Google Analytics4 (GA4) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจ

“คุณทราบหรือไม่ว่าเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 28 ล้านเว็บไซต์ใช้ Google Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งกว่า 5.8 ล้านเว็บไซต์ในปัจจุบัน หันมาเริ่มใช้ Google Analytics 4 กันแล้ว และนอกจากนี้ 84% ของเว็บไซต์ที่ใช้วิเคราะห์ Web Traffic ใช้ Google Analytics ในการประมวลผล”

หนึ่งในเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และใช้กันเป็นขั้นพื้นฐานในการทำการตลาดดิจิทัล คือเครื่องมือ Google Analytics ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2023 เป็นต้นไป ระบบ Analytics จะมีการการเปลี่ยนแปลงจากเดิมให้กลายเป็น Google Analytics Version 4 หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า GA4 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน (Data Privacy) ความยินยอมในการเก็บคุกกี้ (Cookie) และเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ละเอียด แม่นยำ สามารถนำผลลัพธ์ไปต่อยอดในการทำการตลาดครั้งต่อไปให้ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจค่ะ

 

Google Analytics4 (GA4) คืออะไร และให้ประโยชน์อะไรกับให้กับธุรกิจของคุณ 

Google Analytics 4 (หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า GA4) คือเครื่องมือฟรีจาก Google เวอร์ชันล่าสุดที่ได้พัฒนาขึ้นมาอีกขั้นเพื่อให้แบรนด์สามารถพัฒนาเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์ Data หรือ ข้อมมูลเชิงลึกหลังบ้านจากเว็บไซต์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น การรวบรวมข้อมูลของผู้ที่เข้ามาดูหน้าเว็บไซต์ หรือหน้า Landing Page หน้าใดหน้าหนึ่ง การเจาะลึกเพื่อดู Segmentation ของผู้ใช้งานที่เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ หรือ ดูว่าผู้ใช้งานมาจากช่องทางใดบ้าง เป็นต้น

google-analytics-4-ui
ตัวอย่างหน้าตาของ GA4

 

นอกจากนี้ GA4 ยังสามารถใช้ในการลงรายละเอียดเพื่อติดตามข้อมูล และ ประมวลผลลัพธ์จากข้อมูลเชิงลึกได้จากช่องทางที่หลากหลายแบบ Real-Time หรืออาจกำหนดช่วงเวลาได้ให้เป็นไปแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือตั้งค่าตามวันที่ที่ต้องการดูรายละเอียดช่วงใดช่วงหนึ่ง เพื่อนำ Data มาสรุปในรูปแบบรายงาน (Report) ตามจุดประสงค์ของแคมเปญ หรือเป้าหมายของธุรกิจ โดยสอดคล้องกับนโยบายการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน (Data Privacy) ในปัจจุบัน รวมทั้งความยินยอมในการเก็บ คุกกี้ (Cookie) ของผู้ใช้งานที่แอดมินของแบรนด์สามารถเลือกอัปเดตระบบให้เป็น GA4 โดยวิธีการอัปเดตนั้นจะขออธิบายในลำดับต่อไป

 

จุดเด่นของ Google Analytics 4

  • เป็นเครื่องมือฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ Data โดยสามารถเลือกช่วงเวลาขึ้นมาเพื่อดูข้อมูล และนำไปทำรายงานได้
  • สามารถสร้างรายงานได้ในรูปแบบที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแคมเปญ และจุดมุ่งหมายของธุรกิจ
  • สามารถวิเคราะห์ Data ในรูปแบบ Real-Time ได้ ทำให้นักการตลาดมองเห็นความเปลี่ยนแปลง และพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ทันที
  • ช่วยหากลุ่มคนที่คล้ายกับกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยการใช้ฟังก์ชัน Predictive Audience

 

ความท้าทายในการใช้ Google Analytics

  • เนื่องจาก GA4 สามารถเลือกตั้งค่าได้ทั้งการกำหนดเป้าหมาย และ การเก็บข้อมูล ซึ่ง ผู้ใช้งานจะต้องพบกับความท้าทายในการเรียนรู้รายละเอียดต่าง ๆ ในระบบ โดยผู้ใช้งานจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้พอสมควรจนเชี่ยวชาญ เพื่อปรับใช้ข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างคล่องแคล่ว

 

ความแตกต่างระหว่าง GA4 และ UA ( Universal Analytics)

Google Analytics4 (GA4) เป็นระบบวิเคราะห์ข้อมูลในเวอร์ชันล่าสุดของ Google Analytics โดยเวอร์ชันของ Analytics ที่เราใช้กันไปก่อนหน้านี้มีอีกชื่อเรียกว่า Universal Analytics (UA) ซึ่งผู้ใช้งานยังคงใช้ในการเก็บข้อมูลได้อยู่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างบัญชี GA เพื่อใช้งานได้ทั้งเวอร์ชั่นใหม่ และเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ก็ได้

ความน่าสนใจของ GA4  คือการยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้ AI เพื่อติดตามผู้ที่เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ และยังมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ได้ลองใช้ เพื่อให้นักการตลาดนำข้อมูลเชิงลึกมาต่อยอดแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจาก GA4 ในเวอร์ชันใหม่จะมีหน้า User-Interface หรือหน้าตาของระบบที่เปลี่ยนไป ฟังก์ชันต่าง ๆ ในระบบก็มีการพัฒนาเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยฟีเจอร์ของ Analytics แบบเดิมจะมีระดับ Data Organization หลัก ๆ อยู่ 3 ระดับ ได้แก่ Account > Property > View แต่ GA4 เวอร์ชันล่าสุดนี้จะมีแค่ระดับ Account และ Property

 

ภาพด้านบน เป็นภาพตัวอย่าง Analytics แบบเดิม
ภาพด้านบน เป็นภาพตัวอย่าง Analytics แบบเดิม

 

ภาพด้านบน เป็นภาพตัวอย่าง Google Analytics 4 เวอร์ชันใหม่
ภาพด้านบน เป็นภาพตัวอย่าง Google Analytics 4 เวอร์ชันใหม่

 

GA4 แตกต่างจาก UA อย่างไร

1. ใช้ AI ในการประมวลผลเพื่อเก็บข้อมูล (Data Collection) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis)

เนื่องจาก Google Analytics 4 (GA4)  มีการใช้สัมมการของ Machine Learning เพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูลที่หลั่งไหลมาจากหลายช่องทาง ในขณะที่ Universal Analytics (UA) ใช้วิธีการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากเพียงทางเดียว

 

2. รูปแบบรายงานมีความหลากหลาย

นอกจากรูปแบบ UI ที่เปลี่ยนไปแล้ว Google Analytics4 (GA4) สามารถออกแบบรายงานหรือ Report ให้ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์รายงานของข้อมูล (Data Report) ได้ตามเป้าหมายของธุรกิจได้มากกว่า Universal Analytics (UA)

google analyitics 4 benefits
Google Analytics4(GA4) สามารถออกแบบรายงานหรือ ให้ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์รายงานของข้อมูลตามเป้าหมายของธุรกิจได้มากกว่า Universal Analytics (UA)

 

3. ติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์ได้ละเอียดมากขึ้น   ต่อยอดให้เกิดการวางแผนกลยุทธ์และตัดสินใจได้ถูกทิศทางมากขึ้น

ภาพด้านล่างนี้จะเป็น Metrics ใหม่ที่ใช้คาดการณ์ผลลัพธ์จาการวิเคราะห์ Data ใน Google Analytics 4   Metrics ใหม่ที่ใช้คาดการณ์ผลลัพธ์จาการวิเคราะห์ Data ใน Google Analytics 4

 

4. มีการอัปเดตชื่อเรียกใหม่ในบางฟังก์ชัน

เมื่อเราใช้งาน GA ในเวอร์ชันเก่าจะเห็นว่า บางฟังก์ชันจะมีชื่อเรียกใหม่ ซึ่งอัปเดตให้สดคล้องกับข้อมูลของผู้ใช้งาน และ ครอบคลุมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น

google analyitics with new names
บางฟังก์ชันของ GA4 จะมีชื่อเรียกใหม่ ซึ่งอัปเดตให้สดคล้องกับข้อมูลของผู้ใช้งาน และ ครอบคลุมมากขึ้น
  • ฟังก์ชั่น Behavior อัปเดตชื่อเป็น Engagement
  • ฟังก์ชัน Conversions อัปเดตชื่อเป็น Monetization
  • ฟังก์ชัน Retention ได้เพิ่มเข้ามาใหม้ในระบบ

 

5. ฟังก์ชัน Users และ Traffic

นักการตลาดหรือผู้ใช้งานเครื่องมือ GA คงทราบดีว่า กลุ่มเป้าหมาย 1 คนสามารถเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น กลุ่มเป้าหมายคนหนึ่ง ใช้สมาร์ทโฟนเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ และ ทางคอมพิวเตอร์ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถึงแม้ว่ากลุ่มเป้าหมายคนนี้จะเข้ามาด้วยวิธีที่หลากหลาย แต่ใน GA4 ฟังก์ชัน User Acquisition และ Traffic Acquisition จะถูกแบ่งออกเป็น 2 รายงานด้วยกัน

ฟังก์ชัน Users และ Traffic ของ Google Analytics
ฟังก์ชัน Users และ Traffic ของ Google Analytics

ดังนั้น หากเราต้องการทำรายงาน ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่า ข้อมูลที่ต้องการนั้นมาจากแหล่งไหน เพื่อจะได้เลือกข้อมูลในการทำรายงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้นค่ะ

 

6. วิธีการวัดผลระหว่าง Behavior และ  Engagement

ในระบบ Universal Analytics รูปแบบการวัดผลแบบ Behavior จะรวมอยู่ในรายงานเกือบทุก ๆ รูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย

  • Bounce Rate คืออัตราส่วนที่ผู้ใช้งานเปิดเข้ามายังหน้าเว็บไซต์เราเพียงหน้าเดียว แล้วกดออก หรือปิดหน้าต่างไป
  • Pages/ Session คือค่าเฉลี่ยของจำนวนหน้าที่ผู้เข้ามายังหน้าเว็บไซต์เข้าชมต่อ 1 Session
  • Average Session Duration คือระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่ผู้เข้ามาเยี่ยมชมเข้ามายังหน้าเว็บไซต์
วิธีการวัดผลระหว่าง Behavior และ  Engagement
วิธีการวัดผลระหว่าง Behavior และ  Engagement

แต่สำหรับ Google Analytics 4 จะมีฟังก์ชันสำหรับวัดผลใหม่เข้ามาแทนที่ โดยอยู่ในฟังก์ชันของ Engaged Sessions ซึ่ง Session ที่รวบรวมข้อมูลนั้นจะมีระยะเวลานานกว่า 10 วินาทีขึ้นไป หรือมีหน้า Page View มากกว่า 2 หน้าขึ้นไป

สำหรับการวัดผลรูปแบบนี้ประกอบด้วย

  • Engaged Sessions คือ จำนวน Sessions ที่ผู้ใช้งาน หรือคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ใช้เวลานานกว่า 10 วินาทีขึ้นไป หรือ เปิดหน้าเพจ 2 หน้าขึ้นไป หรือมี Conversion Event เกิดขึ้นบนเว็บไซต์
  • Engagement Rate คือ อัตราส่วนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีผลตอบรับต่อหน้าเพจใดหน้าเพจหนึ่ง
  • Engaged Sessions Per User คือ Session ที่เข้ามายังหน้าเว็บไซต์ต่อ 1 ผู้ชมที่เข้ามาในเว็บของเรา
  • Average Engagement Time คืออัตราโดยเฉลี่ยที่ผู้ชมเว็บไซต์เข้ามายังหน้าเว็บของเรา

 

7. ฟังก์ชันรายงานการสร้างรายได้ (Monetization)

Monetization Reports คือฟังก์ชันเดิมของ Conversion Report ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเลือกเหล่านี้

  • Overview คือ ข้อมูลภาพรวมการสร้างรายได้
  • E-commerce purchases คือข้อมูลการซื้อผ่านช่องทาง E-commerce
  • In-app purchase คือข้อมูลการซื้อในแอป
  • Publisher ads คือข้อมูลโฆษณาของผู้เผยแพร่โฆษณา
ฟังก์ชันรายงานการสร้างรายได้ (Monetization)
ฟังก์ชันรายงานการสร้างรายได้ (Monetization)

 

8. ข้อมูล Session-Based  vs ข้อมูล Event-Based 

สำหรับ Universal Analytics นั้นมีการเก็บข้อมูลแบบ Session-Based หรือเน้นไปที่จำนวน Session แต่สำหรับ GA4 จะเน้นไปที่ข้อมูล Event-Based ซึ่งสามารถกำหนด Event ได้เอง

ข้อมูล Session-Based vs ข้อมูล Event-Based
ข้อมูล Session-Based vs ข้อมูล Event-Based

9. มีฟังก์ชัน Predictive Analytics เพื่อวิเคราะห์เชิงคาดการ์ณลูกค้า

ก่อนหน้านี้หากผู้ใช้งานต้องการใช้ระบบวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ลูกค้า จะต้องทำการสร้าง Predictive Analytics หรือเสียเงินเพื่อใช้บริการจากเครื่องมืออื่น ๆ แต่ GA4 นั้นได้เปิดใช้บริการฟังก์ชันนี้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ เช่น Predictive audiences และ Predictive metrics

ตัวอย่างเครื่องมือสำหรับคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภค และ แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นบนเว็บไซต์

  • LTV

ย่อมาจาก Customer Lifetime Value คือ มูลค่าที่แบรนด์สามารถวิเคราะห์ว่าจะได้รับจากลูกค้าแต่ละราย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นการเป็นลูกค้าจนเลิกเป็นลูกค้ากับแบรนด์

  • Churn Probability

คือการคาดการ์ณหาความเสี่ยงว่าลูกค้าขาประจำอาจยกเลิกการเป็นลูกค้า หรือสมาชิกของแบรนด์

  • Likely Churners

Likely Churners
Likely Churners

คือการคาดการณ์ หรือมองหาลูกค้าที่มีโอกาสยกเลิกการเป็นสมาชิก หรือเลิกเป็นลูกค้า

  • Likely Top Spenders

คือการวิเคราะห์หาลูกค้าที่มียอดซื้อขายสูง

  • Likely Purchases

คือการวิเคราะห์หาลูกค้าที่มีมีโอกาสซื้อหรืออาจมียอดซื้อขายสูง

  • Purchase Probability

คือการคาดการณ์หาโอกาสในการซื้อขายจากกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากนี้ STEPS Academy ขอแนะนำ STEPS GA4 Services บริการที่พร้อมช่วยให้ท่านก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้อย่างราบรื่น ผนวกกับการสร้างผลลัพธ์ของการได้ผลลัพธ์จาก Data ที่แม่นยำขึ้น และ ออกแบบรายงาน ( Report ) ของ Google Anlytics4 ( GA4 ) ได้ตรงเป้าหมายของธุรกิจคุณมากขึ้น Google Analytics 4 Services

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: บริการ Google Analytics 4 ให้คำปรึกษา รับติดตั้ง สอนการใช้งาน และจัดฝึกอบรม GA4

 

ข้อมูลจาก 

support.google

thesocialshepherd

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

4 ไอเดียตัวอย่าง Report จาก Google Analytics 4
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของ Google Analytics 4 สำหรับปี 2023