สร้างแบรนด์(ให้โดนใจลูกค้า)มีสูตรสำเร็จจริงหรือไม่?

does-create-brand-have-formula

Branding Highlight 

  • บาง Brand ถึงจะมี สินค้าที่มีคุณสมบัติคล้ายๆ กันกับคู่แข่ง แต่ Brand ของเขาตอบโจทย์ในด้านอารมณ์ ความเชื่อ หรือแนวคิด กลุ่มผู้บริโภค ที่มีความเชื่อในแบบเดียวกัน “จะรู้สึกสัมผัสถึงกันได้” ก็จะชอบ Brand นั้นๆ
  • เริ่มต้นการสร้าง Brand ที่ดีที่สุด คือการรู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจนี้เพื่ออะไร หรือการหา Why ของตัวเองให้เจอ แล้วค่อยสร้าง พัฒนาธุรกิจ หรือบริการ ให้เป็นเลิศที่สุด นั่นแหละคือการสร้าง Brand แบบพื้นฐานเลย

 

วันนี้ทางทีมงาน STEPS Academy ได้มีคอนเทนต์ดีๆมากแบ่งปันกันค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ทำธุรกิจและนักการตลาดโดยเฉพาะ เป็นเรื่องที่หลายๆท่านอาจมองข้ามความสำคัญ แต่….จริงๆแล้วเป็นเหมือนหัวใจหลักของการทำธุรกิจ หัวใจที่ทำให้คุณ โดดเด่น แตกต่าง และเข้าถึงใจลูกค้า นั้นก็คือ เรื่องของ Branding 

ซึ่งวันนี้ทางทีมงานได้มีบมสัมภาษณ์ คุณ กอล์ฟ นันทวัฒน์ ชัยพรแก้ว หรือที่เรารู้จักกันในนาม คุณกอล์ฟ Founder / Father of NAWIN consultant  ครีเอทีฟชื่อดังระดับโลกที่สั่งสมประสบการณ์มาจากเอเจนซี่ระดับโลกในต่างประเทศ เช่น Y&R ฮ่องกง, Bartie Bogie Hegarty ลอนดอน และ เป็นกรรมการตัดสินความคิดสร้างสรรค์โฆษณาทั้งในและต่างประเทศ เช่น London International Award แค่ดูประวัติของคุณกอล์ฟก็อยากรู้แล้วใช่ไหมคะ ว่าวันนี้เรามีอะไรมาฝากกันบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

Q : ธุรกิจที่มี Branding แข็งแรง ต่างจากธุรกิจที่ไม่มี Brand อย่างไรบ้าง?

A : ธุรกิจที่ Branding แข็งแรง ข้อดีคือว่า จะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่เป็น “ต้องทำสงครามตัดราคากัน” ส่วนใหญ่สินค้าหรือบริการ ที่ไม่ได้ทำ Branding ที่ดี มันจะกลายเป็นตัวเลือก ซึ่งลูกค้าจะไม่เห็นความแตกต่าง และมองหาว่าใครทำสินค้าได้ถูกกว่ากัน

ในขณะที่ Brand ที่มีความแข็งแรงอยู่แล้ว จะมีฐานลูกค้าที่ชื่นชอบอยู่แล้ว พร้อมที่จะเลือก และเขาไม่ได้เลือกเพราะราคาถูกที่สุด แต่เลือกเพราะเขาเชื่อใจ เพราะเขารู้จัก และมีความคุ้นเคย ไม่ใช่สินค้าแปลกหน้า

“ถ้าสินค้าไม่มี Brand ก็เหมือนเป็นสินค้าแปลกหน้า” มันทำให้เขาไม่แน่ใจ แล้วเขาต้องเครียดกับ สินค้าแปลกหน้าอีกหลายๆ ยี่ห้อ เพื่อตัดสินใจเลือกสินค้าที่ราคาถูกที่สุด

แต่ถ้าเป็น Brand ที่คนรู้จัก และมีความน่าเชื่อถือแล้ว ลูกค้าจะยอมจ่ายมากกว่าเพราะความเชื่อใจ

If-product-don't-have-brand-it-like-stranger

 

Q : หัวใจของการสร้าง Brand ให้คนจดจำ คืออะไร ?

A : การที่ Brand มีจุดยืน มีความแตกต่าง หรือการที่ Brand สร้างความหมายในใจผู้บริโภคได้บาง Brand อาจมีสินค้าที่มีคุณสมบัติคล้ายกับคู่แข่ง แต่ถ้า Brand ไหนที่ตอบโจทย์ในด้านอารมณ์ ความเชื่อ หรือแนวคิด กลุ่มผู้บริโภคที่มีความเชื่อแบบเดียวกันกับ “จะรู้สึกสัมผัสถึงกันได้” ก็จะชอบ Brand นั้นๆ

อย่างเช่น ไทยประกันชีวิต คนรู้สึกว่า Brand ถูกสร้างมานาน และเตือนสติบริโภคมานาน “เรื่องการดูแลคนที่คุณรัก” เกี่ยวกับเรื่องของการดูแลตลอดไป ซึ่งนี่คือตัวอย่าง Brand Emotional

ถ้าจะทำประกัน ก็จะนึกถึงไทยประกันชีวิตเป็นอันดับต้นๆ อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมชอบคือ BBQ Plaza เขาไม่ได้อยู่จุดที่พูดว่า รสชาติเราอร่อย หรือเราเป็นตัวจริงเรื่องปิ้งย่างแต่เขาได้ทำ Branding ด้วยการ มี Passion ที่จะส่งมอบความสุขด้วยการทำมื้อนี้ ให้ดีที่สุดเพื่อผู้บริโภคซึ่งตัวอย่างจะเป็นการสร้าง Emotional ซึ่งไปไกลว่า Functional

 

Q : การสร้าง Branding มีสูตรสำเร็จตายตัวหรือไม่ ?

A : ไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะว่า “การตลาดคือการสื่อสารกับคน” ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายด้วย หากกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนการสื่อสารก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วยเช่นกันเราจึงต้องสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ เราจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นอย่างไร จะแก้ปัญหาให้เขาได้อย่างไร ด้วยสิ่งที่ยังไม่ถูกเติมเต็มในชีวิตเขาและเมื่อสินค้าของเราถูกกำหนดด้วย Brand เข้าไปเติมเต็มสิ่งที่ลูกค้าต้องการแล้วส่งมอบคุณค่าที่มีความหมายให้แก่ลูกค้าของเรา

 

Q : สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นสร้าง Brand ควรจะเริ่มต้นจากจุดไหน ?

A : เริ่มต้นการสร้าง Brand ที่ดีที่สุด คือการรู้ว่าเราอยู่ในธุรกิจนี้เพื่ออะไร หรือการหา Why ของตัวเองให้เจอแล้วค่อยสร้าง พัฒนาธุรกิจ หรือบริการ ให้เป็นเลิศที่สุด นั่นแหละคือการตลาด คือการสร้าง Brand แบบพื้นฐานเลยบางคนไม่ได้มีความคิดว่า จะเอางบประมาณไปพัฒนาสินค้าให้ดีที่สุด แต่มีความเชื่อผิดๆว่าการทำ Branding คือการลงทุนทำโฆษณาให้ดีที่สุด

ถ้าเปรียบเทียบกับของขวัญ บางคนจะมองว่า Branding เป็นแค่โลโก้ เป็นแค่กระดาษห่อของขวัญสวยๆเป็นเพียง ภาพลักษณ์ แต่จริงๆ Branding มันคือ ของขวัญที่อยู่ในกล่อง ว่าของมันดีหรือเปล่าถ้าของมันดี โดนใจผู้บริโภค แล้วถูกกำหนดด้วยอัตลักษณ์ต่างๆ พร้อมด้วยการนำเสนอที่น่าประทับใจ

สุดท้าย Branding คือการผลิตสินค้าหรือบริการที่ดี แล้วผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้าและบริการ แล้วเกิดความประทับใจ เพราะมันตอบโจทย์โดนใจ และมันเกิดการใช้ซ้ำ และบอกต่อเพื่อนๆ ที่รู้จัก

Branding-is-great-product-and-service

“Branding มันเกิดจากสินค้าและบริการที่ดีที่สุดก่อน”

 

Q : การเข้ามาของ Digital ทำให้การสร้าง Branding แตกต่างจากยุคก่อนอย่างไร ?

A : ถ้าเป็นสมัยก่อน การจะเปิดตัวสินค้าหนึ่งชิ้น ด้านตลาดก็จะเป็นการหา Big Idea แล้วทำหนังโฆษณาและซื้อสื่อให้คนเห็น อย่างเช่น TV, Magazine Ad, Billboard คือ การจะมีจุดขาย อาจต้องมีการจัด โปรโมชั่น แล้วก็หวังว่าคนจะพูดกันปากต่อปาก มันจะเกิดขึ้นเอง จากผู้บริโภค

แต่ปัจจุบันพอมีดิจิทัลเข้ามา การมีการวางแผนการสื่อสารที่ดีจะไม่ใช่การเทงบ ไปแค่สื่อใดสื่อหนึ่งจนหมดหน้าตัก แต่เป็นการกระจายไปทุกๆ Touchpoint ที่กลุ่มเป้าหมายเราจะพบเจอได้ในชีวิตประจำวันทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ เพียงแต่ในออนไลน์เราสามารถใช้ “Micro Influencer” ที่เป็นคนทั่วไป มารีวิวสินค้า เราสามารถที่จะไปดูพฤติกรรมการค้นหาว่าเขาค้นหาอะไร ก่อนที่จะเลือกซื้อสินค้า

ซึ่งเราสามารถที่จะอยู่ในทุกๆ จุดได้ เราเอา Brand ของเรา แนวความคิดหลักของเรา ไปอยู่ในทุกๆ Journey ของลูกค้า แล้วมันมีอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างจาก Branding ยุคก่อนคือ เราสามารถที่จะทำ “Tailor made” หรือการออกแบบให้เหมาะสมกับคนแต่ละคน แทนที่จะมีงบ 3 ล้านแล้วทำหนังหนึ่งเรื่องเหมือนสมัยก่อน ในปัจจุบันมันกลายเป็น หนัง 5 เรื่อง ในราคาล้านเดียว แล้วในแต่ละเรื่องก็จะออกแบบมาเพื่อ “กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป”

อย่างที่ผมเคยทำคือ Project Sesamilk เราก็ใช้งบโปรดักชั่นที่ไม่สูงมากจนเกินไป และทำเป็นซีรี่ส์ คลิปวิดิโอสั้นๆ 5 คลิปเพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน เพราะบางครั้งสินค้ามีจุดขายมากกว่าหนึ่ง โดยแต่ละจุดขายมันก็ดึงดูดคนแตกต่างกัน ถ้าเป็นยุคก่อนเราคงต้องเสี่ยงดวง ฟันธง หาคำหนึ่งคำ เพื่อกระจายในทุกๆ สื่อ

แต่ตอนนี้หลักๆ คือจะรู้ว่าเรามี Brand Idea แต่เราจะเล่ายังไงให้ถูกใจกลุ่มคนที่แตกต่างกัน ในแต่ละฟีเจอร์ที่น่าจะดึงดูดคนได้และสามารถที่จะเจาะจงสื่อไปที่กลุ่มเป้าหมายนั้นได้ แล้วข้อดีของ Digital Marketing ก็คือมันวัดผลได้ ในระหว่างที่ทำแคมเปญ เราสามารถปรับเปลี่ยนแล้ววางทำแคมเปญใหม่ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้แคมเปญเสร็จ ถ้าเป็นสมัยก่อนเราก็คงต้องทำ Post Research ขึ้นมาก่อน ทำให้งบประมาณถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น “ถ้าใช้เป็นและมีทีมงานที่เข้าใจ”

 

Q : การที่เรามี Branding ที่แข็งแรง จะสามารถเอาชนะเรื่องราคาได้หรือเปล่า ?

A : ยกตัวอย่าง เสื้อยืดคุณภาพดีที่ผลิตในบ้านเรา (Made in Thailand) ที่ขายตามจตุจักรทั่วไปมันอยู่ตัวที่ 300-500 บาท แต่ว่าเสื้อยืด Adidas กลุ่ม Y3 ก็ผลิตที่เมืองไทยเหมือนกัน แต่เค้าขายตัวละ 4,000-5,000 บาท แล้วใช้วัสดุที่ไม่ต่างจากเสื้อตัวละ 500 ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องมาลดราคาสู้กับตลาดนัด เพราะเขามี Brand ที่แข็งแรง และมีคนที่ติดตามและชื่นชอบใน Brand นั้นอยู่แล้ว มันขึ้นอยู่กับว่า Brand คุณมีฐานแฟนหรือเปล่า คุณได้ออกสินค้าที่โดนใจฐานแฟนของคุณจริงๆหรือเปล่า ทั้งในแง่ของคุณภาพ ในแง่การออกแบบ ในแง่ของการใช้งาน แต่ถ้า Brand ของคุณไม่แข็งแรง สุดท้ายคุณก็ต้องพาแบรนด์ไปอยู่ในสงครามตัดราคา

ปัจจุบันมันมีหลายธุรกิจที่เมื่อก่อนเป็น OEM หรือ (Origianl Equipment Manufacturer) คือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง ให้กับต่างประเทศก็ลุกขึ้นมาสร้าง Brand ของตัวเอง เพราะในเมื่อเค้าผลิตได้อยู่แล้ว เค้าก็อยากลงทุนในการสร้าง Brand เพราะจะทำให้เขาได้กำไรที่สูงขึ้น

 

Q : ทำไม Brand ถึงมีอิทธิพลกับลูกค้าเป็นอย่างมาก ?

A : เขาออกแบบสินค้าหรือบริการได้โดนใจผู้บริโภคจริงๆ คือคำตอบจริงๆ นี่คืออย่างแรก ยกตัวอย่าง เช่นสินค้า Brand Name มันเป็นการโชว์สถานะ ว่าฉันเป็นคนมีเงิน ฉันเป็นคนมีสไตล์ แล้วสินค้า Brand Name High-End ของสินค้าแฟชั่น สามารถตอบโจทย์ความต้องการในสิ่งนั้นได้จริงๆ เขาจึงไม่ต้องอยู่ในสงครามลดราคา หรือในบางที Branding คือความน่าเชื่อถือ เขาสามารถที่จะส่งมอบธุรกิจ ส่งมอบบริการได้ไม่ขาดตกบกพร่อง เพื่อจะได้เกณฑ์ความน่าเชื่อถือ

 

Q : Branding ช่วยกำหนดเป้าหมายหรือแนวทางในอนาคตให้กับธุรกิจได้อย่างไรบ้าง? 

A : มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรมปัจจุบัน และไปสู่อนาคตมันจะเข้าสู่การทำ Niche Marketing คือกลุ่มเป้าหมายขนาดเล็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ผู้ประกอบการก็เริ่มที่จะไม่จับกลุ่มกว้างๆ คนที่เลือกผลิตสินค้าขึ้นมาสำหรับทุกคนทุกเพศทุกวัย จะไม่ค่อยมี Brand ใหม่ๆ แจ้งเกิดได้

แต่ละธุรกิจ จะเริ่มเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงในแบบของตัวเอง ว่าจะจับกลุ่มคนที่รักโลก Organic ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มันจะไม่ใช่สินค้าที่ ผลิตจากสารสกัดแบบ A แบบ B เท่านั้น มันจะเป็นการตลาด Niche Marketing มากขึ้น เพราะจะโฟกัสกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายกว่า ใช้เม็ดเงินการตลาดน้อยกว่า

ยกตัวอย่างเช่น Brand ไส้กรอกก็มีอยู่หลายยี่ห้อ แต่มี Brand หนึ่งที่ผลิตไส้กรอกสำหรับเด็ก ที่ไม่ใส่ไนเตรต ไม่ใส่สารที่ไม่ดี สำหรับแม่ที่อยากกินไส้กรอก หรือซื้อไส้กรอกให้กับลูก มันไม่ใช่การที่คิดจะทำแค่ไส้กรอก แต่แบรนด์โฟกัสแล้ว ว่าฉันจะทำไส้กรอกที่ไม่มีสารอันตราย เพราะต้องการจับกลุ่มผู้บริโภคที่ยังต้องการกินไส้กรอกคุณภาพดี และไม่มีสารอันตราย แล้วที่นี้เวลาทำ Boost Post เป้าหมายก็ชัดเจน ว่าคือกลุ่มแม่และเด็ก รวมถึงคนที่รักสุขภาพ แทนที่จะเป็นไส้กรอกที่ขายใครก็ได้

 

Q : ในอนาคตการทำ Digital Branding มีแนวโน้มเป็นอย่างไร?

A : มันจะมีบางช่วงที่การทำการตลาดจะเน้นออฟไลน์ ซึ่งเป็นยุคของ TVC, Billboard, Print-Ad, Magazine แล้วก็จะมียุคที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ ที่นำงบจากออฟไลน์ออกไปเลย แล้วไปทำออนไลน์อย่างเดียว

แต่ในยุคต่อไป หรือแม้แต่ตอนนี้ที่หลายๆ Brand เริ่มลงมือทำแล้ว คือ ยุคที่ไม่แบ่งแยกว่าอะไรเป็น Digital อะไรไม่ใช่ Digital มันคือการทำการตลาด ที่เป็นไลฟ์สไตล์ มันรวมทุก Touchpoint ตั้งแต่ออฟไลน์ ไปจนถึงออนไลน์ ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอนมีองค์ประกอบอะไรบ้างมี Touch point ไหนบ้างที่กลุ่มเป้าหมายจะไปสัมผัส

สุดท้ายแล้วถ้าคุณเป็น อสังหาหรือคอนโด แล้วคุณทำ Digital อย่างเดียว คุณไม่ขึ้น Billboard ในพื้นที่ใกล้ๆ ที่คุณสร้างบ้านหรือคอนโด คุณก็จะเสียโอกาส มันคือการใช้ทุกเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ และก็เรื่องของข้อมูลในยุคอนาคต เราก็จะมีงานโฆษณาหรืองานแคมเปญต่างๆที่จะตอบโจทย์ได้มากขึ้น เพราะสามารถเรียนรู้ได้จากข้อมูลได้ในเรื่องของการทำ Personalize Marketing ในอนาคต

 

Q : ธุรกิจที่มองข้ามการทำ Branding จะมีผลกระทบในด้านไหนบ้าง?

A : สมมติว่าคุณไม่มี Branding เลย เท่ากับกับว่าคุณไม่มีจุดยืนที่แตกต่างที่จะเสนอให้กับผู้บริโภคว่าต้องเลือก Brand คุณ จุดยืนที่แตกต่างอาจจะเป็นจุดยืนด้านความรู้สึกเป็น Emotional Branding หรือ Functionality เลือกจุดขาย แล้วสื่อสารจุดขายนั้นให้เป็น แคมเปญ ให้เป็น Brand Idea ที่ทำให้คนรู้สึกอยากจะมาซื้อ “ถ้าไม่ทำ Branding คุณก็เสียโอกาส” แล้วก็หลายๆ ธุรกิจในท้องตลาด มันก็จะทำให้เราต้องไปแข่งกับกลุ่มธุรกิจที่ไม่มี Branding จำนวนหนึ่งเหมือนกัน แล้วก็แข่งกันเรื่องราคา แถมยังต้องแข่งกับกลุ่มที่เขาวางแผน Branding มาอย่างชาญฉลาด แต่ถ้าเกิดคุณมี Branding คุณมีจุดยืนในใจผู้บริโภค คุณมีจุดที่คนสามารถจำคุณได้ นึกถึงคุณได้  หรือว่าเวลาจะซื้อเค้าก็นึกถึงคุณ รู้จักคุณ และมีแนวโน้มที่จะซื้อของคุณซึ่งการทำ Branding ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะมีหลายแบนด์ที่ตอนนี้คุณอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ สำคัญมากคือความต่อเนื่อง

 

Q : สำหรับผู้ที่เริ่มต้นสร้าง Brand ของตัวเองมีคำแนะนำอะไรบ้าง?

A : หนึ่งเราต้อง “เอาใจเรา ไปใส่ใจเขา” คือต้องเข้าใจผู้บริโภค ว่าสินค้าหรือบริการที่คุณกำลังจะผลิตออกมา และจะส่งมอบให้เขา คุณสามารถจินตนาการลูกค้าออกมาได้เป็นคนเลยหรือเปล่า คุณรู้เลยไหมว่า Life Style ของเขามีความรู้สึกนึกคิดยังไง แล้วสินค้าของคุณ ไปตอบความต้องการของคนเหล่านั้นจริงๆ หรือเปล่า นี่คือจุดเริ่มต้นเลยมันไม่ใช่เรื่องของการมีโลโก้สวย มันไม่ใช่เรื่องของการมีรูปลักษณ์ที่ดูดีอย่างเดียว แต่มันคือการที่คุณมีสินค้าหรือบริการ ที่ตอบโจทย์โดนใจคน อันนี้คือจุดเริ่มต้นเลยครับ

มันก็มีหลายธุรกิจที่ไม่ต้องมีโฆษณา เลยไม่ได้มีการทำการสื่อสารมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้า Zara คนก็เข้าไปในร้านและรู้สึกได้ว่ามันตอบโจทย์คนที่เดินห้าง เขาอยากเห็นเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ ไม่ใช่อยากเข้าไปดูแล้วเห็น Collection เดิมๆอีกสองสามเดือน ถ้าคุณเข้าไป Zara ทุกๆ อาทิตย์มันไม่เหมือนเดิมเลย มันมีของที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดที่ตอบโจทย์ผู้หญิง ที่ชอบซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้

เราไม่ได้เข้าไปที่ร้าน Zara เพราะเคยเห็นหนังโฆษณาของ Zara เห็นโปสเตอร์ของ Zara เห็นโลโก้ของซาร่า แต่มันเป็นเรื่องของสินค้าของเขาและการดีไซน์ของเขาที่มีความเข้าใจผู้บริโภค ว่าผู้บริโภคเข้ามาในร้านต้องการที่จะเจออะไร อีกทั้งพนักงานก็บริการดี

Always-put-yourself-in-others'-shoes.

 

Q : สำหรับคลาส DBM – Digital Branding & Marketing For Entrepreneurs ผู้เรียนจะได้รับอะไรจากการเรียนคอร์สนี้?

A : จะได้เรียนรู้วิธีการคิดงานในการหา Brand Idea ที่ Agency ใช้เราก็ได้เห็นกรณีศึกษาจริงๆ ที่มาจากประสบการณ์ของวิทยากร จะไม่ใช่คลาสที่มีแต่ทฤษฎีเพียงอย่างเดียวคนที่มาสอนก็คือคนที่เคยสร้าง Brand จริงๆ มีกรณีศึกษาจากธุรกิจจริงแล้วคุณก็จะเข้าใจมากขึ้น ว่าธุรกิจที่คุณทำอยู่มี Branding หรือมี Brand Idea หรือเปล่าแล้วถ้าเกิดว่ามี Brand Idea แล้วสามารถต่อยอดไปเป็นอะไรได้บ้างในเครื่องมือดิจิทัลต่างๆผ่าน กรณีศึกษาที่วิทยากรนำเสนอ

 

Q : ฝากถึงหลายๆท่านที่เป็นผู้ประกอบการหรือนักการตลาดที่กำลังสนใจในเรื่องของ Branding 

A :  ไม่ว่าคุณจะเคยทำการตลาดยุคเก่าแล้วอยากจะอัปเดตความรู้อยากจะรู้ว่า การตลาด การสร้าง Brand ในยุคดิจิทัลมันมีวิธีคิด มันมีการลงมือทำแบบไหนบ้าง มันจะช่วยอัปเดตองค์ความรู้ของคุณให้เข้าใจมากขึ้น หรือถ้าใครที่ไม่เคยรู้เลยว่าการสร้าง Brand คืออะไร หรือไม่ได้เป็นแม้แต่นักการตลาดคอร์สนี้ก็เป็นคอร์ส Short cut ถ้าคุณมาจาก Marketing 1.0 คุณก็สามารถข้ามไป Branding 4.0 ได้เลย 

 

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

7 ตัวอย่างการใช้ Big Data ต่อยอดธุรกิจให้ประสบความสำเร็จจากแบรนด์ดังระดับโลก
5 กุญแจสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้ชนะใจลูกค้า และนำหน้าคู่แข่งได้