หากคุณคือ นักการตลาด ผู้ประกอบการ หรือบุคคลที่โฆษณาผ่าน Instagram Story คงทราบดีว่า การสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สติกเกอร์ให้เหมาะสม เลือกใช้ฟิลเตอร์ให้สื่อถึง Mood and Tone ของสินค้า หรือแม้แต่การเลือกใช้ตัวอักษรเพื่อสร้างข้อความ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์เพื่อการตลาด ในการนำเสนอแบรนด์ไปสู่ลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
ย้อนกลับไปในปี 2016 Instagram เปิดตัวฟีเจอร์ Story เป็นครั้งแรก โดยผู้เล่นสามารถโพสต์รูปภาพและวิดีโอ พร้อมใส่สติกเกอร์ ข้อความ และการแท็กเพื่อนลงบนหน้าโพสต์ โดยที่การโพสต์ในแต่ละครั้ง จะอยู่ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งฟีเจอร์ Story เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากจนมาถึงปัจจุบัน
ล่าสุด เว็บไซต์ TechJury ได้รายงานสถิติการใช้ Instagram Story ล่าสุดปี 2020 ไว้ดังต่อไปนี้
- ในปี 2020 มีผู้ใช้ฟีเจอร์ Instagram Story มากกว่า 500 คน
- ผู้ที่เล่น Instagram 70 % ดู Story เป็นประจำทุกวัน
- Account หลักของ Instagram มีผู้ติดตามจำนวน 327 คน (อัปเดตล่าสุดเดือนมกราคม 2563)
- ผลสำรวจในประเทศสหรัฐอเมริการพบว่า 96% ของนักการตลาดวางแผนใช้ Story เพื่อโฆษณาสินค้าและบริการให้บ่อยขึ้นกว่าเดิมในอีก 6 เดือนข้างหน้า
- 93% ของนักการตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาวางแผนใช้ Instagram Story เพื่อนำเสนอแบรนด์ให้แก่ผู้เล่น Instagram อย่างต่อเนื่อง
- Influencers เผยว่าการโพสต์ Instagram Story ที่มีคุณภาพ มีผลต่อการสร้างยอดผู้ติดตามและมีอิทธิพลต่อการสร้างยอดขาย
จากสถิติข้างต้นที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า การทำคอนเทนต์ด้วยช่องทาง Story นั้นสามารถสร้างผลลัพธ์ให้แก่แบรนด์ได้อย่างมหาศาล ซึ่งการที่แบรนด์ใช้ฟิลเตอร์เพื่อสร้างคอนเทนต์มานำเสนอสินค้า ให้ดูน่าติดตามและอยู่ในกระแส คือเรื่องที่นักการตลาดและผู้ประกอบการไม่ควรพลาดค่ะ
ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาแนะนำเครื่องมือฟรีสำหรับการสร้าง Instagram Story ที่สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android จะมีเครื่องมือไหนที่น่าสนใจบ้าง เราไปชมกันเลยค่ะ
1. StoryChic Story (Android)
อันดับแรก เรามาดูเครื่องมือที่ชื่อว่า StoryChic จาก Insta Story กันเลยค่ะ เครื่องมือตัวนี้ออกแบบมาเพื่อใช้กับระบบปฏิบัติการ Android เพื่อสร้าง Template ที่หลากหลาย ในการนำเสนอภาพในรูปแบบอารมณ์ที่ต่างกันออกๆไป
เช่น การใช้ Template ที่มีสีสันสดใส เมื่อคุณต้องการโฆษณาสินค้าหรือนำเสนออารมณ์ที่สนุกสนาน (Mood and Tone)
นอกจากนี้ Insta Story ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างรูปภาพอีกมายมาย ซึ่งเราได้รวบรวมเอาไว้ให้ทุกท่านได้อ่านกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การใช้ฟิลเตอร์เพื่อปรับแต่งแสง โดยมีทั้งแบบฟิลเตอร์สำเร็จรูป และเครื่องมือปรับแต่งภาพให้เลือก
- มี Template ให้เลือกใช้มากกว่า 100 แบบ เพื่อให้การออกแบบรูปภาพมีความหลากหลายและเหมาะสมกับ Mood and Tone
- หลังจากบันทึกภาพเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้สามารถแชร์รูปไปยัง Instagram และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ เช่น Facebook, Snapchat, Whatsapp, Pinterest และ Tik Tok
- ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบตัวอักษรมากกว่า 20 แบบ นอกจากนี่ยังสามารถปรับขนาดของตัวอักษร สี ตำแหน่ง และการจัดวางตัวอักษรในภาพ
- ไม่จำเป็นต้องสมัคร Account เพียงแค่ผู้ใช้ login ผ่านแอป Facebook หรือ Instagram ก็สามารถเข้าใช้งานได้เลยค่ะ
วิธีการสร้างรูปภาพนั้นแสนง่ายดาย เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปมาเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเลือกรูปภาพจากอัลบัมมาใช้กับ Template จากแอปได้เลยค่ะ
2. Unfold (iOS & Android)
จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า แอป Unfold เป็นแอปยอดฮิตมากแอปหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งสังเกตุได้จากคะแนนนิยม 4.5 คะแนน จากยอดดาวน์โหลดผ่านระบบ Android และได้คะแนนจากผู้ใช้ iOS ถึง 4.9 คะแนน
หากคุณชอบรูปฟิล์ม สไตล์ Minimal ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูทันสมัย แอปนี้มี Template สุดคลาสสิกหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกกัน ทั้งฟิลเตอร์ภาพฟิล์มโพลารอยด์ และกรอบรูปค่ะ
ผู้ใช้สามารถเลือก Template ได้หลากหลายเพื่อนำเสนอสินค้าที่มีคอนเซปต์แตกต่างกัน
เมื่อดาวน์โหลดแอปกันมาแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ Template ฟรีได้ 25 แบบ หากผู้ใช้รู้สึกชอบรูปแบบภาพแนวนี้ในการโฆษณาสินค้า ในแอปยังมี Premium Template มากกว่า 90 แบบให้เลือกใช้เพิ่มเติมอีกด้วยนะคะ
3. Later (iOS & Android)
กุญแจสำคัญในการสร้าง Engagement ที่ดีให้แก่แบรนด์ คือความสม่ำเสมอในการโฆษณา ยิ่งหากผู้ประกอบการมีเครื่องมือช่วยในการสร้างคอนเทนต์ แถมยังสามารถช่วยกำหนดเวลาในการโพสต์รูปลง Story อีกด้วย ก็เท่ากับว่า คุณมีผู้ช่วยมือดีอยู่ข้างตัวใช่ไหมคะ
ข้อดีสำหรับการใช้แอป Later มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
- ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้
- ไม่จำเป็นต้องเข้ามาใช้งานทุกวัน เนื่องจากผู้ใช้สามารตั้งค่าให้โพสต์ตามวันและเวลาที่กำหนดได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้าง Engagement และทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดเวลา ในการเข้าไปโพสต์รูปภาพลงบน Instagram Story
- ผู้ใช้สามารถเห็นภาพในการสร้างคอนเทนต์แบบ Bird’s Eye View ซึ่งก็คือ การเห็นภาพแบบมุมกว้างเมื่อสร้างคอนเทนต์หลาย ๆ โพสต์ ทำให้แบรนด์สามารถดีไซน์ธีมของภาพที่ต้องการได้ตามที่ต้องการ
จากภาพด้านบน คือวิธีการโพสต์ภาพตามเวลาที่กำหนด ซึ่งทำได้ไม่ยากเลยค่ะ ผู้ใช้สามารถลากรูปจากอัลบั้มทางด้ายซ้าย มาใส่ในวันและเวลาที่กำหนดในปฏิทินทางด้านขวา โดยผู้ใช้สามารถตั้งเวลาโพสต์คอนเทนต์ทีละหลาย ๆ รูปก็ได้ หรือผู้ใช้ต้องการตั้งค่าการโพสต์คอนเทนต์หลายช่วงเวลา ก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถแปะลิงก์ที่ต้องการ และใส่ข้อความลงไปที่รูปภาพเพื่อโปรโมตสินค้า หลังจากนั้น เมื่อคอนเทนต์ที่ตั้งเวลาเอาไว้โพสต์ลงไปที่หน้า Story เรียบร้อยแล้ว แอปจะส่งการแจ้งเตือนไปที่หน้าจอมือถือ เพื่อแสดงผลลัพธ์ค่ะ
4. Canva (iOS & Android)
แอปพลิเคชัน Canva เป็นเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ที่ครบเครื่องในทุก ๆ การนำเสนอมีเดีย ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับการทำการตลาดและบุคคลทั่วไปที่กำลังมองหาเครื่องมือฟรีที่ดี และมีคุณภาพ นอกจาก Canva จะสามารถสร้าง Story ลงบน Instagram ได้แล้ว แอปนี้ยังสามารถออกแบบ Template อื่น ๆ ได้อีก เช่น
- Facebook Cover Photo
- Instagram Post
- Presentation
- Brochure
- Poster
ส่วนตัวผู้เขียนอยากบอกกับทุกท่านว่าแอปนี้คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม นอกจากจะมี Template ให้เลือกใช้มากมายแล้ว Canva ยังมี Quotes เด็ดให้ผู้ใช้สามารถนำไปใส่บนรูปภาพได้ โดยสามารถปรับสีและขนาดของตัวอักษรตามความเหมาะสมกับคอนเทนต์ที่ต้องการโฆษณาค่ะ
ภาพจากการออกแบบ (จากซ้ายไปขวา) โดย Rawpixel.com, Evgeniya Porechenskaya และ DODOMO
เมื่อผู้ใช้ออกแบบคอนเทนต์เสร็จสมบูรณ์แล้ว Canva จะยังคงเก็บชิ้นงานที่ได้สร้างขึ้น เอาไว้ใน Account ของผู้ใช้ ซึ่งคุณสามารถเรียกดูงานเก่าที่เคยออกแบบไว้ได้ค่ะ
5. Over (Android)
แอปพลิเคชัน Over เป็นเครื่องมือที่ผู้ที่มีสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ระบบ Android สามารถดาวน์โหลดมาใช้ โดยจุดเด่นของแอปนี้คือการออกแบบคอนเทนต์เพื่อแบรนด์ออนไลน์ เนื่องจากในแอปมี Template ให้เลือกสรรค์มากกว่า 1,700 รูปแบบ และมีภาพกราฟิกให้เลือกใช้กว่า 6 หมื่นรูป
นอกจากนี้ Over ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกมายมาย เช่น
- การสร้าง Poster และใบปลิวโฆษณา
- อัลบัม คลังรูปภาพ ที่สามารถเลือกใช้ได้ไม่จำกัด
- Logo ต่าง ๆ
- ผู้ใช้สามารถเลือกตัวอักษร ขนาด และสีเพื่อออกแบบข้อความ
- ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพจากแอป ไปยัง Instagram, Pinterest และ Facebook ได้โดยตรง
จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าผู้ใช้สามารถเลือกตัวอักษรที่เข้ากับธีมภาพได้ เพื่อออกแบบโฆษณาให้ดูสมบูรณ์ที่สุด
6. Story Maker (Android)
เครื่องมือ Story Maker เป็นหนึ่งในแอปจาก Insta Story เช่นเดียวกับ StoryChic ค่ะ แอปนี้มีความน่าสนใจตรงที่มีความหลากหลายของ Template ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือก Layout ได้ตามความเหมาะสม ทั้งในรูปแบบคลาสสิก และรูปแบบสดใส นอกจากนี้ยังมี Template ที่ออกแบบมาเพื่อช่วงเทศกาลวันสำคัญอีกด้วย ตัวอย่างเช่น
- Template วันแม่
- Template วัน Christmas
- Template วัน Halloween
- Template วัน Valentine
- กรอบรูปสำหรับวัน Valentines
นอกจากนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องดึงรูปภาพจากอัลบัมมาโพสต์ให้เสียเวลา เนื่องจากแอปสามารถเชื่อมต่อไปยัง Instagram Story เพื่อโพสต์ได้เลย อีกทั้งไม่ต้องสมัคร Account ให้ยุ่งยากด้วยค่ะ
7. Inshot (iOS & Android)
หากคุณเคยปวดหัวกับการปรับขยายคลิปวิดีโอ แอปนี้คือทางออกสำหรับการจัดรูปแบบคอนเทนต์ และการปรับขนาดรูปภาพและวิดีโอวิดีโอค่ะ
- InShot Video Editor คือเครื่องมือที่สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android ซึ่งแอปนี้มีความสามารถในการตัดต่อภาพและวิดีโอ ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกฟิลเตอร์เจ๋ง ๆ เพื่อสร้าง Mood and Tone รวมไปถึงการใส่เพลงลงไปในคลิปได้อีกด้วย
- ฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถนำมาดีไซน์วิดีโอเพื่อโฆษณาแบรนด์ รายละเอียดดังนี้ค่ะ
- การตัดต่อวิดีโอให้สั้นขึ้น หรือการเพิ่มความช้า-เร็วของคลิป
- การแบ่งวิดีโอออกเป็น 2 ช่วง หรือการเพิ่มลูกเล่น Duplicate (การเล่นซ้ำ)
- การรวบคลิปวิดีโอ 2 คลิปเอาไว้ในคอนเทนต์เดียว ซึ่งยังคงคุณภาพของคลิปเหล่านั้นเอาไว้
- การครอปวิดีโอให้แสดงเพียงส่วนที่ต้องการ
- การหมุนภาพและวิดีโอในรูปแบบ 90 – 270 องศาตามใจต้องการ
- การเลือกใช้ Layout ให้เข้ากับคลิปวิดีโอ
- มีสติกเกอร์สุดน่ารัก ให้เลือกใช้มากกว่า 1,000 แบบ
- การใส่เพลงที่สร้างอารมณ์ให้กับการนำเสนอ
- การใส่เสียงของผู้ใช้ลงไปในคลิปวิดีโอ
- การลดเพิ่มเสียงเพลง และการตัดเสียงเพลงที่ไม่ต้องการออกในบางช่วงเวลาที่ต้องการ
8. Filmm (iOS)
เทรนด์การโพสต์ภาพที่เป็นรูปฟิล์มยังคงแรงไม่ตก จึงทำให้แอปพลิเคชัน Filmm เป็นที่นิยมมากสำหรับการออกแบบคอนเทนต์ โดยแอปนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่าง 2 เพจ Instagram ที่มีชื่อว่า Zoella และ A Beautiful Mess
สำหรับรูปแบบดีไซน์นั้น Filmm จะเน้นไปที่ฟิลเตอร์ที่มีสีสันคล้ายกับการถ่ายภาพจากกล้องฟิล์ม รวมไปถึงกรอบรูปที่ออกแบบมาให้เหมือนกับการที่เราไปล้างรูปออกมาจริงๆ แถมยังใช้งานง่ายอีกด้วยค่ะ
จากภาพตัวอย่างด้านบนจะเห็นว่าผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบฟิลเตอร์ได้หลากหลาย ซึ่งขึ้นอยู่กับธีมที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ
9. Patternator (iOS & Android)
หากแบรนด์ของคุณกำลังมองหาการออกแบบคอนเทนต์ที่มีลูกเล่นสนุกสนาน และสามารถสร้าง GIF ได้ แถมยังสามารถออกแบบ Wallpaper ที่ไม่ซ้ำใคร Patternator คือคำตอบที่ดีที่สุดค่ะ
ข้อดีของแอปนี้สามารถดาวน์โหลดให้ใช้กันได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ซึ่งมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
- การสร้าง Wallpaper จากรูปภาพที่ตัดต่อมา
- ผู้ใช้สามารถเลือกสีของพื้นหลังได้เอง เพื่อให้เข้ากับรูปภาพ
- ผู้ใช้สามารถออกแบบสติกเกอร์จากภาพที่มีในอัลบั้มส่วนตัวได้
- รูปภาพและ GIF ที่ออกแบบเรียบร้อยแล้ว สามารถแชร์ลงบน Instagram Story ได้เลย
- ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้งานฟรี แต่หากต้องการ Unlock ภาพหรือฟีเจอร์ที่เป็นพรีเมียม สามารถซื้อแอปเพื่อเลือก Layout อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ค่ะ
หากแบรนด์ของคุณต้องการนำเสนอโฆษณาที่มีรูปแบบสดใส ทำให้รู้สึกแตกต่างออกไปจากเดิม อย่าลืมดาว์นโหลดแอป Patternator มาลองใช้ดูนะคะ
10. Life Lapse (iOS & Android)
แอปพลิเคชันสุดท้ายที่ผู้เขียนจะนำเสนอในวันนี้คือ แอปที่สามารถสร้างวิดีโอคอนเทนต์เพื่อนำเสนอในรูปแบบของ Stop Motion* ค่ะ
(Stop Motion* คือเทคนิคการตัดต่อวิดีโอโดยการนำเสนอภาพเคลื่อนไหว ที่เป็นภาพนิ่งหลาย ๆ ภาพต่อเนื่องกันด้วยความเร็วสูง ) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมายมาย เช่น
- การอัปโหลดเพลงลงคลิปวิดีโอ
- การปรับความเร็วของคลิป
- การบันทึก Stop Motion ในรูปแบบของ GIF
- การใส่ฟิลเตอร์ให้กับคลิปวิดีโอ
- การทำคลิปออกมาในรูปแบบ GIF
สรุป:
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 10 เครื่องมือฟรีที่ได้นำเสนอไปซึ่งมีทั้งในรูปแบบภาพนิ่ง วิดีโอ การสร้างภาพพื้นหลัง และการสร้าง GIF ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่านักการตลาดและผู้ประกอบการสามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ถูกใจ และเหมาะสมกับการนำเสนอแบรนด์ของคุณได้ในอนาคต ซึ่งแบรนด์สามารถเลือกใช้แอปได้หลากหลายมากกว่า 1 แอปเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่น่าดึงดูด และสร้าง Engagement ให้กับแบรนด์ของคุณได้ค่ะ
สุดท้ายนี้ STEPS Academy มีคอร์สเรียนมาให้ทุกท่านที่สนใจการทำธุรกิจออนไลน์มาฝากกันค่ะ
เตรียมตัวให้พร้อมกับคอร์สเรียนหลักสูตร Digital Marketing Specialist เพื่อผู้ประกอบการ นักการตลาด และผู้ที่สนใจทั่วไปค่ะ ซึ่งคอร์สเรียนนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 11 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2563 โดยผู้ที่ต้องการพัฒนาความรู้ในด้านต่างๆ ของ Digital Marketing สามารถวางกลยุทธ์ ทำการตลาดออนไลน์ ได้อย่างถูกวิธี แข็งแกร่ง และยั่งยืน สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
ข้อมูลจาก:
https://www.guidingtech.com
https://later.com
https://www.guidingtech.com