ในช่วง 2-3 ปีมานี้ นักการตลาดออนไลน์คงเคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับการอัปเดตของ Google Analytics มาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะจากเดิมที่เป็น Universal Analytics หรือ GA3 ทาง Google จะปรับเปลี่ยนฟีเจอร์ต่าง ๆ แล้วพัฒนาเป็น Google Analytics 4 หรือ GA4 ซึ่งหมายถึงการอัปเดตล่าสุดเป็นครั้งที่ 4 นั่นเอง
ทำไม Google Analytics 4 ถึงมีความสำคัญ ?
การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญเพราะว่าถ้าที่ผ่านมาใครใช้ GA3 ทางระบบจะหยุดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในวันที่ 30 มิถุนายน 2023 และจำเป็นต้องย้ายมาใช้งาน GA4 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2023 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตัวข้อมูลเก่า ๆ ที่เคยเก็บมาจาก GA3 จะอยู่ได้อีกอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากเปลี่ยนมาใช้ GA4 และสำหรับผู้ที่ใช้ GA360 ก็เช่นเดียวกัน เพราะตัวระบบจะหยุดเก็บข้อมูลใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2023 เป็นต้นไป
นักการตลาดออนไลน์จึงควรเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ GA4 ให้ดี เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ข้อมูลหลังบ้านของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานของกลุ่มเป้าหมาย เช่น พวกเขาเป็นใคร เพศอะไร อายุเท่าไร ใช้อุปกรณ์ใดเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อให้เราวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ได้อย่างแม่นยำ
อ่านรายละเอียดหลักสูตร Digital Marketing Strategy ได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
ตามไปดูกันค่ะว่าการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจใน GA4 จะมีอะไรบ้าง
9 ฟีเจอร์น่าสนใจใน Google Analytics 4
1.Events
ใน GA4 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์จะถือเป็น ‘Events’ เสมอ ซึ่งสามารถมีหลาย Events เกิดขึ้นพร้อมกัน และเรายังตั้งชื่อ Events ได้เองหรือจะใช้ชื่อตามที่ทางระบบ Recommend ก็ได้เช่นเดียวกัน
2.Enhanced Measurement
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้แทร็ก Events ต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งถือว่าง่ายกว่าการแทร็กใน GA3 ทั้งข้อมูล Views, Scrolls, File Downloads, Youtube Video Engagement, Site Search และ Outbound clicks
3.Views
เนื่องจากใน GA4 สามารถวิเคราะห์ระบบหลังบ้านของทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชันควบคู่กันได้ เลยเปลี่ยนมาใช้คำว่า Views ซึ่งหมายรวมถึง Screenviews และ Pageviews แทนคำเดิมคือ Page Views ที่มีความหมายแคบกว่า
4.Session Start
ใน GA4 จะใช้คำว่า Session Start แทนคำว่า Session ใน GA3 โดยถ้าเริ่มต้นเซสชันเมื่อไร จะมี ID ของแต่ละ Session ขึ้นมา และโดยส่วนใหญ่เซสชันจะสิ้นสุดลงหลังจาก 30 นาทีหรือหมดเวลาที่กำหนดไว้
5.Engagement Rate
เป็นเมทริกซ์ใหม่ที่ช่วยให้เห็นภาพว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์มีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ที่เราผลิตออกไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเมทริกซ์นี้จะใช้อธิบายพฤติกรรมของผู้ใช้งานได้ดีกว่าเมทริกซ์เดิมอย่าง Average time spend on page
อ่านรายละเอียดหลักสูตร Digital Marketing Strategy ได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
6.User Acquisition Dashboard
เป็น Dashboard ที่ช่วยให้นักการตลาดประเมินได้ว่าช่องทาง (Channel) ไหนช่วยดึงคนเข้าสู่หน้าเว็บไซต์มากที่สุด เพื่อพัฒนาให้ช่องทางนั้นสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจเข้ามาเพิ่มได้เรื่อย ๆ
7.Multi Purpose Audience Lists
ใน GA4 เราสามารถใช้วิธี Remarketing ในการโอนย้าย (Import) ข้อมูลของผู้ใช้งานที่เก็บจากใน Google Analytics ไปใช้ประกอบการยิงโฆษณา Google Ads ผ่านแพลตฟอร์ม Google Search, Google Display และ YouTube ได้
8.Predictive Audience
GA4 จะมีฟังก์ชัน Predictive Audiences ที่ใช้ Machine Learning มาช่วยหากลุ่มคนที่มีความใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Users ของเราอยู่แล้ว แต่ฟังก์ชันนี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อตัว GA4 ได้เก็บข้อมูลของผู้ใช้งานไว้ในระดับหนึ่งแล้วค่ะ
9.Data Deletion Tool
ผู้ใช้งานเว็บไซต์จะสบายใจเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวได้มากขึ้น เพราะ GA4 มีเครื่องมือ Data Deletion Tool ที่จะช่วยลบข้อมูลต่าง ๆ หากผู้ใช้งานคลิกเลือกว่าขอให้ตัวระบบไม่เก็บข้อมูลของพวกเขา
หากคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหาร ผู้จัดการ หรือเจ้าของกิจการที่อยากเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะการวางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ STEPS Academy ขอนำเสนอหลักสูตร Digital Marketing Strategy ที่จะทำให้คุณกลายเป็นนักกวางกลยุธ์ที่ดี พร้อมกับมีความเข้าใจในกลไกการทำงานของโซเชียลมีเดียแต่ละช่องทางทั้ง Google, YouTube, Facebook และ Instagram
อ่านรายละเอียดคอร์สเรียนเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้ค่ะ
https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
สำรองที่นั่งหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: Inbox STEPS Academy
LINE OA: @STEPStraining https://lin.ee/jRRdsrN
หรือโทร 065-494-6646