สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบ และ สนใจข่าวสารที่เกี่ยวกับ Digital Marketing หรือมีความสนใจในเรื่องของการทำการตลาดบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram
1. Facebook คลายข้อสงสัยให้แก่ผู้ใช้งาน ถึงเหตุผลที่โฆษณาไม่ได้รับการอนุมัติ
คำถามที่มักเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำสำหรับใครหลายคน และ อีกหลายธุรกิจ ว่าเพราะอะไร Facebook ถึงไม่อนุมัติให้โปรโมตโฆษณา ทั้งๆที่ได้ทำเงื่อนไข และ นโยบายต่างๆครบถ้วน และ ถูกต้องแล้ว แต่กลับถูกปฏิเสธจนไม่สามารถโปรโมตโฆษณาได้ บางคนใช้เวลาเป็นวันกว่าจะได้รับการอนุมัติ และ บางคนใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถโปรโมตโฆษณาได้ เป็นเพราะอะไรกัน
ล่าสุด Facebook ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า เหตุผลที่ไม่สามารถโปรโมตโฆษณาได้นั่นเป็นเพราะ ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและนโยบายของการโปรโมตโฆษณาของ Facebook เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการค้า ตราสินค้า หรือกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งการจะได้รับอนุมัติให้สามารถโปรโมตโฆษณาได้นั้น จำเป็นที่จะต้องทำตามเงื่อนไขและนโยบายครบทั้งหมดที่ทาง Facebook ได้กำหนดเอาไว้ ไม่ใช่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง
และ อีกสาเหตุก็คือความน่าเชื่อถือของโปรไฟล์ผู้ใช้งาน เพราะหากเงื่อนไข และ นโยบายถูกต้อง ครบถ้วนแล้ว แต่มีผู้ใช้งานที่สร้างบัญชีปลอมขึ้นมาเพื่อใช้ในจุดประสงค์ในทางที่ไม่ดี อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมได้
ดังนั้น Facebook จึงได้ออกแบบมาตราการรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มเมื่อเร็วๆนี้ และ หากผู้อ่านกำลังสงสัยถึงเนื้อหาแบบที่สามารถก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมได้ หากท่านผู้อ่านกำลังสงสัย ขอแนะนำให้ทุกท่านเริ่มอ่านในหัวข้อถัดไปได้เลยครับ
2.Facebook ออกมาตราการรักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
Facebook ได้เริ่มต้นทำการคัดกรองเนื้อหาที่มีความรุนแรง หรือ มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจสร้างผลกระทบในทางที่ไม่ดีต่อผู้ใช้งานคนอื่น ต่อสังคม หรือก่อเกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ Facebook เข้มงวดเกี่ยวกับการคัดกรองเนื้อหาของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างสถิติในไตรมาสแรกปี 2021 ที่เกิดขึ้นจากมาตรารักษาความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม Facebook แสดงให้เห็นว่า
- เนื้อหาที่มีความรุนแรง ลดลงจาก 0.3% เป็น 0.5% ในไตรมาสล่าสุด
- เนื้อหาที่มีคำพูดหรือภาษาที่แสดงถึงความเกลียดชัง หรือชี้นำให้ผู้คนปฏิบัติในสิ่งที่ไม่เหมาะสมลดลงจาก .07 – .08% เหลือเพียง .05 – .06%
เราจะเห็นได้ว่าการที่ Facebook คำนึงถึงปัญหา และ ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องการผู้ใช้งานถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากผู้ใช้งานจะได้รับสื่อ เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และ สร้างสรรค์แล้ว สภาพแวดล้อมในสังคมก็จะน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ปัญหาความรุนแรง หรือการลอกเลียนแบบอาชญากรรมก็จะลดลงมากกว่าเดิม
หลังจากนี้ผู้อ่านทุกท่านคงจะสามารถทำธุรกิจได้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น เพราะทราบถึงเงื่อนไข และ นโยบายที่ทาง Facebook ได้กำหนดทั้งหมด รวมถึงเหตุผลที่ Facebook เข้มงวดในการคัดกรองเนื้อหา เพื่อให้ผู้ใช้งานโฟกัสคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์ และ สร้างสรรค์
ถัดมา เรามาดูกันดีกว่าครับว่านอกเหนือจากข้อกำหนด เงื่อนไข นโยบายในการใช้งาน หรือแม้กระทั่งการคัดกรองเนื้อหาแล้ว มีฟีเจอร์ใหม่ๆอะไรบ้างที่ทาง Facebook ได้เพิ่มเข้ามา แต่ละฟีเจอร์จะน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจขนาดไหน เรามาเริ่มกันที่ฟีเจอร์แรกที่ช่วยเพิ่มความสะดวก และยกระดับประสบการณ์การชอปปิงของผู้ใช้งานดีกว่าครับ
3. Facebook เปิดตัว Live Shopping Fridays ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการชอปปิงแบบเรียลไทม์
ปัจจุบัน ผู้คนสามารถเลือกเข้าถึงสื่อต่างๆได้ง่ายและไวขึ้น เพราะเหตุนี้ทำให้หลากหลายธุรกิจเริ่มปรับตัว และมองหาโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด แต่การที่แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้นั้น จำเป็นที่จะต้องหากลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาให้ได้ และ ต้องคิดอีกว่าทำอย่างไรพวกเขาถึงจะซื้อสินค้าของเรา
ล่าสุด Facebook ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและธุรกิจ ซึ่งก็คือ Live Shopping Fridays ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมที่นักชอปปิงสามารถเลือกรับชมสินค้าแบบเรียลไทม์ และ สามารถซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สตรีมโดยที่ไม่ต้องออกจากแอป โดยกดที่แถบ Shopping ก็จะสามารถเลือกรับชมไลฟ์สตรีมจาก Creator หรือแบรนด์ต่างๆที่กำลังขายสินค้าได้
ซึ่งฟีเจอร์ Live Shopping Fridays ที่ทาง Facebook ได้เพิ่มเข้ามานี้สามารถช่วยให้ผู้บริโภคเลือกรับชมสินค้าที่สนใจ และ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น ถือเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการชอปปิงของผู้บริโภค และช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการชอปปิง อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้หลายๆธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภค และสามารถสร้างยอดขายได้มากยิ่งขึ้นด้วย
ในอนาคต เราอาจได้เห็นหลายธุรกิจปรับตัวมาใช้วิธีนี้ในการเข้าถึงผู้บริโภค และอาจได้เห็นนักชอปปิงอีกหลายท่านหันมาเลือกชอปปิงผ่านฟีเจอร์ Live Shopping Fridays กันมากขึ้น
ในหัวข้อถัดไปที่ท่านผู้อ่านทุกท่านจะได้อ่าน จะเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ Messenger ที่ช่วยให้ผู้ใช้งาน Facebook สามารถใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันดีกว่าครับ
4.หมดปัญหาแชทเยอะจนตาลาย ด้วยการจัดเก็บแชทถาวรของ Facebook
ใน 1 วัน เราจะต้องติดต่อกับผู้คนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนรัก ครอบครัว หรือแม้กระทั่งลูกค้า ซึ่งผู้ใช้งาน Facebook ทุกคนจะต้องเคยประสบปัญหาเกี่ยวกับกล่องข้อความมีแชทเยอะจนสับสนตาลาย บางแชทอาจไม่ได้สำคัญมากนัก แต่ก็ไม่สามารถที่จะลบได้เพราะมีข้อมูลที่สำคัญอยู่ และบางแชทเราอาจไม่อยากเข้าไปตอบกลับข้อความ แต่ก็ไม่สามารถลบได้เพราะอาจจะต้องติดต่อพูดคุยในอนาคต
Facebook ได้รับรู้ถึงปัญหาของผู้ใช้งานเกี่ยวกับการจัดระเบียบกล่องข้อความ ด้วยเหตุนี้ Facebook จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ใน Messenger ที่สามารถช่วยผู้ใช้งานให้สามารถจัดระเบียบกล่องข้อความได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็คือ การจัดเก็บแชทถาวร (Archive) จะสามารถช่วยให้เราสามารถจัดเก็บข้อความหรือซ่อนแชทที่ไม่ต้องการให้แสดงขึ้นมาให้เห็นในกล่องข้อความ โดยข้อความที่ถูกจัดเก็บถาวรจะไม่เสียประวัติข้อความ หรือถูกลบให้หายไป
นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถจัดเก็บแชทถาวรโดยการปัดซ้ายที่ข้อความที่เราต้องการจะจัดเก็บถาวร จากนั้นกดที่รูปกล่องสีม่วงที่มีคำว่า Archive เพียงเท่านี้ในกล่องข้อความของเราก็จะถูกจัดเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
และ หากผู้ใช้งานต้องการดูข้อความที่ได้ทำการจัดเก็บถาวรไป สามารถทำได้โดย
- กดที่รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้งานมุมซ้ายบน
- จากนั้นกดที่ Archived Chats ก็จะสามารถดูข้อความที่ถูกจัดเก็บถาวรได้
และถ้าหากต้องการยกเลิกการจัดเก็บข้อความถาวร สามารถทำได้โดยปัดซ้ายที่ข้อความที่ต้องการ จากนั้นกดที่รูปกล่องสีม่วงที่มีคำว่า Unarchive เพียงเท่านี้ข้อความที่ถูกจัดเก็บถาวรก็จะสามารถกลับไปแสดงผลในกล่องข้อความเหมือนเดิม
หลังจากนี้ผู้ใช้งาน Facebook ทุกท่านก็จะหมดปัญหาเกี่ยวกับแชทในกล่องข้อความที่เยอะจนตาลายกันเสียที แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้กับการพัฒนาฟีเจอร์ใน Messenger เพราะ Facebook ยังได้พัฒนาอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การแชทของผู้ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้แพลตฟอร์ม
5.Facebook ให้ผู้ใช้งานส่งข้อความเสียงง่ายๆ ทำได้ด้วยการแตะหน้าจอโดยไม่ต้องกดค้าง
นอกเหนือจากการพูดคุยผ่านข้อความแล้ว ข้อความเสียงถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการสนทนาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการใช้ Messenger เพราะสามารถช่วยในเรื่องความสะดวกรวดเร็วมากกว่าการพิมพ์ข้อความ
แต่ปัญหาที่ผู้ใช้งานที่นิยมส่งข้อความเสียงใน Messenger พบก็คือ ในหลายๆครั้งการแตะปุ่มบันทึกเสียงค้างไว้เป็นระยะเวลานานเพื่อกดส่ง เพียงขยับนิ้วเพียงเล็กน้อยข้อความเสียงที่กำลังบันทึกก็สิ้นสุดในทันที จึงทำให้ผู้ใช้งานหลายคนได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการส่งข้อความเสียง
ทีมผู้พัฒนา Facebook ได้รับรู้ปัญหาของผู้ใช้งาน จึงได้ลงมือพัฒนาฟีเจอร์ในการส่งข้อความเสียงให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นโดยผู้ใช้งานสามารถกดแตะเพื่อบันทึกเสียงเพียง 1 ครั้ง และไม่จำเป็นที่จะต้องกดค้างไว้ แต่ให้กดแตะอีกครั้งเมื่อต้องการสิ้นสุดการบันทึกเสียง
ซึ่งหลังจากแก้ไขและพัฒนาตรงจุดนี้ Facebook เปิดเผยข้อมูลว่าผู้ใช้งาน Messenger ส่งข้อความเสียงที่มีความยาวมากขึ้น มีอัตราการส่งข้อความเสียงเพิ่มมากขึ้นถึง 20% ในกลุ่มผู้ใช้งานประเทศสหรัฐอเมริก
จากข้อมูลดังกล่าวเราจะเห็นได้ว่าเพียงเปลี่ยนแปลงแค่เล็กน้อยก็สามารถทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ใช้งาน Facebook เท่านั้นที่ทาง Facebook ต้องการให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น แต่ยังรวมไปถึงชาวเกาะในเอเชียแปซิฟิกด้วย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ คือ…
6.Facebook โปรโมตเดือนแห่งมรดกเอเชียแปซิฟิก ด้วยการออกแบบสติ๊กเกอร์เพื่อสนับสนุน
เดือนแห่งมรดกเอเชียแปซิก หรือเดือนพฤษภาคมที่เพิ่งผ่านมา ถือเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองช่วงเวลาของการสร้างการตระหนักรับรู้ถึงการมีส่วนร่วมระหว่างชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและชาวเกาะแปซิฟิก ซึ่งถือเป็นเดือนที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและความสำเร็จของอเมริกัน
ทาง Facebook จึงได้เพิ่มฟีเจอร์ Sticker รูปแบบใหม่ ที่สามารถใช้ใน Messenger ในขณะที่ถ่ายรูป เป็นการสนับสนุนและสร้างการรับรู้สำหรับเดือนแห่งมรดกเอเชียแปซิฟิก
จบไปแล้วกับการอัปเดตฟีเจอร์ต่างๆบนแพลตฟอร์ม Facebook ลำดับถัดไป เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่เป็นที่นิยมไม่น้อยไปกว่าแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งก็คือ Instagram โดยจะการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆอะไรบ้างนั้น และน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เรามาดูไปพร้อมๆกันครับ
7.Reels & Live Videos ทางเลือกใหม่ในการเก็บ Insights ของธุรกิจบน Instagram
Instagram อัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ 2 ฟีเจอร์น้องใหม่มาแรงอย่าง Reels และ Live Videos ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยสิ่งที่พิเศษคือผู้ใช้งาน Instagram ที่มีบัญชีรูปแบบ Creator หรือบัญชีรูปแบบเพื่อธุรกิจ จะสามารถเก็บข้อมูลเมตริกต่างๆเพื่อนำไปวิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ให้กับธุรกิจได้
โดยแต่ละฟีเจอร์จะสามารถเก็บข้อมูลได้ดังต่อไปนี้
1.Reels
- Plays (จำนวนครั้งในการเล่น)
- Accounts Reached (จำนวนบัญชีที่สามารถเข้าถึง)
- Likes (จำนวนการกดถูกใจ)
- Comments (จำนวนความคิดเห็น)
- Saves (จำนวนการบันทึก)
- Shares (จำนวนการแชร์)
2.Live Videos
- Accounts Reached (จำนวนบัญชีที่สามารถเข้าถึง)
- Comments (จำนวนความคิดเห็น)
- Shares (จำนวนการแชร์)
- Peak concurrent viewers (จำนวนผู้ชมพร้อมกันสูงสุด)
ซึ่งข้อมูลเมตริกต่างๆของทั้ง 2 ฟีเจอร์จะถูกเพิ่มลงใน Insights ของบัญชี เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมหรือผลลัพธ์ในแต่ละครั้งได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่เพียงแค่ Reels และ Live Videos ที่ได้รับการอัปเดตจากทางผู้พัฒนา Instagram แต่ยังมีฟีเจอร์อื่นๆที่น่าสนใจ และช่วยในเรื่องของความสะดวกในการใช้งาน โดยฟีเจอร์แรกที่น่าสนใจสำหรับเดือนพฤษภาคมคือ…
8.Chat Theme แบบใหม่เลือกได้ตามใจผู้ใช้งานบน Facebook
ตลอดการอัปเดตที่ผ่านมา เราจะสังเกตเห็นได้ว่า Instagram จะสามารถเปลี่ยน Theme ของแอปพลิเคชันได้ 2 สี ซึ่งได้แก่ สีขาวและสีดำ
ล่าสุดทางผู้พัฒนาได้อัปเดตฟีเจอร์ Theme ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยคราวนี้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเปลี่ยนสี Chat Theme หรือสีธีมของ Instagram Direct Message ได้ตามใจชอบ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการใช้งาน และช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่แปลกใหม่ต่างไปจากเดิม
ถัดมายังอยู่ในหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้องกับใช้งาน Instagram Direct Message ซึ่งก็คือการ
9.ตอบกลับด้วยรูปภาพบน Instagram ผ่านฟีเจอร์ Visual Replies
ถือเป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจสำหรับ Instagram ที่ได้พัฒนาฟีเจอร์ Instagram Direct Message สำหรับการสนทนาให้สามารถตอบกลับรูปภาพของคู่สนทนาด้วยรูปภาพที่อยู่ภายในคลังภาพของเราได้แล้ว ก่อนการอัปเดตครั้งนี้หากอีกฝ่ายส่งข้อความเป็นรูปภาพมาหาเรา เราจะสามารถตอบกลับได้เพียงแค่ข้อความตัวหนังสือเท่านั้น อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็สามารถเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มประสบการณ์ในการพูดคุยได้มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของการอัปเดตฟีเจอร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับ Instagram Direct Message ไม่ได้มีเพียงแค่ Chat Theme และ Visual Replies เท่านั้น เพราะอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน Instagram ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
10.Instagram เพิ่มการเห็นข้อความที่ถูกอ่านแล้วในช่อง Inbox
ในการสนทนาผ่านการแชท หากพูดถึงการส่งข้อความไปหาคู่สนทนา หลายคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเมื่อข้อความที่ส่งไปถูกเปิดอ่าน จะมีการแสดงผลให้ผู้ที่ส่งเห็นว่าข้อความได้รับการอ่านแล้ว แต่จะมีใครที่สังเกตบ้างว่า หากเราต้องการจะรู้ว่าข้อความที่เราส่งไปนั้นได้รับการอ่านแล้วหรือยัง เราจำเป็นที่จะต้องกดเข้าไปดูในแชทที่เราสนทนาเท่านั้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อย
แต่ปัจจุบัน ทาง Instagram ได้ทำการอัปเดตให้ผู้ใช้งานสามารถดูว่าข้อความที่เราส่งไปนั้นได้รับการอ่านแล้วหรือยัง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องกดเข้าไปดูภายในแชท สามารถดูได้ในหน้าต่างกล่องข้อความ ช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้น
สรุป
ทุกการอัปเดตของ Facebook และ Instagram ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมทำให้เรารับรู้ว่า ในการโปรโมตโฆษณาทุกครั้งควรตรวจสอบเนื้อหาของข้อความ และตรวจสอบเงื่อนไขหรือนโยบายทั้งหมดที่ทาง Facebook กำหนดอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด และผลกระทบในทางที่ไม่ดีตามมา และยังมีเรื่องของประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆของผู้ใช้งาน Facebook และ Instagram ไม่ว่าจุดประสงค์จะเป็นเพื่อธุรกิจ หรือเพื่อติดต่อสื่อสารล้วนถูกพัฒนาไปในทางที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคนหรือหลายธุรกิจ
ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องอัปเดตน่ารู้ในเดือนพฤษภาคมบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ผู้อ่านทุกท่านสามารถนำความรู้จากบทความไปใช้ประโยชน์ในการทำธุรกิจ หรือหากมีความสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Digital Marketing สามารถติดตามบทความแนะนำอื่นๆที่เกี่ยวข้องของทาง Steps Acdemy ได้ครับ
อ้างอิง
https://adespresso.com
https://www.searchenginejournal.com