัวใดตัวหนึ่งจากแบรนด์เรา (แบบไม่ได้เจาะจงตัววิดีโอ) ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้จะรู้จัก หรือเคยเห็นแบรนด์เราผ่าน ๆ ตามาบ้าง ทำให้ผลลัพธ์ในการตัดสินใจคลิกปุ่ม Call-to-Action มีมากขึ้น
นอกจากนี้ Facebook มีโปรแกรม tracks who watches หรือระบบที่สามารถดูได้ว่าใครเข้ามาดูวิดีโอของเราบ้าง ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ต่อแบรนด์ต่าง ๆ ที่มีหน้าร้านบน Facebook ค่ะ
ตัวอย่างวิดีโอโฆษณาจาก Target ที่ได้ทำการ Retarget กลุ่มเป้าหมายที่เคยดูโฆษณา ให้กลับมาเห็นวิดีโอนี้อีกครั้ง
5. สร้างโพลบนวิดีโอโฆษณา
ล่าสุดฟีเจอร์จาก Facebook เสนอให้ผู้ที่ทำวิดีโอโฆษณาสามารถสร้างโพลเพื่อแสดงความเห็น ในรูปแบบของสติกเกอร์ได้แล้ว ซึ่งใน Instagram ก็ได้ทำโพลผ่าน Stories เช่นกัน
ข้อดีในการทำโพลผ่านวิดีโอนั่นคือการสร้าง Engagement อีกทางหนึ่ง แถมยังได้ข้อมูลเกี่ยวกับความเห็นของลูกค้า เพื่อเราจะได้นำข้อมูลนี้ไปใช้ได้ในอนาคตเพื่อทำแคมเปญอื่น ๆ ได้ตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น
ตัวอย่าง Poll stickers ในรูปแบบของวิดีโอโฆษณา จากแบรนด์ Patty Stack
สรุป
ในบางครั้งแบรนด์ Start Up หรือธุรกิจรายย่อยอาจรู้สึกว่า การทำวิดีโอโฆษณาดูเป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถ หรือมีเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้เขียนขอแนะนำว่า การตัดต่อง่าย ๆ ผ่านมือถือ หรือการใช้เครื่องมือฟรีอย่าง YouTube Video Builder เพื่อตัดต่อใส่เสียงเพลงสำเร็จรูปจากในโปรแกรม ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงแค่ขอให้คอนเทนต์ของเราสามารถสื่อสารในสิ่งที่ต้องการจะนำเสนอไปยังผู้ชมได้ครบถ้วน มีจุดเด่นดึงดูดความสนใจ และนำเคล็บลับทั้ง 5 อย่างที่ได้แนะนำไปใช้ เชื่อว่าโฆษณาของคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ที่มา: