จากงาน STEPS Forward Reunion 2018 มีการอัพเดท Digital Trend 2019 ที่พิเศษมากๆให้แก่นักเรียนเก่าของ STEPS ก่อนใคร โดยเนื้อหาจะพูดถึงเรื่องของ Digital Trend ในปี 2019
โดยคุณณัฐวีร์ ตันติสัจจธรรม (เอมมี่) ได้พูดถึงเรื่องของ The Next Trend of Digital Marketing 2019 และเป็นผู้สัมภาษณ์คุณสิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม(เก่ง) ในเรื่องของการนำดิจิทัลหรือเทคโนโลยีมาใช้กับงานฝั่งครีเอทีฟ
ปัจจุบันเป็นเรื่องธรรมดาที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นในทุกๆอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่ในชีวิตประจำวันของพวกเราด้วย ในตอนเช้าตื่นมาก็ต้องสัมผัสเจอกับเทคโนโลยีต่างๆ และเทคโนโลยีที่กำลังจะเข้ามาในอีกไม่นานและจะส่งผลอย่างมากกับธุรกิจของโลก นั้นคือ AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีที่ฉลาดสามารถคิดประมวลผลได้ด้วยตนเอง เรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากคลังข้อมูลขนาดใหญ่หรือ ที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อของ Big Data โดยที่ AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ กำลังจะเข้ามาในองค์กรเพื่อเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ แต่ AI จะสามารถทำงานได้ทุกรูปแบบหรือไม่ เรามาดูแนวคิดผ่านบทสัมภาษณ์ของ คุณสิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม (เก่ง) ผู้ก่อตั้ง RGB72 ครีเอทีฟเอเจนซี่
คุณเอมมี่ : เชิญแนะนำตัวหน่อยค่ะ
คุณเก่ง : ผมชื่อ เก่ง สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม CEO และ ผู้ก่อตั้ง RGB72 เป็นครีเอทีฟเอเจนซี่ ที่พัฒนามาจาก โปรดักชั่น ที่ทำเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น และพัฒนามาเรื่อยๆจนกลายเป็น ดิจิทัลเอเจนซี่ ปัจจุบันเป็น ครีเอทีฟเอเจนซี่
คุณเอมมี่ : AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ มีบทบาทอย่างไรบ้างสำหรับงานฝั่งครีเอทีฟ
คุณเก่ง : ถ้าพูดถึงเทรนด์ครีเอทีฟ เมื่อมี AI เข้ามา หากเรากำลังเปิดบริษัทแล้วอยากสร้างโลโก้ของบริษัท ถ้าเป็นแต่ก่อนคงต้องจ้างดีไซน์เนอร์ให้ออกแบบเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเราสามารถสร้างโลโก้เองจากเว็บไซต์ได้อัตโนมัติ
สมมติว่าเราต้องการเปิดร้านอาหารแล้วยังไม่มีโลโก้ของร้าน เราก็สามารถสร้างแบรนด์ได้โดยใส่ข้อมูลที่ต้องการ เช่น ต้องการเจาะกลุ่มวัยรุ่น เป็นอาหารคลีนสไตล์ฝรั่ง โดยใส่ความต้องการเพิ่มเติมเข้าไปได้เช่น ชอบสีเขียว เมื่อระบบ AI ได้ข้อมูลระบบจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลอันมหาศาลหรือ Big Data ที่มีอยู่ เพื่อนำมาสร้างโลโก้ที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด หรือ
ด้านของดนตรีก็สามารถนำระบบ AI เข้ามาใช้งานได้เช่นกัน เราสามารถสร้างเพลงของตัวเองผ่านเว็บไซต์ เพียงแค่ใส่ข้อมูล สไตล์เพลงที่เราชอบ เช่น เราชอบเพลง R&B อยากได้บีตส์เร็ว ความยาวของเพลงเท่าไหร่ เมื่อบอกความต้องการเสร็จระบบจะประมวลผลแล้วสร้างเพลงในรูปแบบที่คุณต้องการและไม่เหมือนใคร
มีอะไรหลายอย่างที่พยายามมาแทน Creativity หรือ ความคิดสร้างสรรค์ หลายคนพูดว่า AI (Artificial Intelligence) หรือ Machine Learning จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในองค์กร และเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ แต่ว่าอาชีพที่จะถูก AI มาแทนที่ที่ช้าที่สุด คืออาชีพ Creative หรือ คนที่สร้างสรรค์ผลงาน และอาชีพสุดท้ายที่จะเหลืออยู่คือ อาชีพ นักแสดงตลก เพราะ AI ไม่สามารถคิดมุขตลกเองได้
คุณเอมมี่ : สื่อดิจิทัลสำหรับวัยรุ่นปัจจุบันเราควรใช้สื่อแบบไหน
คุณเก่ง : เทรนด์สื่อปัจจุบันที่ทุกคนมองกันอยู่อาจไม่ใช่ Facebook เช่นเดิมอีกแล้ว เราได้ให้ความสนใจกับ Facebook น้อยลง เพราะว่าเด็กรุ่นใหม่เล่น Facebook ลดน้อยลง เด็กวัยรุ่นจะเปลี่ยนไปเล่นสื่ออื่นๆแทน มีกลุ่มปิดแบบส่วนตัว อย่าง Line Group ซึ่งเป็นกลุ่มที่เจาะจงมากขึ้นสำหรับคนที่มีความชอบในด้านใดด้านหนึ่งเหมือนๆกัน เขาจะเข้ากลุ่มนี้เพื่อได้พูดคุยกับคนที่มีความชอบความสนใจในเรื่องเดียวกันไปเลย เช่น กรุ๊ปคนชอบรองเท้าสีชมพู คนชอบเย็นตาโฟ กลุ่มคนชอบถ่ายรูป เป็นต้น
คุณเอมมี่ : เคล็ดลับในการสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่าง จำเป็นไหมที่ต้องใช้คอนเทนต์วิดีโอที่ต้นทุนสูง
คุณเก่ง : ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องราคาหรือลงทุนสูง “แต่อยู่ที่ ไอเดีย” หลายๆคลิปที่ทำแล้วดังเขาไม่ได้ใช้โปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่ ใช้คนทั่วๆไปในการถ่ายวิดีโอเล่าเรื่องราวออกมาในรูปแบบง่ายๆแต่สร้างสรรค์ ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างไม่จำเป็นต้องใช้โปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ถ้า
ไอเดีย ของคุณดีพอ ก็สามารถสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ได้
ในสินค้าเราสามารถมีมุมมองมากกว่าหนึ่งมุม มีจุดเด่นมากกว่าหนึ่งอย่าง
ยกตัวอย่างเช่นรองเท้าคู่หนึ่ง คนแรกอาจจะบอกว่าซื้อเพราะสวยเอาไว้ใส่ไปเที่ยว คนที่สองอาจบอกว่าซื้อเพราะใส่ออกกำลังกาย ดังนั้นเราควรดูว่าธุรกิจของเรานั้นมีมุมมองแบบไหน ซึ่งเราไม่จำเป็นจะต้องมองในมุมเดียวแบบตรงไปตรงมา
- บางคนทำร้านอาหารที่ใหญ่โต ใช้ของคุณภาพดี แต่จริงๆแล้วลูกค้ามาเพราะอยากมาถ่ายรูป เช็คอิน
- สินค้าบางอย่างคนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้ เช่น ดอกไม้ ผ้าอ้อมเด็ก
คุณเอมมี่ : ปัจจุบันคนให้ความสำคัญของฟังก์ชั่นมากกว่า Brand ทำให้ Brand Engagement ลดลงจริงรึเปล่า
คุณเก่ง : เมื่อมีนวัตกรรมเกิดขึ้นใหม่ ผู้บริโภคจะมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ในปัจจุบัน Brand Loyalty น้อยลง แต่ก็มีคำที่เป็นที่นิยมมากคือ “Brand Love” จะมีความเกี่ยวข้องกับ Brand Loyalty โดยคำว่า Brand Love หรือ เรารักในแบรนด์ จะให้ความรู้สึกที่เกิด Emotional หรือ อารมณ์มากกว่า Brand Loyalty
คุณเอมมี่ :แล้วเราต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเราเกิด Brand Love
คุณเก่ง : การที่เราจะทำให้ลูกค้าเกิด Brand Love ได้นั้นเราต้องสร้าง Community สร้างกลุ่มหรือชุมชน ให้กับแบรนด์ของเรา การสร้าง Community ให้เกิดขึ้นเมื่อเรามีสาวกหรือแฟนคลับ ของแบรนด์เรา ก็จะสามารถทำให้แบรนด์ของเราดำเนินต่อไปได้
ในยุคนี้ถ้าเราเข้าถึงลูกค้าโดยไม่ได้เน้นไปที่ฟีเจอร์แต่เข้าถึงด้วย Emotional (อารมณ์) จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เร็วกว่า ซึ่งเป็นเรื่องของกลไกของสมอง ในสมองของคนเราส่วนใหญ่จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เมื่อเราตัดสินใจซื้อสินค้าหนึ่งอย่างมักตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
กล่าวโดยสรุป
- ในอนาคต AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์แต่อาชีพที่ AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้อย่างเต็มรูปแบบคือเรื่องของ ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ความรู้สึก
- หากเราต้องการสร้างความแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆนั้น ไม่จำเป็นต้องลงทุนจำนวนมาก หากแต่จำเป็นต้องมี “ไอเดีย” ที่สามารถสร้างจุดเด่นและสามารถสร้างความแตกต่างที่เฉพาะตัวให้กับธุรกิจของเราได้
- การจะสร้าง Brand Love นั้นเป็นเรื่องของความรู้สึก ซึ่งหากต้องการที่จะครองใจลูกค้าเราควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าสร้างความรู้สึกที่ดี ทำให้ลูกค้ามีอารมณ์ร่วมไปกับแบรนด์ หากเขารู้สึกดีกับแบรนด์เมื่อเขาต้องการของสิ่งนั้นเขาจะนึกถึงเราเป็นอันดับแรก
