จับตา 5 เทรนด์การทำ Email Marketing ในปี 2021

จับตา 5 เทรนด์การทำ Email Marketing ในปี 2021"

 

การทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จในปี 2021 นั้นเต็มไปด้วยการใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย แต่สิ่งที่นักการตลาด หรือแบรนด์มองข้ามไม่ได้ นั่นคือการนำเทคโนโลยี และเครื่องมือมาปรับใช้ในการเข้าหากลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างโฆษณา และความสัมพันธ์ในระยะยาว โดยในวันนี้ STEPS ACADEMY จะมาพูดถึงกลยุทธ์ Email Marketing กันค่ะ

หากเปรียบเทียบการทำการตลาดในสมัยก่อน ย้อนไป 10 -20 ปีที่แล้ว เราคงนึกถึงการโทรไปหาลูกค้า เพื่อขอนำเสนอสินค้า และบริการ หรือการไปเยี่ยมบ้านกลุ่มเป้าหมาย เพื่อขายผลิตภัณฑ์สักชิ้น แต่ในปัจจุบันนี้ ปี 2021 ผู้ประกอบการคงไม่ต้องเสียเวลาไปเยี่ยมตามบ้านลูกค้าอีกต่อไป เมื่อนักการตลาดสามารถวางแผนธุรกิจผ่านเครื่องมือดิจิทัล และยังสามารถประหยัดเวลา และงบประมาณในการลงทุนได้ด้วยการส่ง Email ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างตัวแบรนด์ และผู้อ่านที่มีประสิทธิภาพมากช่องทางหนึ่ง

ความสำคัญของ Email Marketing

Email Marketing คือ การทำการตลาดออนไลน์ช่องทางหนึ่ง ที่ใช้อีเมลเป็นสื่อกลางในการสื่อสารระหว่างแบรนด์ และกลุ่มเป้าหมาย โดยการส่งอีเมลในแต่ละครั้ง จะมีเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไปตามจุดประสงค์ของแคมเปญนั้น ๆ เช่น

  •  สามารถสร้าง Conversion Rate บางอย่างให้กับแบรนด์ ( เพื่อสร้างยอดขาย เพื่อขอรับสิทธิ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ การแจ้งโปรโมชัน )
  • สามารถวัดผลได้ นำไปต่อยอดในการทำแคมเปญในอนาคต
  • เพื่อประชาสัมพันธ์ อัปเดตข่าวสาร และโปรโมชันต่าง ๆ

การทำ Email Marketing จะต้องส่งคำขออนุญาตก่อนส่งไปยังผู้อ่าน ซึ่งผู้อ่านจะเป็นผู้ให้ความยินยอมที่จะรับข่าวสารนั้น ๆ จากทางแบรนด์เราด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นอีเมลของคุณจะกลายเป็นสแปม ที่อาจไม่มีใครเปิดอ่านนะคะ

นอกจากนี้เมื่อผู้อ่านต้องการที่จะขอยกเลิกกการส่งอีเมล ก็สามารถทำการ Unsubscribe หรือยกเลิกการติดตามได้เช่นกัน ซึ่งปกติแล้ว การส่งอีเมลไปยังลูกค้า หรือผู้อ่านจะต้องมีลิงก์ Unsubscribe ใส่เอาไว้ตามสิทธิของผู้บริโภค

จากภาพด้านล่าง เป็นผลสำรวจจากเว็บไซต์ enginemailer ซึ่งเผยถึงประโยชน์จากการวัดผลจากการทำ Email Marketing ปี 2020

 

ผลสำรวจจากเว็บไซต์ enginemailer ซึ่งเผยถึงประโยชน์จากการวัดผลจากการทำ Email Marketing ปี 2020
ภาพจาก https://www.enginemailer.com

 

วิธีการทำ Email Marketing ให้ได้ผล

1  วางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแคมเปญ 

“  ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าแคมเปญต้องการอะไร ”

ก่อนที่เราจะลงมือส่งอีเมลไปยังกลุ่มเป้าหมาย อย่างน้อยคุณจะต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า อีเมลที่จะส่งไปนี้สร้างขึ้นเพื่ออะไร รวมทั้งการตั้งเป้าหมายสำหรับยอด Conversion Rate ด้วยว่า เปอร์เซ็นต์ที่มีผู้เปิดอ่านจำนวนเท่าไหร่ หรือจำนวนคลิกเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้นักการตลาดวิเคราะห์ได้ในภายหลังว่า ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดเอาไว้หรือไม่ และมีจุดบกพร่องตรงไหนที่ต้องแก้ไขบ้าง

ตัวอย่างเช่น การส่งอีเมลบางประเภท เป็นการนำเสนอโปรโมชัน ลดสุดคุ้ม ซึ่งอีเมลแบบนี้จะเน้นการสร้างยอดขาย และโฟกัสไปที่การคลิกลิงก์ไปยัง Landing Page

หรือ การนำเสนอคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ เป้าหมายนี้จะเป็นการสร้างการรับรู้แบรนด์ และ ต้องการให้คนอ่านเข้ามาอยู่ในเว็บไซต์ของเรานานยิ่งขึ้น เป็นต้น

ตัวอย่างอีเมลที่นำเสนอโปรโมชัน และ เน้นการขายจาก Starbucks

ตัวอย่างอีเมลที่เน้นการขายจาก Starbucks
ภาพจาก https://www.enginemailer.com

 

2  สร้างความพิเศษให้ผู้อ่านด้วยการทำ Personalization 

“ รู้จักกลุ่มเป้าหมายให้ดี พร้อมนำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์กับความต้องการ ”

ตวามท้าทายอย่างหนึ่งของการทำ Email Marketing คือการทำให้ผู้รับอีเมลรู้สึกถึงความใส่ใจ ความรู้ศึกพิเศษ และการทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าอีเมลเขียนนี้มาเพื่อลูกค้าคนนี้โดยเฉพาะ

แน่นอนว่าการส่งอีเมลในแต่ละครั้ง นักการตลาดคงไม่สามารถส่งหาผู้อ่านได้แบบรายบุคคล จนครบทุก ๆ อีดเมล แต่อย่าลืมว่า การให้ความสำคัญกับลูกค้า ด้วยการใส่ชื่อลูกค้าลงในอีเมล การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล ในการเลือกหา “กลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจใกล้เคียงกัน” เพื่อส่งอีเมลที่ตอบโจทย์ สามารถเพิ่ม Conversion Rate ในการเปิดอีเมล และลิงก์ไปยัง Landing Page ได้เพิ่มขึ้น 60%

ตัวอย่างจาก Epic เป็นวิธีการนำเสนอหนังสือการ์ตูนออนไลน์ที่เป็นประเภทเดียวกันไปยังผู้อ่าน เพื่อเสนอทางเลือกที่มีความคล้าย ๆ กัน ซึ่งผู้อ่านที่ชื่นชอบเรื่องราวประเภทนี้อยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่จะคลิกเรื่องที่มีความใกล้เคียงมากขึ้น

สร้างความพิเศษให้ผู้อ่านด้วยการทำ Personalization
ภาพจาก https://www.mailerlite.com

Tips

  • อย่างน้อยคุณต้องรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายที่จะมาเป็น Customer Journey ของแบรนด์มีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง โดยอาจวิเคราะห์สินค้า และบริการที่ผู้อ่านเคยคลิก หรือแนวบทความที่ผู้อ่านเคยกดเข้าไป่าน
  • อย่าลืมส่งอีเมลยินดีต้อนรับผู้อ่านเพื่อทักทาย พร้อมใส่ปุ่ม Call to Action ให้คลิกมายังเว็บไซต์
  • การส่งอีเมล Survey Marketing เพื่อทำความรู้จัก และเข้าใจผู้อ่าน
  •  

 

 

3  เลือกใช้เครื่องมือที่ตอบโจทย์กับกลยุทธ์

“ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด สามารถวัดผลได้จริง ”

ปัจจุบันระบบการตลาดแบบอัตโนมัติ หรือ  Marketing Automation เป็นที่นิยมในการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งนักการตลาดสามารถนำมาใช้ในการส่งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ผ่านอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกได้ว่า เป็นวิธีการที่แบรนด์สามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้า ได้จากการใช้ระบบการตลาดอัตโนมัตินี้ และทำให้แบรนด์สามารถดูแลลูกค้าได้ในอีกทางหนึ่ง (CRM) และเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้าง Lead ที่จะนำไปสู่การขาย

ตัวอย่างเครื่องมือที่นำมาใช้ในการทำ Email Marketing

  • Hubspot
hubspot

เหมาะกับธุรกิจทั้งรายใหญ่ และรายย่อย มีเครื่องมือฟรีให้เลือกใช้ สามารถทำ Personalization ได้

  • Mailchimp
Mailchimp

มีรายละเอียดขั้นตอนสอนการทำ Email Marketing แบบละเอียด เหมาะกับธุรกิจ SMEs ที่ต้องการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจลูกค้า และมีเครื่องมือดีไซน์ต่าง ๆ ให้เลือก

 

4  ลองทำ A/B Testing 

“ เพื่อค้นหาในสิ่งที่คนอ่านต้องการ เช่น การเปลี่ยนหัวข้อ เปลี่ยนเนื้อหา หรือเปลี่ยนรูปภาพ ”

การที่แบรนด์รู้ว่า ข้อผิดพลาดในการทำการตลาดของเราคืออะไร จะช่วยให้แผนธุรกิจต่าง ๆ ในอนาคตมีจุดผิดพลาดน้อยที่สุด ดังนั้น การทดสอบระบบการส่งอีเมล หรือทดลองนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อหาสิ่งที่ผู้อ่านต้องการมากที่สุด จะทำให้ผลลัพธ์จากการเปิดอ่านมีมากขึ้น และนำไปสู่ Conversion ด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการลองทำ A/B Testing

การทำ A/B Testing คือการส่งคอนเทนต์ที่มีความแตกต่างกันไปให้กับผู้อ่าน และเปรียบเทียบว่า คอนเทนต์แนวไหน มีผู้เปิดอีเมลอ่านมากกว่ากัน หรือ มีคนคลิกอ่านมากกว่ากัน ซึ่งการทดสอบ สามารถทำได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อหัวข้อ การเปลี่ยนภาพกราฟิก การเปลี่ยนเนื้อหาภายใน หรือคำที่ใช้ใน Call to Action

 

ลองทำ A/B Testing
ภาพจาก https://sendpulse.com

ตัวอย่างการทำ A/B Testing ด้วยการเปลี่ยนดีไซน์ของปุ่ม Call to Action และขนาดตัวอักษร

ภาพจาก https://www.mailjet.com

ตัวอย่างการทำ A/B Testing ด้วยการเปรียบเทียบระหว่าง

  • สีของภาพ 2 ภาพ
  • คำพูด Call to Action
  • เนื้อหาให้หัวข้อ

 

5  อย่าลืมใส่ Call to Action

“ ไม่เพียงแค่ให้คุณค่าในเนื้อหา แต่ต้องกระตุ้นผู้อ่านเพื่อให้เกิด Conversion ”

แม้ว่าเนื้อหาในอีเมล และโปรโมชันจะน่าสนใจมากแค่ไหน แต่ถ้าเราลืมใส่ปุ่ม Call to Action ก็ถือว่าที่ทำมาทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย หากเราไม่ได้ใส่ลิงก์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขาย การสมัคร หรือการกดอ่าน ซึ่งหมายความว่า เราเพียงแค่ส่งอีเมลให้ผู้อ่านเพื่อประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ทำให้เกิด Conversion ดังนั้น การใส่ปุ่ม Call to Action เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจในการคลิก จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกอยากรู้รายละเอียดเพิ่มขึ้น หรืออาจจะอยากคลิกเข้าไปดูสินค้ามากขึ้นค่ะ

 

ข้อมูลจาก 

smartinsights

mailerlite

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

3 ข้อผิดพลาดในการทำ Copy Writing สำหรับ Facebook Ad
เทคนิคการทำ Instagram SEO จากช่องทางการค้นหา Interest