เคล็ด(ไม่)ลับ 12 เทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจบน Instagram

 

การทำธุรกิจออนไลน์ประเภท SMEs ยังคงเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบัน ผู้ประกอบการใช้แพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดียกันอย่างน้อยหนึ่งช่องทาง เพื่อหยิบยกสินค้าและบริการมานำเสนอให้แก่ผู้บริโภคให้หลากหลายขึ้น และอย่างที่ทราบกันดีค่ะ ว่า

Instagram  คือหนึ่งในแอปพลิเคชันยอดฮิตที่ผู้เล่นใช้เพื่อสร้าง Community ส่วนตัวและใช้เพื่อซื้อขายสินค้า

ดังนั้น Instagram จึงเปรียบเสมือนดังขุมทองของการทำธุรกิจออนไลน์ที่ไม่ควรพลาด

แล้วทำไมผู้ประกอบการถึงไม่ควรพลาด การสร้างแบรนด์บนช่องทาง Instagram ล่ะ? 

หลายท่านอาจสงสัยว่า Instagram นั้นดีต่อการทำธุรกิจอย่างไร

แล้วใครบ้างที่ใช้ Instagram

เรามาดูข้อมูลสถิติจากการใช้ Instagram กันค่ะ

จากผลสำรวจการใช้โซเชียลมีเดียทั่วโลกในปี 2019 Rival IQ ได้รายงานผลการใช้ Instagram เอาไว้ว่า มีผู้ใช้แอปมากถึง 1 พันล้านคน

นอกจากการโพสต์ภาพและวิดีโอของผู้ใช้แล้ว การสร้างปฏิสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น การกดถูกใจ การเข้าไปแสดงความคิดเห็น หรือการส่งข้อความในช่องทาง Direct Messenger คือการสร้าง Engagement หรือสร้างความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ ซึ่งหากธุรกิจมีการสร้าง Engagement อย่างต่อเนื่อง จะทำให้แบรนด์สามารถเติบโตได้ และเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นค่ะ

 

ผลสำรวจการเล่นอินสตาแกรมจากคนทั่วโลก
ภาพจาก: https://www.rivaliq.com

 

ดังนั้น STEPS Academy ขอนำเสนอเคล็ด (ไม่) ลับจากผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจออนไลน์บน Instagram  มาให้ทุกท่านได้ทราบกันทั้งหมด 12 เทคนิค ซึ่งท่านสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดธุรกิจได้จริง และสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์บนโลกออนไลน์ของท่านได้

เทคนิคที่จะมาแนะนำในวันนี้มีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ

1. อัปเดตข้อมูลบน Instagram Bio 

การใส่ชื่อแบรนด์และข้อมูลสั้น ๆ พร้อมแนบลิงก์ Bio ดูเป็นเรื่องพื้นฐานที่แสนธรรมดาใช่ไหมคะ แต่การสร้างตัวตนที่ชัดเจนเมื่อทำธุรกิจออนไลน์ ทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น และลูกค้าสามารถติดต่อหรือค้นหาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ได้สะดวก

การทำ Instagram Bio คือการเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจของร้าน เมื่ออ่านแล้วจะต้องเข้าใจง่ายและได้ใจความที่กระชับ โดยผู้ประกอบการสามารถแนบลิงก์ที่เป็นเว็บไซต์จากทางร้านเอาไว้ เพื่อให้ลูกค้ากดเข้ามาเลือกชมสินค้าได้

การใช้เทคนิค SEO เพื่อสร้าง Instagram Business Account

 

การใช้เทคนิค SEO เพื่อสร้าง Instagram Business Account
ภาพจาก: https://www.business2community.com

 

กุญแจสำคัญเมื่อลูกค้าต้องการค้นหาสินค้าให้เจอ คือการใช้คำสำคัญ หรือ Key Word ที่แม่นยำ รวมทั้งการใช้ แฮชแท็กเพื่อหาแบรนด์หรือสินค้าที่ต้องการ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรศึกษาเทคนิคการทำ SEO (Search Engine Optimization) บน Instagram เพิ่มเติม เพื่อสร้างคำอธิบายให้ครอบคลุมธุรกิจของคุณ

สร้างความน่าสนใจบน Instagram Business Account เพื่อดึงดูดนักชอป

นอกจากการใส่ข้อมูลส่วนตัวบนหน้าแอคเคาท์แล้ว การเขียนบทความบนหน้าแอคเคาท์และบน Story Highlight เป็นวิธีการเข้าหาลูกค้าอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผล

ตัวอย่างจากแบรนด์เสื้อผ้าที่ชื่อว่า EnvyStylz ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 470% จากการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลาย เช่นการใส่แฮชแท็ก การใส่ลิงก์ Bio และอัปเดต Story Highlight ให้เข้ากับเทรนด์อยู่เสมอ

ตัวอย่างจากแบรนด์เสื้อผ้าที่ชื่อว่า EnvyStylz ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 470%
ภาพจาก: https://www.business2community.com

2. การสร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิคเพื่อเพิ่ม Engagement 

การที่แบรนด์ของเราเติบโตได้ด้วยกำลังของตนเอง อย่างเช่น การเขียนบทความที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์และตรงใจลูกค้า เรียกว่าการสร้างบทความแบบออร์แกนิคนั่นเองค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าแบรนด์สามารถสร้างโอกาสเพิ่มความสัมพันธ์ในเชิงบวกระหว่างแบรนด์และลูกค้า (การสร้าง Engagement) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์บน Instagram มีหลายรูปแบบ เช่น การใช้สื่อที่น่าสนใจ การใช้ Quote หรือวลีเด็ด ๆ เพื่อทำให้เกิดอารมณ์หรือความรู้สึก รวมไปถึงการที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ของเราในเชิงบวกแบบเต็มใจ

การใช้ Story เพื่ออัปเดตสินค้าประจำวัน สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นการสร้าง Engagement ทั้งสิ้น และนอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่น ๆ ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ได้ เพื่อให้เกิด Engagement ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้แก่

  1. การโพสต์คอนเทนต์ และคอยอัปเดตเทรนด์อย่างสม่ำเสมอ
  2. การเลือกใช้สีสำหรับแบรนด์
  3. การใช้ UGC เพื่อรีวิวสินค้า ( UGC ย่อมาจาก User Generated Content ซึ่งเป็นคอนเทนต์ที่เกิดจากการผลิตของลูกค้าโดยที่ปราศจากการร้องขอจากแบรนด์ )
  4. การจัดวางหน้าคอนเทนต์ที่เหมาะสม น่าอ่าน
  5. การโพสต์ Story Highlights

 

ภาพจาก: https://www.business2community.com

ตัวอย่างแบรนด์ Happy Socks ที่ใช้วิธีการแบบสร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค

นอกจากการเขียนคอนเทนต์ให้น่าดึงดูดแล้ว การใช้ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ เพื่อนำเสนอแบรนด์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การใช้รูปภาพ วิดีโอ รูปภาพที่มาในรูปแบบของ Carousel และ Instagram TV

ส่วนรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์นั้นสามารถนำเสนอได้หลากหลายเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น

  • การรีวิวสินค้า
  • การนำเสนอสินค้ายอดนิยมสำหรับช่วงนี้
  • การทำภาพในรูปแบบ GIF
  • การทำคลิปวิดีโอ
  • การสร้างคอนเทนต์เบื้องหลังการนำเสนอสินค้า

การสร้าง Engagement แบบออร์แกนิค เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องใจเย็น เนื่องจากการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเพื่อสร้างฐานลูกค้า (Follower) ซึ่งกว่าที่กลุ่มเป้าหมายจะกลายเป็นลูกค้า ลูกค้าจรจะกลายเป็นลูกค้าประจำ และรวมถึงการช่วยกันบอกต่อสินค้า จะมีกระบวนการและระยะเวลาของมันอยู่ ซึ่งหากผู้ประกอบการต้องการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และต้องการให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์ จะต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า และศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่ออัปเดตเทรนด์อยู่ตลอด และยิ่งไปกว่านั้น การสร้างคอนเทนต์ที่ดี จะต้องใช้เทคนิคสองสิ่งนี้

  1. ศึกษาแบรนด์คู่แข่ง ในเรื่องคุณภาพสินค้า ราคา โปรโมชันที่ใช้ วิธีการส่งสินค้า และหาความแตกต่างที่เป็นข้อดีของแบรนด์ มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งที่คู่ต่อสู้ไม่มี
  2. ใช้ Instagram Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลของแบรนด์เพื่อให้เห็นการเติบโตของแบรนด์ และจุดที่แบรนด์สามารถพัฒนาต่อไปได้อีก

หากผู้อ่านสนใจบทความเกี่ยวกับการวิเคราะห์ เพื่อวัดผลการเติบของธุรกิจ Instagram เพิ่มเติม สามารถอ่านบทความนี้ได้เลยค่ะ

https://bit.ly/2yLMPOE

3. ใช้ฟีเจอร์ Product Tags 

 

ใช้ฟีเจอร์ Product Tags
ภาพจาก: https://www.business2community.com

เราอาจจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง กับการแท็กรายละเอียดสินค้าและราคาบนรูปภาพที่โพสต์ ซึ่งการติดแท็กบนสินค้าเพื่อบอกราคาและข้อมูลเพิ่มเติมที่ลูกค้าต้องการทราบ จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ไวขึ้น และสามารถประหยัดเวลาในการสอบถามข้อมูลเนื่องจากลูกค้าทราบรายละเอียดเบื้องต้นไปแล้ว

จากภาพด้านล่าง จะเป็น

การกรอกข้อมูลที่ผู้ประกอบการต้องตอบคำถามเพื่อใช้ฟีเจอร์การแท็กสินค้าบน Instagram 
ภาพจาก: https://www.business2community.com

หลังจากนั้น ผู้ประกอบการจะสามารถใช้ฟีเจอร์แท็กสินค้าเพื่อแท็กไปยังรูปภาพที่โพสต์ได้ รวมไปถึงการโพสต์รูปลงบน Story ด้วยเช่นกันค่ะ

 

หลังจากนั้น ผู้ประกอบการจะสามารถใช้ฟีเจอร์แท็กสินค้าเพื่อแท็กไปยังรูปภาพที่โพสต์ได้ รวมไปถึงการโพสต์รูปลงบน Story ด้วยเช่นกันค่ะ
ภาพจาก: https://www.business2community.com

เทคนิคการใช้พีเจอร์แท็กสินค้า อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อผู้ประกอบการสร้างโพสต์ลงบน Story แล้วใช้แท็ก ลิงก์ของนั้น ๆ สามารถโยงไปยังโพสต์เก่า ๆ ของแบรนด์ที่เคยโพสต์เอาไว้และมี Engagement ที่ดี หรือหากผู้ประกอบการต้องการที่จะ Boost สินค้าลดราคา ก็สามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อโยงแท็กไปยังสินค้าที่ต้องการได้ค่ะ

การตั้งค่าฟีเจอร์แท็กสินค้า 7 ขั้นตอนเพื่อเปิดใช้จริง
ภาพจาก: https://www.business2community.com

จากภาพด้านบน คือการตั้งค่าฟีเจอร์แท็กสินค้า 7 ขั้นตอนเพื่อเปิดใช้จริง

4. โพสต์ภาพและวิดีโอให้น่าติดตาม

การโพสต์รูปหรือวิดีโอเป็นสิ่งที่ผู้เล่น Instagram จะเห็นได้ชัดเจนมากกว่าการเขียนคอนเทนต์ให้ปัง หรือการเห็นชื่อแบรนด์เสียอีก การเลือกภาพถ่ายที่แสดงถึงเอกลักษณ์ หรือจุดเด่นของแบรนด์ออกมานำเสนอ จะทำให้แบรนด์ของเรามีตัวตนที่น่าสนใจบนโลกโซเชียล

และยังสามารถนำเสนออารมณ์ที่ต้องการจะถ่ายทอดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าได้อีกด้วยค่ะ

เช่น หากผู้ประกอบการมีธุรกิจร้านอาหาร การเลือกรูปภาพที่มีสีสันสดใส หรือคลิปวิดีโอวิธีทำอาหาร สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชมได้

ตัวอย่างแบรนด์ที่นำเสนอจุดเด่นของตัวเองได้เป็นอย่างดีนั้นคือ  Happy Socks

 

ตัวอย่างแบรนด์ Happy Socks ที่ใช้วิธีการแบบสร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค
ภาพจาก: https://www.business2community.com

ทุกท่านจะเห็นได้ว่า แต่ละภาพที่แบรนด์ Happy Socks นำเสนอสไตล์ของภาพและวิดีโอไปในทิศทางเดียวกัน และธีมภาพที่นำเสนอนั้นก็มีรูปแบบสดใส ร่าเริง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าการแต่งกายเป็นเรื่องสนุก และสามารถนำถุงเท้ามาประยุกต์ใส่กับชุดแต่งกายตามสไตล์แต่ละคนได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้เราขอสรุปเทคนิคการเลือกภาพและวิดีโอเพื่อโพสต์ลงบน Instagram ดังนี้ค่ะ

  1. เทคนิคการเลือกภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับรสนิยม หรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้า การใช้ฉากหลังสีขาวสามารถสร้างจุดเด่นให้แก่สินค้าที่โชว์ได้เช่นเดียวกัน
  2. การให้ภาพเล่าเรื่องและแสดงถึงตัวตนของแบรนด์ จะช่วยให้ลูกค้าเกิดภาพจำชัดเจนว่า สินค้าประเภทนี้ เป็นของแบรนด์นี้แน่นอน

ตัวอย่างเช่น แบรนด์สินค้าเพื่อกิจกรรมกลางแจ้ง สามารถเลือกภาพถ่ายที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติป่าเขา หรือการที่มีพรีเซ็นเตอร์ใส่ชุดว่ายน้ำที่เป็นสินค้าจากทางร้าน กำลังยืนอยู่ริมชายหาด เป็นต้น

 

5. สร้าง Follower แบบออร์แกนิค

เทรนด์การสร้าง Follower หรือผู้ติดตาม แบบออร์แกนิค มีเป้าหมายคล้าย ๆ กับการสร้างคอนเทนต์แบบออร์แกนิค นั่นก็คือ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้าง Engagement และฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยวิธีธรรมชาติ

ผู้ประกอบการอาจจะเคยเห็นการซื้อยอดผู้ติดตามใน Instagram เพื่อให้แบรนด์ดูเหมือนว่ามีคนกดติดตามเยอะ แต่จะมีประโยชน์อะไร หากแบรนด์ไม่มี Engagement จากลูกค้า หรือกลุ่มคนที่กดติดตามไม่ได้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่สนใจแบรนด์ของคุณจริง ๆ ซึ่งถ้าแบรนด์ไม่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์บนโลกโซเชียลได้จริง แบรนด์ก็ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดใช่ไหมคะ

ดังนั้น เรามาดูวิธีการสร้างยอด Follower กันในวิธีธรรมชาติกันค่ะ

  1. หากแบรนด์ของคุณมีกลุ่มเป้าหมายเป็น Niche Market หรือเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ก็อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ เพราะการที่แบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Niche Market ก็สามารถเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าได้ เช่น การกดถูกใจ การแชร์ และการคอมเมนต์
  2. หากผู้ประกอบการที่มีแบรนด์ขนาดเล็ก หรือมีกลุ่มเป้าหมายเป็น Niche Market สามารถจับคู่กับธุรกิจอื่น ที่ไม่ใช่คู่แข่งทางการตลาดได้ สิ่งนี้เรียกว่าการเป็น Partnershipซึ่งจะทำให้ทั้งธุรกิจของคุณและธุรกิจที่คุณจับคู่ด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เช่น แบรนด์สินค้าที่เป็นเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงจับคู่กับแบรนด์เครื่องประดับ เพื่อออกแบบปลอกคอสัตว์เลี้ยง
  3. ใช้แฮชแท็ก # ซึ่งการหาคำที่เป็นกุญแจสำคัญ ทำให้ลูกค้าเข้ามาเจอสินค้าและหน้าโพรไฟล์ได้
  4. สร้างโปรโมชันลดราคาด้วยการใช้ คูปอง หรือรหัสเพื่อรับส่วนลด

 

การใช้คูปองส่วนลด
ภาพจาก: https://www.business2community.com

6. เลือกวิธีการโฆษณาสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับแบรนด์ 

ขั้นตอนแรกของการวางแผนการตลาด ผู้ประกอบการควรเลือกวิธีการพรีเซ็นต์สินค้าให้เหมาะสมกับแบรนด์ และแนวทางการโฆษณาสินค้า หากดูตัวอย่างจากภาพด้านล่าง จะเห็นได้ว่า เราสามารถเลือกแพล็ตฟอร์มการทำโฆษณาได้หลากหลาย เช่น

  • รูปแบบ Carousel หรือการนำเสนอในรูปแบบแกเลอรี่รูปภาพ
  • รูปแบบภาพหรือวิดีโอเดี่ยวๆ
  • รูปแบบภาพและวิดีเป็นคอลเลคชัน
การเลือกรูปแบบนำเสนอสินค้า
ภาพจาก: https://www.business2community.com

สำหรับผู้เริ่มต้น การเลือกทำโฆษณาแบบพื้นฐาน โดยเลือกรูปเดี่ยวลง Story ก็สามารถสร้างความน่าสนใจได้นะคะ และหลังจากนั้น ผู้ประกอบสามารถเปลี่ยนแนวทางการนำเสนอให้มีหลากหลายขึ้นได้ในอนาคต ด้วยการนำเสนอสินค้า จากการเล่าเรื่องด้วยการใช้แพล็ตฟอร์ม Carousel เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ออกไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกสนใจในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ แบรนด์สามารถนำเทคนี้เหล่านี้ไปใช้เพื่อสร้างโฆษณาบน Instagram ซึ่งได้แก่

6.1 การสร้างโฆษณาผ่าน Story 

การนำเสนอโฆษณาสินค้าและบริการทั้งในรูปแบบรูปภาพและวิดีโอลงบน Story ต้องสร้างคอนเทนต์อัตราส่วนขนาด 9:16 เพื่อให้รูปอยู่ในกรอบที่พอดีค่ะ นอกจากนี้ การจัดวางตัวอักษรจะต้องอ่านง่าย มีขนาดชันเจนเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจในสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อ เนื่องจาก Story จะแสดงภาพและวิดีโอในช่วงเวลาสั้น ๆ

 

การกำหนดอัตราส่วนของภาพสตอรี่

6.2 โฆษณาผ่านหน้าฟีด

หากลูกค้าเลื่อนหน้าจอลงมา แล้วเห็นโฆษณาสินค้าหน้าสินค้าที่เตะตา หรือเจอโปรโมชันที่โดนใจ และคลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไวต์สามารถสร้าง Conversion (จำนวนคลิกที่ลูกค้ากดเข้ามาที่หน้าเว็บ) ให้แก่ Instagram ได้ค่ะ

การสร้างโฆษณาผ่านหน้าฟีด

 

6.3 ใช้ฟีเจอร์ Shoppable Posts หรือการแท็กสินค้า 

การใช้ฟีเจอร์แท็กสินค้าเพื่อลิงก์ไปยังหน้าโพสต์ หรือหน้าเว็บไซต์ที่แบรนด์ต้องการเพิ่มยอดขาย ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคนิคนี้เพื่อสร้างยอดขายได้ค่ะ

การใช้ฟีเจอร์แท็กสินค้า
ภาพจาก: https://www.business2community.com

6.4 สร้างโฆษณาในรูปแบบ Carousel 

การสร้างลูกเล่นที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากติดตาม ด้วยการสร้าง รูปภาพในรูปแบบแกลเลอรี ลงบนโพสต์ หรือแม้แต่ Story ก็สามารถสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้เล่น Instagram ได้เช่นกัน

การสร้างภาพแบบการเล่าเรื่อง
ภาพจาก: https://www.business2community.com

6.5 สร้างโฆษณาในรูปแบบคอลเลคชั่น 

จากภาพด้านล่างจะเห็นว่าแบรนด์เครื่องสำอางค์ มอบประสบการณ์การนำเสนอสินค้าให้แก่ผู้เล่น Instagram ด้วยการสร้างคอลเลคชันสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้เลือกสรร ซึ่งลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปที่รูปภาพของสินค้าเพื่อชอปปิงได้เลย

 

คอลเลคชั่นสินค้าในอินสตาแกรม
ภาพจาก: https://www.business2community.com

 

7. โฆษณาผ่าน  IGTV

การใช้ฟีเจอร์ IGTV คือการโพสต์คลิปวิดีโอเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่สามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากลูกค้านิยมรับชมวิดีโอมากกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามการใช้ฟีเจอร์นี้นะคะ

 

การสร้างวิดีโอเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชม
Porsche นำเสนอสินค้าในรูปแบบของ IGTV

 

8. สร้างโฆษณาแบบมืออาชีพ 

จากสิถิติ XCART รายงานว่าผู้เล่น Instagram รายงานว่า 72 % จากผู้ใช้ Instagram จะตัดสินใจคลิกเข้าไปดูสินค้าเพิ่มเติมเมื่อเห็นโฆษณาที่น่าสนใจ หรือมีโปรโมชันที่น่าดึงดูด ดังนั้น การทำโฆษณาให้ดูเป็นมืออาชีพ มีความสำคัญมากในการสร้าง  Conversion Rate ซึ่งผู้ประกอบการสามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้

  • การสร้างคอนเทนต์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ ซึ่งอาจจะใช้วลีโดนใจ หรือใช้รูปดึงดูดสายตา ให้ผู้ชมอยากคลิกเข้ามายังหน้าโพรไฟล์
  • ทดสอบลิงก์ก่อนนำไปใช้จริง สิ่งนี้สำคัญมาก เนื่องจากถ้าลิงก์มีความผิดพลาด ลูกค้าก็จะไม่สามารถเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ได้
  • การใช้ เวลา เพื่อเร่งการตัดสินใจ เช่นการใช้ข้อความว่า “”อย่ารอช้า” “สิทธิพิเศษ” และ “วันนี้เท่านั้น” เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกเร่งด่วน

 

สร้างโฆษณาแบบมืออาชีพ

9. เลือกกลุ่มเป้าหมาย 

หนึ่งในพื้นฐานของการสร้างแบรนด์คือการสร้างกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เมื่อแบรนด์รู้จักตัวตนของตัวเองแล้วว่า เราต้องนำเสนออะไรให้แก่ลูกค้า มีราคาอยู่ในระดับไหน มีรูปแบบนำเสนอสินค้าอย่างไร สิ่งที่สำคัญอีกประการนั่นคือ กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการนำเสนอแบรนด์ ซึ่งการธุรกิจออนไลน์จะต้องคำนึงถึง

 

การเลือกกลุ่มเป้าหมายให้แบรนด์

 

  • การทำ Retargeting เพื่อโฆษณาสินค้าและบริการอีกครั้งไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งวิธีการนี้ คือวิธีการที่แบรนด์ใช้ระบบวิเคราะห์ เพื่อเก็บข้อมูลผู้เคยเข้ามาหน้าเว็บไซต์ หรือผู้ที่มีความสนใจสินค้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน มาเป็นกลุ่มเป้าหมายในการยิงโฆษณาซ้ำ ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ มีพื้นฐานชอบแบรนด์ของเราอยู่แล้ว เนื่องจากการที่เคยคลิกเข้ามาดูสินค้า หรือค้นหา Key Word ผ่าน Google
  • กลุ่มเป้าหมายที่เคยเยี่ยมชมหน้าโพรไฟล์บน Instagram
  • ผู้เล่น Instagram ที่เคยกดถูกใจสินค้า หรือเคยกด Save รูปภาพของทางแบรนด์ (ในกรณีนี้ผู้ประกอบการสามารถดูข้อมูลได้จากโปรแกรม Analytics)

 

10. อัปเดตหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ 

หลังจากที่ทุกท่านได้ใช้เทคนิคการทำการตลาดผ่าน Instagram กันไปแล้ว อย่าลืมว่าลูกค้าจะต้องเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์เพื่อซื้อสินค้าในขั้นตอนต่อไป ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องคอยอัปเดตหน้าเว็บไซต์ส่วนตัวด้วย รวมไปถึงการนำรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง มารีโพสต์อีกครั้งลงบนหน้าเว็บ ซึ่งข้อดีจากการรีโพสต์สินค้าใช้ดีบอกต่อ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกทางหนึ่งค่ะ

 

อัปเดตหน้าเว็บให้อยู่ในกระแสของการตลาด
ภาพจาก: https://www.business2community.com

11. ใช้ Influencer 

การนำพรีเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียง หรือเป็นบุคคลสาธารณะมาช่วยโฆษณาสินค้า จะช่วยให้ลูกค้าเทใจไปกับโฆษณานั้น ๆ และอยากซื้อสินค้าไว้ในครอบครอง ซึ่งนอกจากการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการมาช่วยโฆษณาแบรนด์แล้ว การนำรีวิวของบุคคลทั่วไปมานำเสนอให้แก่ผู้บริโภค สามารถสร้าง Engagement ให้แก่ธุรกิจได้ โดยรายงานจากการวิจัยสถิติการใช้ Micro Influencer กล่าวว่าความสำเร็จจากการใช้บุคคลที่ลูกค้าชื่นชอบมาเป็นพรีเซ็นเตอร์นำเสนอแบรนด์สามารถสร้าง Engagement ได้มากถึง 85% เลยทีเดียว

 

บุคคลที่มีชื่อเสียงสามารถนำเสนอสินค้าหรือรีวิวจากทางร้าน
การใช้ Influencer นำเสนอสินค้า

หากผู้ประกอบการต้องการหาผู้ที่จะมารีวิวสินค้าที่มีลักษณะเป็น Micro Influencer ท่านสามารถค้นหาได้จากเกณฑ์เหล่านี้ค่ะ

  1. Instagram ส่วนตัวของ Micro Influencer จะมียอดติดตามอย่างน้อย 1 พันถึง  1 แสนคน
  2. ชอบรีวิวสินค้า หรือมีความถนัดบางอย่างที่ทำให้คนทั่วไปสนใจ หรือมีบล็อกเป็นของตัวเอง
  3. เมื่อใช้แฮชแท็กในการค้นหาบุคคลที่จะมารีวิวสินค้า เราสามารถหาพวกเขาเจอจากการใช้แฮชแท็กหรือไม่
  4. หากเข้าไปดูโพสต์ หรือบทความที่พวกเขาเขียนว่ามีความเกี่ยวข้องกันกับแบรนด์ของเราหรือไม่ เช่น สมมติว่าแบรนด์ของคุณคือแบรนด์เครื่องสำอางค์ บุคคลที่คุณต้องการควรจะเป็นคนที่ชื่นชอบเทรนด์แฟชั่นการแต่งหน้า หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เป็นต้น

 

12. การนำเทคนิคต่าง ๆ มาผสมผสานกันในรูปแบบเฉพาะ

การใช้เทคนิคทางการตลาดเพียงเทคนิคเดียว อาจไม่สามารถสร้างฐานลูกค้าได้มากมาย แต่การนำเทคนิคที่ได้กล่าวไปข้างต้น มาประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมของแบรนด์ จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างมหาศาล อีกทั้งแบรนด์ของคุณจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของลูกค้าได้ในระยะยาว ซึ่งนอกจากแบรนด์จะนำกลยุทธ์ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นมาใช้เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการ สิ่งสำคัญคือ

ไอเดียสร้างสรรค์และการคิดนอกกรอบ 

เนื่องจากการทำการตลาดไม่มีสูตรสำเร็จแบบตายตัวจากขั้นตอน A ไป B แต่การที่นักการตลาดหรือผู้ประกอบการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และนำเทรนด์ไปปรับใช้กับการโฆษณา เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี และมุมมองการนำเสนอที่แปลกใหม่ นั่นคือเป้าหมายที่สำคัญค่ะ

 

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เคล็ดที่ไม่ลับกับ 12 เทคนิค เพื่อการทำธุรกิจบน Instagram ทาง STEPS Aacedmy หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ประกอบการจะสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้แล้วประสบความสำเร็จ สามารถสร้างยอดขาย และ Engagement ให้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทางเรายังมีบทความที่เกี่ยวกับ Instagram ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านเพิ่มเติมอีกนะคะ ซึ่งลิงก์จะอยู่ด้านล่างค่ะ

 

ข้อมูลจาก:

https://www.business2community.com

https://www.cmswire.com

Home

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

10 เครื่องมือฟรีที่ใช้สำหรับ Instagram Stories
เทคโนโลยี AR กับการ Shopping รูปแบบใหม่บน Facebook