จากที่ได้รับการอัปเดตการเปลี่ยนแปลงของ Facebook Ads จากทีมผู้เชี่ยวชาญ ด้านการตลาดของทีม Facebook ได้มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งบทความนี้จะมารวบรวมการเปลื่ยนแปลงของการลงโฆษณาลงบนแพลตฟอร์ม อย่าง Facebook ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีอะไรที่เปลื่ยนแปลงไปบ้าง คุณผู้อ่านสามารถติดตามได้ในบทความนี้ได้เลยค่ะ
1. การเพิ่มการวัดผลแบบ Conversion Leads ใน Facebook Ads Set ภายใต้การทำแคมเปญโฆษณาด้วย Objective: Lead Generation
สำหรับตัว Conversion Leads ที่ได้เพิ่มเข้ามาในแคมเปญ ในส่วนของ Objective เป็นแบบ Lead* Generation นั้น จะทำให้ระบบ Algorithm เรียนรู้แคมเปญโฆษณาของเราได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ เนื่องจากระบบจะทำการคัดกรอง Lead* ที่มีคุณภาพเฉพาะที่เราสามารถปิดการขายได้ เพื่อหา Lead* ต่อๆ ไป แต่สำหรับการทำวิธีนี้นั้นเราต้องมีการเชื่อมฐานข้อมูลกับ ระบบ CRM ก่อนถึงจะสามารถใช้ได้ค่ะ
*Lead คือ กลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้า หรือบริหารของเรา และมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการนั้น ตัวอย่างเช่น กลุ่มคนที่ทัก หรือ ส่งข้อความมาเพื่อสอบถามรายละเอียด เป็นต้น
จากภาพด้านบนเป็นตำแหน่งที่แสดงตัวเลือกการวัดผลแบบ Conversion Leads ที่อยู่ใน Facebook Ads Set ที่ได้เพิ่มเข้ามาค่ะ
จากสองภาพด้านบนแสดงถึงความแตกต่างในการเลือกการวัดผลแบบ Leads กับ Conversion Leads ค่ะ
อีกทั้งหากเราใช้ Conversion Leads นี้เป็นการวัดผลในแคมเปญโฆษณา อาจมีผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น ดังนี้
- จำนวน Lead ของแคมเปญลดลง
- Cost Per Lead หรือต้นทุนต่อ Lead นั้น จะเพิ่มมากขึ้น
- สามารถเข้าถึง Lead มีคุณภาพมากขึ้น
2. การให้ความสำคัญกับการรีวิวให้คะแนนเพจ
เนื่องจากในการทำแคมเปญโฆษณาบน Facebook นั้น มีการจัดอันดับคะแนนของประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละเพจ ซึ่งคะแนนเหล่านี้ จะส่งผลการกับทำแคมเปญโฆษณาเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเพจของคุณมีแฟนเพจ หรือมีผู้ใช้งาน Facebook มาทำการรีวิวเพจ เพิ่มดาว หรือคะแนนรีวิวในเพจของเรานั้น จะทำให้เพิ่มลดต้นทุนในส่วนของการเพิ่ม Reach ของแคมเปญโฆษณาได้ ซึ่งจะส่งให้ Ads ของคุณมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีมมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
3. การเปลื่ยนแปลงไปของระบบ Algorithm ที่เกิดจาก iOS14
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นโยบายด้านความเป็นส่วนตัว และการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานของระบบปฏิบัติการ iOS ในการติดตามเก็บข้อมูลของระบบปฏิบัติการอย่าง iOS14 ได้ส่งผลกระทบต่อการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานที่เข้าถึง Facebook ผ่านระบบดังกล่าว โดยสิ่งที่เปลื่ยนแปลงจากการบังคับใช้ระบบ iOS14 มีดังนี้
- กลุ่มเป้าหมายมีขนาดเล็กลง แนะนำให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้างมากขึ้น
- ตำแหน่งการจัดวางมีผลต่อการนำส่ง แนะนำตำแหน่งแบบอัตโนมัติหรืออย่างน้อย 4 ตำแหน่งขึ้นไป
- การนำส่งมีการพัฒนาให้นำส่งไปยังผู้คนที่ใช้แวลากับช่องแชทมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภา
- คอนเทนต์มีนัยสำคัญในการนำส่งโฆษณาหรือการประมูลมากขึ้น
4. การที่ Detailed Targeting หรือ การกำหนดรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยถูกจำกัด
หากทำการเลือกกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคปเปญโฆษณาเป็นผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีในประเทศไทย สามารถกำหนดได้เพียงข้อมูล Demographic ตามรายละเอียดดังนี้
- อายุ
- เพศ
- ตำแหน่งที่อยู่
และในส่วนของกลุ่ม Targeting ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่สามารถกำหนดค่าต่าง ๆ เหล่านี้ได้ >>
- Detailed Targeting: กลุ่มเป้าหมายที่สามารถกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ ได้เอง
- Connections targeting: กลุ่มเป้าหมายที่มี Connection กับแบรนด์
- Language targeting: การกำหนดภาษาของกลุม่เป้าหมาย
- Website Custom Audiences: การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เคยมีปฏิสัพันธ์บนเว็บไซต์ของแบรนด์มาก่อนหน้าอยู่แล้ว
- App Activity Custom Audiences: กลุ่มเป้าหมายที่มีข้อมูลจาก App Activity และเกมที่เล่นด้วยก่อนหน้านี้
- Customer List Custom Audiences: กลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าในลิสต์ของเรา
- Engagement Custom Audiences: กลุ่มเป้าหมายที่มีปฏสัมพันธ์กับแบรนด์
- Offline activity Custom Audiences: กลุ่มเป้าหมายที่มีกิจกรรม หรือกระทำบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์แบบออฟไลน์
- Lookalike Audiences: กลุม่เป้าหมายที่คล้ายคลึงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์
ในขณะเดียวกันนโยบายการกำหนดกลุ่ม Targeting ดังกล่าวใช้ในการทำแคมเปญโฆษณาประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกันค่ะ โดยกลุ่มเป้าหมายที่สามารถกำหนดอายุได้ของทั่วโลกจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป สำหรับในประเทศไทยจะต้องมีอายุมากกว่า 20 ปี และอินโดนีเชียสามารถเก็บข้อมูลได้เมื่อกลุ่มเป้าหมายมีอายุมากกว่า 21 ปี
ผลลัพธ์จากการตั้งค่า จะทำให้เราไม่สามารถกำหนดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสนใจได้อีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้การทำแคมเปญโฆษณาที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี นั้นมีความแม่นยำน้อยลง โดยข้อแนะนำในเบื้องต้นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาในการทำ Facebook Ads ที่ต้องการเข้าถึงผู้ใช้งานที่อายุตำ่กว่า 20 ปี คือควรที่จะใช้คอนเทนต์สื่อสารด้วยข้อความระบุเพื่อเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเลย หรือใช้องค์ประกอบที่เอกลักษณ์ของกลุ่มเป้าหมายนั้น ๆ โดยให้กำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมายแบบกว้างก่อน จากนั้นคอยติดตามวัดผลจากประสิทธิภาพของแคมเปญ
โดยจะส่งผลให้ทิศทางของการทำการตลาดของกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 20 ปี จะถูกเน้นไปที่ทาง Organic Content มากขึ้น เช่นเดียวกับการทำ Engagement Content ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายนั้น โดยรายละเอียดเพิ่มเติมนั้นคุณผู้อ่านสามารถติดตามอ่านได้ที่ : https://www.facebook.com/business/help/229435355723442