7 ขั้นตอน เทคนิคเขียนคำบรรยายสินค้า ให้สร้างยอดขายได้จริง

how-to-write-good-product-description

แน่นอนว่า เวลาเราต้องการซื้อสินค้าใดๆสักชิ้น เราคงอยากรู้รายละเอียดก่อนว่า สินค้านั้นๆเป็นอย่างไร ตรงกับที่เราต้องการหรือไม่ก่อนจะตัดสินใจซื้อ แต่ก็มีหลายต่อหลายครั้งที่เราล้มเลิกการซื้อไป เพราะรายละเอียดสินค้าที่ไม่ชัดเจน อีกทั้งไม่ได้อธิบายในสิ่งที่ตอบสนองความต้องการได้มากพอ

และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม คำอธิบายรายละเอียดสินค้า (Product Description) ถึงสำคัญ คำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ดีจะ “แนะนำ” ผู้บริโภคและ “โน้มน้าวใจ” พวกเขาให้เกิดการซื้อ หรือคลิกเพื่อจุดประสงค์บางอย่างได้

แล้วจะเขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์ (Product Description) อย่างไรให้เกิดยอดขายได้? ไปดู 7 ขั้นตอนเคล็ดลับเหล่านี้ไปพร้อมๆกันเลยค่ะ

1. วิเคราะห์ “Buyer Personas” ก่อนจะเขียนคำบรรยายสินค้า

“คำอธิบายผลิตภัณฑ์ที่ดี เริ่มต้นจากการรู้ว่าลูกค้าคือใคร ได้อย่างชัดเจนก่อน”

หากเราไม่ทราบว่าใครคือคนที่กำลังจะซื้อผลิตภัณฑ์ เราก็จะไม่ทราบเลยว่า ข้อมูลไหนที่ควรจะใส่หรือไม่ใส่ลงไปในคำบรรยายสินค้า

ลองมาดูตัวอย่างการอธิบายสินค้าของแบรนด์ Mountaineer ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จัดแต่งเคราดังรูปด้านล่างกันก่อนค่ะ

how-to-write-good-product-description how-to-write-good-product-description

บางคนอาจจะมองว่าคำบรรยายสินค้านี้ ยาวเกินไปหรือเปล่า

แต่ลองคิดในมุมมองที่ว่า ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยใช้น้ำมันจัดแต่งหนวดเครามาก่อน รวมถึงไม่เคยลองใช้สินค้าของแบรนด์ แน่นอนว่าเราก็จะไม่รู้วิธีใช้งาน รวมถึงข้อดีของสินค้า

ซึ่งทางแบรนด์เข้าใจและวิเคราะห์ลูกค้ามาเป็นอย่างดีว่า บุคคลที่จะซื้อมักเป็นผู้ที่มีหนวดเคราแต่อาจจะทราบหรือไม่ทราบวิธีการดูแล รวมถึงผู้ที่สนใจหลายคนอาจจะไม่รู้จักแบรนด์พวกเขามาก่อน ในคำอธิบายจึงไม่ได้ระบุแค่เพียงว่าชุดสินค้านี้จะได้รับอะไรไปบ้าง แต่ยังให้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับวิธีการใช้งาน รวมถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นลงไปด้วย 

อีกตัวอย่างหนึ่งที่เป็นสินค้าในสถานการณ์ตรงกันข้าม อย่าง “Apple” แบรนด์ดังที่ใครๆก็รู้จักอยู่แล้ว

how-to-write-good-product-description

สังเกตุว่าคำอธิบายเกี่ยวกับ Apple MacBook ในภาพ เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติทางเทคนิคของสินค้าเพียงอย่างเดียว แล้วทำไม Apple จึงอธิบายสินค้าแบบนี้ได้ล่ะ? มีเหตุผลสองประการว่าทำไมจึงใช้ได้

ประการแรก Apple เป็นแบรนด์ใหญ่ระดับนานาชาติ แค่เราพูดถึง “Apple MacBook” คุณก็คงรู้อยู่แล้วว่าสินค้าคืออะไร มีหน้าตาเป็นอย่างไร และทำอะไรได้บ้าง

ประการที่สอง Apple ออกแบบหน้าเพจยาว ที่เลื่อนลงมาแล้วจะเจอคำอธิบายประโยชน์ของผลิตภัณฑ์แทรกอยู่เรียบร้อยแล้ว ดังรูปด้านล่าง

how-to-write-good-product-description how-to-write-good-product-description

และนั่นจึงทำให้หน้าที่กดซื้อขายจริงทั้งในเพจเอง หรือในเว็บไซต์อื่นๆที่นำไปขาย ไม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอะไรมากมาย อีกทั้งคนที่ซื้อ Apple MacBooks มักจะเข้าใจข้อมูลทางเทคนิคของคอมพิวเตอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การอธิบายแบบนี้จึงยังใช้ได้อยู่สำหรับสินค้าของแบรนด์พวกเขา

โดยสรุปก็คือ เราจะต้องเข้าใจ และรู้จักกลุ่มคนที่ซื้อสินค้าก่อนไม่ว่าจะเป็น…

  • อายุ
  • เพศ
  • ความสนใจ
  • ระดับความรู้
  • ระดับของรายได้
  • ภาษา

สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่า ควรใส่คำอธิบายแบบไหนจึงจะเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณค่ะ

 

2. ใช้ทั้ง “คุณสมบัติ” และ “ประโยชน์” ของสินค้า กระตุ้นยอดขาย

Buyer Personas เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับข้อนี้ด้วยเช่นกัน ในการค้นหาแรงจูงใจในการซื้อ รวมถึงความกังวลของพวกเขา สิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนด คุณสมบัติ และประโยชน์ของสินค้าที่จะระบุไว้ในคำอธิบายผลิตภัณฑ์ด้วยค่ะ

ลองมาดูตัวอย่าง คำบรรยายสินค้าของแบรนด์รองเท้า Zappos รุ่น Sperry ดังรูปด้านล่างกันเลยค่ะ

how-to-write-good-product-descriptionจากรูปด้านบนจะเห็นว่า คำอธิบายนั้น ไม่ได้บอกแค่เพียงลักษณะ วัสดุ คุณสมบัติของรองเท้าเท่านั้น แต่ยังแทรกประโยชน์ในแต่ละจุดลงไปด้วย

how-to-write-good-product-description

ตัวอย่างเช่น คำอธิบายบอกว่า รองเท้าถูกบุด้วยหนังกลับ (Deerskin Lining) ถ้าไม่อธิบายเพิ่มก็อาจจะไม่ได้คิดต่อว่า บุหนังกลับแล้วเป็นประโยชน์ยังไง แต่พวกเขากลับอธิบายประโยชน์เพิ่มเติมไปว่า “บุหนังกลับในรองเท้าแล้วทำให้ความรู้สึกตอนใส่นั้นดีมากขึ้น”

เช่นเดียวกับอีกข้อหนึ่งที่อธิบายคุณสมบัติว่า รองเท้าชั้น Midsole หรือชั้นที่รับแรงกระแทกทำจากโฟม EVA ให้ประโยชน์ตรงที่ทำให้ใส่สบายและยืดหยุ่นได้ดี เป็นต้น

หากเราขายรองเท้านี้แข่งกับแบรนด์อื่นๆที่คล้ายกันในตลาด แล้วเราเข้าใจถึงความกังวลของลูกค้าเกี่ยวกับความพอดีและความสบายในการสวมใส่ และเลือกที่จะนำเสนอประโยชน์ของสินค้านี้ควบคู่กับคุณสมบัติที่มี ก็จะเป็นวิธีการที่ช่วยให้ลูกค้า หันมาซื้อแบรนด์ของเราแทนได้ค่ะ

อย่างไรก็ตามเมื่อจะลงมือเขียน คุณสมบัติ และประโยชน์ของสินค้า อยากให้คำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ก่อนด้วย 

  • ให้อธิบายในเชิงที่ว่า สินค้าแก้ปัญหาและช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างไร
  • ไม่จำเป็นจะต้องอธิบายประโยชน์ของสินค้าในทุกๆคุณสมบัติที่มีก็ได้ แต่ให้เลือกคุณสมบัติที่ให้ประโยชน์โดดเด่น ตรงกับความต้องการหรือแก้ปัญหาลูกค้าได้ตรงที่สุดแทน

 

3. ใช้โทนเสียงของการอธิบายที่บ่งบอกว่าเป็นแบรนด์เรา

หลายครั้งเราจะสังเกตเห็นว่า คำบรรยายสินค้าในแต่ละแบรนด์ จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน บางแบรนด์ใช้คำที่ให้ความรู้สึกหรูหรา บางแบรนด์ให้ความรู้สึกเรียบง่าย เข้าถึงง่าย ซึ่งคำบรรยายสินค้าที่ดี จะต้องอ่านแล้วให้ความรู้สึกที่ไปในโทนเดียวกับแบรนด์ด้วย

เราลองมาดูตัวอย่างคำบรรยายสินค้าจากแบรนด์ Missguided แบรนด์จำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น ที่เน้นความเรียบง่าย เป็นกันเอง ใครๆก็จับต้องได้กันดูค่ะว่า พวกเขาจะใช้โทนการเขียนออกมาเป็นอย่างไร

how-to-write-good-product-description

จากตัวอย่างจะเห็นว่าแบรนด์นี้ จะใช้ถ้อยคำง่ายๆ แม้จะใส่รายละเอียดของสินค้าอย่างเช่น ขนาดและวัสดุลงมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความรู้สึกเมื่อสวมใส่มากกว่า ว่าใส่ชุดนี้แล้วจะทำให้รู้สึกเซ็กซี่ มีสไตล์ ใส่แล้วให้ความรู้สึกของปาร์ตี้ (Party vibes) ดังที่อธิบายในภาพค่ะ

นอกจากนี้ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าตัวอักษรที่ใช้นั้นเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด รวมถึงเมนู และปุ่ม CTA ในรูปด้านล่างด้วย

how-to-write-good-product-description how-to-write-good-product-description

ซึ่งทั้งหมดสะท้อนความรู้สึกของแบรนด์ไปในทิศทางเดียวกันว่า เน้นความเรียบง่าย ใครๆก็เข้าถึงได้ ไม่ได้เป็นทางการหรือจริงจังเกินไป

ลองมาเปรียบเทียบกับอีกแบรนด์หนึ่ง ที่ขายสินค้าเป็นกระเป๋าแบรนด์ Versace ราคา 3,000$ หรือประมาณ 93,000 กันดูค่ะว่าต่างกันยังไง

how-to-write-good-product-description

สังเกตุว่าคำอธิบายทั้งหมดรวมๆนั้น จะเน้นให้เห็นถึงคุณภาพและความมีระดับของสินค้า มีการใช้คำเน้นคุณสมบัติอย่าง  “Exceptional (พิเศษ)” “Iconic (โดดเด่น)” และ “One-of-a-kind (แตกต่าง)” ซึ่งจะแตกต่างจากแบรนด์แรกที่มีความเรียบง่ายกว่า ตามโทนของแบรนด์

นั่นแหละค่ะ ไม่ว่าโทนแบรนด์ของเราจะเป็นอย่างไร สนุกสนาน ทางการ หรูหรามีระดับ อย่าลืมที่จะใช้โทนเสียงของการอธิบาย ให้สอดคล้องกับโทนของแบรนด์ด้วยนะคะ

 

4. ใช้ “Bullet Points” ให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น

ในยุคออนไลน์ที่มีข้อมูลมากมายผ่านตาในแต่ละวัน เราคงไม่สามารถนั่งอ่านเก็บรายละเอียดทุกๆข้อมูลที่ผ่านเข้ามาได้ เราจึงมักให้ความสำคัญหรือสนใจกับรายละเอียดหลักที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น ยิ่งคอนเทนต์ไหนที่ดูไม่เยอะ อ่านง่าย คัดแต่ใจความสำคัญ คอนเทนต์นั้นก็มีโอกาสที่คนทั่วไปจะอยากอ่านมากกว่า

ซึ่งวิธีการง่ายๆที่จะทำให้โฆษณาสินค้า รวมถึงบทความต่างๆน่าอ่านขึ้น ดูง่ายมากขึ้น “Bullet Points” คือสิ่งที่จะช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ 

ลองมาดูตัวอย่างการใช้งาน “Bullet Point” กันค่ะ

how-to-write-good-product-description

โดยทั่วไปแล้ว Bullet point มักจะใช้กับการแสดงฟืเจอร์หรือคุณสมบัติหลักของสินค้า ดังตัวอย่างด้านบน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ลูกค้าอยากรู้ที่สุด การใช้ Bullet point จะช่วยให้คนอ่านเห็นส่วนสำคัญนี้ได้เร็ว และง่ายมากขึ้น

เรามาดูอีกหนึ่งตัวอย่างที่ใช้งาน Bullet Points ได้เป็นอย่างดีกันค่ะ  

how-to-write-good-product-description

จากตัวอย่างจะเห็นว่า พวกเขามีการใช้ Bullet Point ในการบอกเล่าว่าสินค้าว่าช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง โดยเราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาไปอ่านคำบรรยายยาวๆ ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าสินค้านั้นดีอย่างไร ผ่าน Bullet Point ค่ะ

 

5. เลือกใช้คำศัพท์ช่วยเสริมความน่าสนใจ

ถ้ายังจำกันได้ ในตัวอย่างคำอธิบายกระเป๋าของแบรนด์ Versace ในหัวข้อที่ 3 จะเห็นว่าพวกเขาก็เลือกใช้คำอย่าง “One-of-a-kind” เพื่อเสริมให้รู้สึกว่าสินค้าของพวกเขานั้นแตกต่าง และน่าสนใจค่ะ

ลองเปรียบเทียบดูระหว่างหัวข้อ “7 เคล็ด (ไม่)ลับ เพิ่มยอดธุรกิจผ่าน INSTAGRAM” กับ “7 วิธีเพิ่มยอดธุรกิจผ่าน INSTAGRAM” แบบไหนน่าสนใจกว่ากัน? แค่เพียงเราเปลี่ยนคำเล็กๆน้อยๆจาก “วิธี” เป็น “เคล็ดไม่ลับ” เท่านี้ก็สามารถทำให้คอนเทนต์และโฆษณาสินค้าของเราน่าสนใจมากขึ้นได้แล้ว

คำขยายช่วยเสริมพลังให้คอนเทนต์น่าสนใจมากขึ้น

how-to-write-good-product-description

เราลองมาดูตัวอย่างคำบรรยายสินค้าในโฆษณานี้กัน

how-to-write-good-product-description

จากตัวอย่างจะเห็นว่า KFC มีการใช้ Headline ที่น่าดึงดูดใจอย่าง “คู่หู..ดูโอ” แทนคำธรรมดาๆทั่วไป และมีการใช้คำขยายเสริมเข้าไปอีกอย่างคำว่า “สูตรพิเศษ” “รสชาติเข้มข้น” เพื่อให้รู้สึกถึงรสชาติที่ต้องอร่อยๆแน่ๆของซอสดังกล่าวนี้ค่ะ

ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่างคำบรรยายสินค้าจาก Nescafe กันค่ะ

how-to-write-good-product-description

จากตัวอย่างจะเห็นว่า แบรนด์ก็ใช้คำขยายอย่าง “คุณภาพ” “คัดเฉพาะ” “อย่างตั้งใจ” เพื่อขยายให้รู้สึกถึงความพิเศษของเมล็ดกาแฟของเขา มีการใช้คำอย่าง “กลมกล่อม” “เกินห้ามใจ” เพื่อให้ความรู้สึกอยากลิ้มลองรสชาติของกาแฟที่ชงจากสินค้าของพวกเขามากขึ้น เป็นต้นค่ะ

อย่าลืมค้นหาคำใหม่ๆ น่าสนใจ เหมาะกับสินค้าและบริการของคุณ มาใช้เสริมทัพการเขียนให้ผลิตภัณฑ์น่าซื้อมากขึ้นนะคะ

 

6. คำโฆษณา หรือคำบรรยายสินค้าควรเอื้อต่อ SEO ด้วย

นอกจากคำที่ใช้จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าแล้ว ยังมีผลต่อ SEO ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้คนพบเจอกับสินค้าและบริการที่เราต้องการนำเสนอด้วย

มีการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานให้กับ Amazon ได้ระบุว่า การใส่ Keyword ลงไปในคำบรรยายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Bullet Point เป็นตัวช่วยสำคัญที่ส่งผลต่ออันดับการค้นหาบน Search Engine

และนี่คือหนึ่งตัวอย่างสินค้าที่ถูกค้นหาเจอเป็นอันดับแรกเมื่อค้นหาด้วยคำว่า tangle-free vacuums ในเว็บ Amazon

how-to-write-good-product-description

สังเกตุดูจะเห็นว่า หน้าสินค้านี้มีการใส่ Keyword ลงไปใน Bullet Point ของคำบรรยายสินค้า ในจุดที่ขีดเส้นใต้ดังรูป ซึ่งเมื่อลองค้นหาบน Google ด้วยคำเดียวกันกับที่ค้นหาใน Amazon ก็ให้ผลลัพธ์เป็นอันดับแรกของการค้นหาเช่นเดียวกัน ดังรูปด้านล่าง

how-to-write-good-product-description

อย่างไรก็แล้วแต่ ก็ไม่เสมอไปที่การใส่ Keyword ในคำบรรยายสินค้าจะส่งผลให้ติดดับแรก บางครั้ง Keyword ที่ถูกใส่ลงไปใน Headline ก็ส่งผลให้ติดอันดับแรกของการค้นหามากกว่า ดังรูปด้านล่าง

how-to-write-good-product-description

นั่นหมายถึงว่า เราควรจะใส่ Keyword ควบคู่กันทั้ง Headline และคำบรรยายสินค้า 

มีคำแนะนำจาก Shopify ถึงจุดที่เราควรจะใส่ Keyword ลงไปว่าควรมีดังต่อไปนี้

  • Page Titles : ชื่อหน้าเพจ
  • Meta Descriptions : คำอธิบายหลักที่มักเห็นอยู่ใต้หัวข้อของบทความนั้นๆ
  • ALT Tags : ข้อความที่ใช้อธิบายรูปภาพ
  • A Page’s Body Content (Product Descriptions) : ส่วนเนื้อหาของคอนเทนต์

อย่างไรก็ตาม เราจะต้องดูความเกี่ยวข้องกันด้วยว่า Keyword ที่คนมักค้นหาเยอะนั้น ตอบโจทย์กับสินค้าของเราหรือเปล่า เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะค้นหาคุณเจอ แต่เข้ามาแล้วสินค้าไม่ตรงกับสิ่งที่ต้องการค้นหาจริงๆ นั่นก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์กับยอดขายอยู่ดี ดังนั้นจะต้องทำให้สอดคล้องกันจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเรามากที่สุดค่ะ

 

7. ใช้รูปภาพ หรือสื่อรูปแบบอื่นๆ แทนตัวอักษรมากขึ้น

จริงๆแล้ว คำบรรยายสินค้า ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในรูปของตัวอักษรเพียงอย่างเดียว ยังมีอีกหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ที่สามารถอธิบายสินค้าออกมาได้ดีเช่นกัน

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ข้อมูลออนไลน์ที่ผ่านตาทุกวันนี้มีเยอะมาก ทำให้บางครั้งหลายคนเลือกที่จะข้ามการอ่านคำบรรยายสินค้าที่เป็นคำบรรยายไป และเลือกดูรูปภาพ วิดีโอของสินค้าแทน

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอีกว่า 63% ของลูกค้า มักจะเชื่อรูปภาพดีๆ จากสินค้าจริงมากกว่าคำอธิบายเสียอีก

และในบางสถานการณ์ บางประเภทของสินค้า การใช้รูปอธิบายแทนคำพูดนั้นให้ข้อมูลที่ชัดเจนกว่า ดังตัวอย่างรถจักรยานด้านล่าง ที่ต่อให้บรรยายยังไง ก็คงไม่เห็นภาพที่ชัดเจนได้เท่ากับใช้รูปค่ะ

how-to-write-good-product-description

อย่างไรก็ตาม จะเป็นประโยชน์มากกว่าถ้าคุณประยุกต์ใช้ คำบรรยายสินค้าแบบตัวอักษร ร่วมกับสื่อรูปแบบอื่นๆ ดังตัวอย่างด้านล่าง ที่มีการใช้ไอคอนต่างๆแบ่งแยกการนำเสนอส่วนสำคัญแทน Bullet Points ประยุกต์รวมกับรูปภาพ ให้ชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังมีวิดีโอการใช้งานจริงรวมอยู่ด้วย ครบวงจรแบบนี้ แน่นอนว่าถ้าเทียบกับร้านอื่นๆที่บรรยายธรรมดาเพียงอย่างเดียว ร้านนี้ก็ต้องน่าเชื่อถือ และน่าสนใจมากกว่าใช่ไหมล่ะคะ

how-to-write-good-product-description

สรุป

ทั้งหมดนี้คือวิธีการขั้นตอนสำคัญๆ 7 ข้อ ที่จะทำให้คำบรรยายสินค้าของคุณ ช่วยผลักดันให้เกิดยอดขายได้ ลองผสมผสานแต่ละข้อเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ

  • วิเคราะห์ลูกค้าก่อนเขียน
  • นำเสนอประโยชน์ของสินค้าควบคู่กับคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจ
  • มีการใช้ Bullet Point ให้อ่านง่าย คัดเฉพาะที่สำคัญๆ และอยากนำเสนอ
  • อย่าลืมให้ความสำคัญกับ Keyword หรือ SEO ควบคู่กันไปด้วย
  • อีกทั้งลองหาคำขยายที่น่าสนใจ ดึงดูดใจ มาเสริมให้สินค้าของเราน่าซื้อมากขึ้น
  • นอกจากถ้อยคำที่น่าสนใจแล้ว ลองแทรกด้วยรูปภาพ หรือวิดีโอ เพื่อให้คนอ่านเห็นภาพจริงๆ เชื่อถือในสินค้า และทำให้หน้าเพจ หรือโฆษณาของเราไม่น่าเบื่อด้วยค่ะ
  • สุดท้ายก็อย่าลืมนำเสนอในแบบที่เป็นตัวเองด้วยนะคะ

สุดท้ายนี้ถึงตาของคุณแล้วค่ะ ลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้กับการตลาดของคุณดูนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจในเรื่องนี้ และถ้าหากใครสนใจเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรู้อื่นๆในด้านการเขียน Content สามารถเรียนเพิ่มเติมได้ในหลักสูตร Digital Content Marketing ตามลิงก์นี้ได้เลยค่ะ https://stepstraining.co/digital-content-marketing

ที่มา

https://neilpatel.com/blog/write-better-product-descriptions/

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

5 Checklist สร้างคอนเทนต์ดี ๆ เปิดประสบการณ์ผู้อ่าน ชวนให้บอกต่อได้ไม่รู้จบ
5 ข้อผิดพลาดที่มักถูกละเลย เมื่อคุณเขียน COPYWRITING