หลายๆคนที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร น่าจะเคยมีความฝันว่า อยากมีระบบที่ช่วยดูแลลูกค้าแบบอัตโนมัติใช่ไหมครับ เพราะเวลาลูกค้าสนใจมาทานอาหารที่ร้านของเรา พวกเขาก็มักจะถามคำถามซ้ำๆกัน เช่น “ขอดูเมนูอาหารหน่อย” “สั่งอาหารออนไลน์ได้ไหม?” เป็นต้น
ปัจจุบันความฝันของเจ้าของร้านอาหารก็สามารถเป็นจริงได้ ด้วยเครื่องมือแสนฉลาดที่เรียกว่า “แชทบอท” (Chatbot) ซึ่งจะคอยช่วยเจ้าของร้าน หรือพนักงานร้าน ในการตอบคำถาม หรือให้ข้อมูลแก่ลูกค้าแบบอัตโนมัติ ตลอด 24 ชม. ไม่มีพัก เมื่อลูกค้าถามคำถามเข้ามา ก็จะได้รับคำตอบในทันที โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอ และยังเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น
แต่พอผมไปถามเจ้าของร้านอาหารว่า แล้วทำไมคุณยังไม่นำแชทบอทมาใช้กับร้านอาหารของคุณล่ะ
เจ้าของร้านอาหารมักจะถามผมกลับมาด้วยคำถามเหล่านี้
- ร้านอาหารใช้แชทบอทได้จริงๆใช่ไหม?
- แชทบอทปิดการขายได้หรือเปล่า?
- แชทบอทช่วยลดงานร้านอาหารได้ยังไง?
เจ้าของร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งนักการตลาดหลายๆคนก็มักคิดว่า ในทางทฤษฎี แชทบอทสามารถช่วยรับออเดอร์ ปิดการขาย และดูแลลูกค้าได้ แต่ในการนำมาใช้งานจริง แชทบอทจะได้ผลจริงไหม หรือจะกลายเป็นเพิ่มภาระให้กับร้านแทนหรือเปล่า?
ในบทความนี้ ผมจะมาตอบคำถามเหล่านี้ให้กับทุกคนทราบว่า แชทบอทสามารถช่วยตอบโจทย์ธุรกิจร้านอาหารได้ยังไง โดยการยกกรณีศึกษาของร้านอาหาร Rapid Fire Pizza ซึ่งเป็นร้านขายพิซซ่าที่ตั้งอยู่ที่อเมริกา จุดเด่นของร้านพิซซ่าร้านนี้คือ ทำพิซซ่าให้เสร็จพร้อมทานได้เร็วมากๆและยังมีบริการส่งถึงบ้านอีกด้วย
ร้าน Rapid Fire Pizza สาขา Fairfield ได้นำแชทบอทมาใช้ทำแคมเปญทางการตลาด ซึ่งทำให้ร้านสามารถสร้างรายได้จากแชทบอทมากถึง 16K USD หรือประมาณ 500k บาท ในเวลาเพียง 4 เดือน โดยที่ร้านอาหารไม่จำเป็นต้องใช้คนเข้ามาช่วยตอบแชทเลย
การทำแคมเปญแชทบอทสำหรับร้าน Rapid Fire Pizza มีผลลัพธ์ที่ดีมาก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ร้านค้ามีลูกค้าเพิ่มขึ้น 3,846 คน
- สร้างรายได้ 16,715.43 USD หรือ 505,307 บาท
- ใช้เงินค่าโฆษณาทั้งสิ้น 2,504.31 USD หรือ 75,719.07 บาท
ซึ่งหากคุณวัดผลแคมเปญจากตัวแปรที่ชื่อว่า ROAS (Return on Ads Spending) หรือรายได้เมื่อเทียบกับค่าโฆษณาที่ลงไป จะพบว่ามันมีค่าสูงมาก ถึง 670% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังไม่ต้องใช้แรงงานคนในการคอยดูแลอีกด้วย เพราะทางร้านใช้แชทบอทในการดูแลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านผ่านแคมเปญนี้ครับ ซึ่งทำให้เราสามารถลดค่าใ้ช้จ่ายเรื่องของแอดมินในการตอบลูกค้าไปได้อีกด้วย
ตอนนี้ทุกคนน่าจะกำลังสงสัยว่า ร้าน Rapid Fire Pizza ทำได้ยังไง!? อยากรู้วิธีการแล้วไปลองทำบ้างใช่ไหม!! ในบทความนี้ผมจะมาเปิดเผยวิธีการสร้างรายได้ครึ่งล้านใน 4 เดือน ด้วยการใช้แชทบอทในการทำแคมเปญการตลาด หากทุกคนพร้อมแล้วไปดูกันเลย
3 ขั้นตอน กลยุทธ์แชทบอทสำหรับร้าน Rapid Fire Pizza
เป้าหมายของแคมเปญของร้าน Rapid Fire Pizza คือ การที่ทำให้ลูกค้าที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียง มาทานพิซซ่าที่ร้าน Rapid Fire Pizza
กลุ่มเป้าหมายของแคมเปญนี้ :
- คนที่พักอยู่บริเวณร้าน Rapid Fire Pizza สาขา Fairfield
- มีแนวโน้มที่จะมาทานพิซซ่าที่ร้าน เมื่อได้รับส่วนลดพิเศษ
โดยสิ่งที่ต้องทำตลอดทั้งแคมเปญมีดังต่อไปนี้
- การให้ข้อมูลสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าตลอด 24 ชม.
- การเก็บข้อมูลลูกค้า
- การมอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้า
- การติดตามผลการใช้สิทธิพิเศษที่ลูกค้าได้รับ
ดังนั้นร้าน Rapid Fire Pizza จึงได้นำเครื่องมือ “แชทบอท” เข้ามาตอบโจทย์การให้ข้อมูลลูกค้า 24 ชม. การเก็บข้อมูลลูกค้าแบบอัตโนมัติ การมอบและติดตามการใช้สิทธิพิเศษของลูกค้า เรียกได้ว่าทำทุกอย่างครบวงจร ด้วยแชทบอทเพียงอย่างเดียว
รายละเอียดของแคมเปญ
การเสนอนำโปรโมชั่นพิเศษ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ให้กับลูกค้า โดยลูกค้าสามารถรับโปรโมชั่นได้ ผ่านการเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์นำเสนอโปรโมชั่นพิเศษ “ซื้อ 1 ฟรี 1” หลังจากนั้นแชทบอทจะมอบสิทธิพิเศษ “ซื้อพิซซ่า 1 ถาด ฟรี 1 ถาด” ผ่าน Facebook Messenger และเมื่อลูกค้าสั่งซื้อพิซซ่ากับแชทบอท แชทบอทก็จะเก็บข้อมูลการสนทนากับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ อีเมล ยอดการขายพิซซ่า แล้วส่งข้อมูลทั้งหมดนี้ไปเก็บไว้ที่ Google Sheet แบบอัตโนมัติครับ
โดยความพิเศษของแคมเปญนี้คือ การที่กระตุ้นให้ลูกค้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์บนแฟนเพจของทางร้าน โดยโพสต์ที่มีคอมเมนต์เยอะ (การมีส่วนร่วมสูง) จะทำให้ Facebook มองว่าโพสต์นี้เป็นโพสต์ที่ดี มีคุณภาพ และทำให้ Facebook ให้อัตราการเข้าถึงโพสต์นี้มากขึ้น อันเป็นผลทำให้โฆษณาถูกลงครับ
ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดกลุ่มเป้าหมายของโฆษณาบน Facebook
ร้าน Rapid Fire Pizza ได้ทำคอนเทนต์เพื่อการขายเป็น Photo Series ที่ทำให้ลูกค้ารู้ว่า
- หน้าพิซซ่าที่ร้านจำหน่ายมีแบบไหนบ้าง
- รายละเอียดโปรโมชั่น “ซื้อ 1 ฟรี 1”
- วิธีการรับสิทธิ์โปรโมชั่น “ซื้อ 1 ฟรี 1” โดยการโพสต์คอมเมนต์
หลังจากที่ร้าน Rapid Fire Pizza สร้างคอนเทนต์เพื่อโปรโมทเสร็จแล้ว ต่อมาก็จะเป็นขั้นตอนในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายสำหรับโฆษณา โดยร้านกำหนดกลุ่มเป้าหมายลักษณะนี้ครับ
- ทุกคนที่อยู่ในเมืองที่ร้าน Rapid Fire Pizza ตั้งอยู่ (โดยมีการแบ่ง Ads Set ตามช่วงอายุ และเพศ)
นี่คือผลลัพธ์จากการทำโฆษณาแคมเปญนั้นครับ โดยตัวแปรที่เราจะนำมาใช้วัดความสำเร็จของแคมเปญนี้ คือ จำนวนการคอมเมนต์ เพราะมันเป็นตัวแปรที่สะท้อนถึงจำนวนคนที่ได้รับสิทธิพิเศษ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ของร้าน Rapid Fire Pizza ครับ
ร้าน Rapid Fire Pizza ใช้เงินเพียง 216.76 USD หรือ 6,550 บาท มีคนมาคอมเมนต์ทั้งหมด 208 คอมเมนต์ ซึ่งเฉลี่ยแล้ว 1 คอมเมนต์ ราคาประมาณ 31 บาท (ราคาต่ำสุด 18 บาท)
ปล. อ่านมาถึงจุดนี้ ผู้อ่านอาจจะคิดว่า คอมเมนต์ละ 31 บาทก็ไม่ใช่ราคาที่ถูกๆ แต่ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจแบบนี้ก่อนว่าราคาโฆษณาขอกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ จะมีราคาไม่เท่ากัน
รูปจาก https://adespresso.com/blog/facebook-ads-cost/
ซึ่งโฆษณาที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายไปหาคนอเมริกาจะแพงกว่ากลุ่มเป้าหมายไปหาคนไทยครับ จากรูปตัวอย่างข้างล่างนี้
รูปจาก https://buffer.com/library/facebook-advertising-cost
- ราคาโฆษณาของกลุ่มเป้าหมายชาวอเมริกา จะมีการโฆษณาแบบคลิก 4.18 SGD
- ราคาโฆษณาของกลุ่มเป้าหมายชาวไทย จะมีการโฆษณาแบบคลิก 0.29 SGD เท่านั้น
ซึ่งนั่นหมายความว่า โฆษณาของกลุ่มเป้าหมายชาวไทย ถูกกว่าโฆษณาของกลุ่มเป้าหมายชาวอเมริกามากถึง 14 เท่า ดังนั้นผมอยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันนะครับว่า คอมเมนต์ละ 31 บาท สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่อเมริกา ถือว่าถูกมากๆครับ
ขั้นตอนที่ 2 : ลูกค้าคอมเมนต์ใต้โพสต์ แชทบอททักไปหาทันทีด้วย Manychat Growth Tool
ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายก่อนนะครับว่า แชทบอทของร้าน Rapid Fire Pizza จะสร้างจากแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Manychat เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับการสร้างแชทบอทสำหรับ Facebook Messenger โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีฟีเจอร์ต่างๆมากมายที่สามารถทำงานร่วมกับ Facebook Fanpage ได้
โดยแชทบอทที่สร้างจากแพลตฟอร์ม Manychat จะสามารถให้แชทบอททักไปหาลูกค้าที่มาคอมเมนต์ใต้โพสต์ได้ทันที ด้วยฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Facebook Comments Growth Tool เพื่อมอบโปรโมชั่นพิเศษ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ให้กับลูกค้าที่มาคอมเมนต์
รูปจาก https://manychat.com/blog/restaurant-chatbot-strategy-rapid-fired-pizza/
ตัวอย่างข้อความอัตโนมัติที่ส่งไปหาลูกค้าเมื่อคอมเมนต์ใต้โพสต์ ว่าให้ลูกค้าพิมพ์คำว่า “RAPID” เพื่อรับโปรโมชั่น
รูปจาก https://manychat.com/blog/restaurant-chatbot-strategy-rapid-fired-pizza/
เมื่อลูกค้าพิมพ์ข้อความว่า “RAPID” แชทบอทจะทักไปให้ลูกค้าใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ซึ่งหากลูกค้ายังไม่ใช้ ภายใน 20 วัน แชทบอทจะทักไปเตือนลูกค้าว่า อย่าลืมใช้สิทธิ์ก่อนหมดโปรโมชั่นนะครับ
รูปจาก https://manychat.com/blog/restaurant-chatbot-strategy-rapid-fired-pizza/
รูปข้างล่างนี้ แสดง Customer Journey ของลูกค้าในการเข้าร่วมแคมเปญของร้าน Rapid Fire Pizza ทั้งหมด ซึ่งจะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ
รูปจาก https://manychat.com/blog/restaurant-chatbot-strategy-rapid-fired-pizza/
- ลูกค้ามาคอมเมนต์ชื่อหน้าของ Pizza ที่ตัวเองอยากทาน ใต้โพสต์
- แชทบอทจะทักไปหาลูกค้าใน Facebook Messenger ว่า หากคุณต้องการรับโปรโมชั่นพิเศษ “ซื้อ 1 ฟรี 1” พิมพ์คำว่า “RAPID” กลับมา
- แชทบอทมอบสิทธิ์ การใช้โปรโมชั่น “ซื้อ 1 ฟรี 1” แก่ลูกค้า และถามว่าลูกค้าต้องการใช้เลยหรือไม่
- หากผ่านไปแล้ว 20 วัน แต่ลูกค้ายังไม่มีการใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” แชทบอทจะทักมาเตือนลูกค้าว่า อย่าลืมใช้สิทธิ์ก่อนหมดโปรโมชั่นนะครับ
- หากลูกค้าใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ไปแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้ซ้ำได้อีก
ขั้นตอนที่ 3 : เพิ่มความฉลาดให้แชทบอทของคุณด้วยการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลผ่าน Zapier
วันนี้ ข้อมูลที่ลูกค้าคุยกับแชทบอทของคุณสามารถถูกส่งไปเก็บในฐานข้อมูลได้ด้วย Zapier
ขออธิบายเสริมซักนิดหนึ่งว่า Zapier คืออะไร?
Zapier คือ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆให้เข้ากันได้ เช่นการส่งข้อมูลจากแชทบอทบน Facebook ไปเก็บข้อมูลใน Google Sheet เป็นต้น
ทำไมการเชื่อมต่อ แอปพลิเคชัน เข้าด้วยกันถึงต้องใช้ Zapierแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยตรงเลยไม่ได้เหรอ?
โดยปกติแอปพลิเคชันแต่ละแอปพลิเคชัน จะไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้โดยตรง หากคุณต้องการจะให้แอปพลิเคชัน 2 แอปพลิเคชัน เชื่อมต่อกัน คุณจะต้องมีสะพานในการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน (ที่นักพัฒนาโปรแกรมเราเรียกว่า API) ซึ่งปกติการที่สร้างสะพานเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน คุณจะต้องเขียนโปรแกรมเยอะมาก ซึ่งยุ่งยาก และไม่สะดวกกับบุคคลทั่วไป
แต่วันนี้ครับ หากคุณอยากสร้างสะพานเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน 2 แอปพลิเคชันเข้าด้วยกันโดยที่ไม่ต้องเขียนโปรแกรม คุณสามารถทำได้เอง โดยการใช้ Zapier ครับ
ร้าน Rapid Fire Pizza ได้ใช้ Zapier เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน 3 แอปพลิเคชัน เข้าด้วยกันได้แก่
1.แชทบอทสำหรับ Facebook ของค่าย Manychat
2.Drip ซึ่งเป็นระบบเก็บฐานข้อมูลลูกค้า สำหรับการทำระบบ Marketing Automation ซึ่ง 1 ฟีเจอร์ของ Drip ที่เราจะนำมาใช้ในแคมเปญนี้คือ การนำอีเมลที่เราเก็บในระบบ Drip มาสร้าง Custom Audience บน Facebook ได้แบบอัตโนมัติ
3.Google Sheet ใช้สำหรับเก็บข้อมูลลูกค้า
โดย Facebook Chatbot จะทำหน้าที่ส่งข้อมูลลูกค้าที่ใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” ไปที่ Drip และ Google Sheet ตามลำดับครับ
หลักการทำงานของกระบวนการนี้คือ
1.เมื่อลูกค้ากดใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” แชทบอทจะส่งข้อมูลอีเมลของลูกค้าไปที่ Drip
2.Drip จะนำอีเมลที่ได้มาจาก Manychat มาทำ Custom Audience ใน Facebook แบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถทำโฆษณาบน Facebook ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
3.ข้อมูลการใช้สิทธิ์ “ซื้อ 1 ฟรี 1” จะถูกนำมาเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ใน Google Sheet ด้วย เพื่อเราจะได้ติดตามได้ว่าลูกค้าแต่ละท่าน เขาชื่อ-นามสกุลอะไร E-mail ที่ใช้ติดต่อเขาคืออะไร ใช้เงินซื้อพิซซ่าในแคมเปญนี้เท่าไหร่
ผลลัพธ์ของแคมเปญนี้
การวัดผลจากการทำแคมเปญถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อที่เราจะได้รู้ว่ากลยุทธ์ที่เราใช้งานได้ผลมากน้อยเพียงใด เราควรจะทำแคมเปญนี้ต่อไปหรือไม่
ร้าน Rapid Fire Pizza ได้นำข้อมูลการสั่งซื้อพิซซ่าบน Google Sheet มาสรุปเป็นยอดขายพิซซ่าของคุณแต่ละเดือน ซึ่งทำให้เขาทราบผลลัพธ์ของการทำแคมเปญนี้ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์ของแคมเปญด้วยแชทบอทคือ ร้าน Rapid Fire Pizza สามารถสร้างรายได้ 16,715.43 USD หรือ 505,307 บาท ในเวลาเพียง 4 เดือน และสามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้มากถึง 3,846 ผู้ใช้งาน
และนี่คือตารางสรุปรายได้ของร้าน Rapid Fire Pizza ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึงมิถุนายนครับ
นี่แหละครับคือคำตอบว่า แชทบอทสามารถช่วยคุณทำงานได้ไหม? ปิดการขายได้หรือไม่ และลดการทำงานของร้านอาหารได้อย่างไรครับ
แขทบอทเป็น 1 ในเครื่องมือทางการตลาดที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อจุดประสงค์
- การทำโฆษณา หรือแคมเปญซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคนหรือแอดมินไปได้มาก
- การดูแลลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้คุณติดตามลความพึงพอใจ หรือ การใช้บริการของลูกค้าได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย
จริงๆแชทบอทยังสามารถนำไปใช้งานในกิจกรรมทางการตลาด ในด้านอื่นๆได้อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับการกำหนดหน้าที่และออกแบบการทำงานของแชทบอทของคุณ
สุดท้ายนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากรณีศึกษาของแคมเปญขายพิซซ่า “ซื้อ 1 แถม 1” จะเป็น 1 ในไอเดียกระตุ้นให้คุณเริ่มต้นนำเครื่องมือที่แสนฉลาดนี้ไปใช้ในธุรกิจ คุณสามารถลองนำกลยุทธ์ที่แสนฉลาดนี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณได้เลย หรือหากคุณอยากเริ่มใช้แชทบอทสำหรับธุรกิจของคุณ แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มอย่างไร หรือกำหนดแคมเปญยังไง
หากต้องการสอบถามรายละเอียดการใช้งานแชทบอทเพิ่มเติม
สามารถติดต่อได้ที่
LINE : @digitalsetup
เบอร์ 085-099-2551 (คุณอ๋อง)