จากสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับเทรนด์การนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบวีดีโอในบทความบนเว็บไซต์ explodingtopics พบว่า
- 86.8% ของผู้ใช้งาน Instagram โพสต์ Stories หรือคลิปวีดีโอสั้นทุกวัน
- 95% ของผู้รับชมวีดีโอสามารถเข้าถึงข้อความที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานที่รับสารด้วยการอ่านข้อความโปรโมทสินค้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้เพียงแค่ 10% เท่านั้น
- นักการตลาดที่ใช้สื่อในรูปแบบวีดีโอในคอนเทนต์ สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว่าสื่อรูปแบบอื่น ๆ ประมาณ 49%
จากสถิติที่กล่าวไปข้างต้นนั้น แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของการทำ Social Video Marketing หรือการทำการตลาดผ่านสื่อคอนเทนต์ประเภทวีดีโอสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับแคมเปญการตลาดประกอบกับรูปแบบวิดีโอคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีความหลากหลาย และมีจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น ในแอปพลิเคชั่น Instagram มีคอนเทนต์วีดีโอในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การโพสต์วีดีโอทั่วไป, Live, IG TV และล่าสุดทางแอปได้เพิ่มอีกหนึ่งเครื่องมือที่เรียกว่า “Reels” ออกมาให้ผู้ใช้ได้ใช้งานกันค่ะ
สำหรับเครื่องมือตัวใหม่ อย่าง “Reels” ที่ทาง Instagram ได้ปล่อยมาออกมานั้นคืออะไร การวัดผลประสิทธิภาพในการสร้าง Engagement และการเพิ่มยอด Conversion สามารถทำได้อย่างไร รวมวิธีการใช้เครื่องมือนี้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณนั้นมีอะไรบ้าง ผู้อ่านสามารถคำตอบของคำถามเหล่านี้ในบทความนี้เลยค่ะ
Instagram Reels คืออะไร ?
Reels คือ วีดีโอที่มีความยาว 15 – 30 วินาที ที่มีระบบการทำงานคล้ายกับวีดีโอใน TikTok ผู้ใช้งานสามารถกดถ่าย รวมถึงปรับแต่งวีดีโอได้ภายในแอปพลิเคชั่น ทำให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจ ที่ทำไปสู่ยอด Engagement ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง วีดีโอ Reels นี้ยังสามารถใส่ Filter, Caption, Sticker และ อื่น ๆ ทำให้ Reels กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน Instagram
สำหรับตำแหน่งการเข้าถึงเครื่องมือ Reels นั้น สามารถดูได้จากตัวอย่างรูปด้านล่างได้เลยค่ะ
วิธีการสร้างวีดีโอ Reels บน Instagram
หากผู้อ่านท่านไหนที่เคยผ่านการทำวีดีโอบน TikTok มาแล้วจะพบว่าวิธีการทำนั้นค่อนข้างคล้ายกับการทำวีดีโอบน TikTok เลยค่ะ สำหรับท่านไหนที่ยังไม่เคยนั้นสามารถศึกษาขั้นตอนการสร้าง Reels จากด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 : เข้าไปที่เครื่องมือ Reels ที่อยู่ตรงกลางในแทบ Home Button จากนั้นกดที่รูปกล้องมุมขวาบน
ขั้นตอนที่ 2 : เมื่อกดเข้าไปแล้วจะพบกับ 4 เครื่องมือเรียงกันอยู่ด้านซ้ายมือ จากภาพเครื่องมือหมายเลข 1 คือการใส่เพลง เมื่อกดเข้าไปเราสามารถค้นหาเพลงที่ต้องการ และท่อนไหนถูกเพลงที่ต้องการตัดเข้ามาอยู่ในวีดีโอ Reels
สำหรับเครื่องมือตัวที่ 2 จะเป็นเครื่องมือสำหรับการตั้งค่า Speed ให้กับวีดีโอ ส่วนตัวที่ 3 คือ การเลือกใส่ Filter ให้กับวีดีโอของเราเพื่อเพิ่มความสวยงามค่ะ ในเครื่องมือที่ 4 ตัวสุดท้ายนี้จะเป็นความยาวที่เราต้องการในการทำวีดีโอ Reels นั่นเองค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 : เมื่อเรากดไปที่ปุ่มตรงกลางค้างไว้ จะเป็นการอัดวีดีโอ สามารถเลือกเป็นโหมด Hands-Free หากไม่ต้องการกดข้างในระหว่างการอัดวีดีโอได้
โดยการถ่าย Reels นั้น เรามาสามารถอัดเป็นวีดีโอสั้น ๆ แล้วนำมาร้อยเรียงต่อกันได้ หากกดไปที่เครื่องมือหมายเลข 5 จะเป็นการจัดเรียงวีดีโอที่จะทำมาทำคลิปนั้น และหากคุณกดอันคลิปไปแล้ว คลิปต่อไปจะเป็นคลิปที่ต่อจากคลิปก่อนหน้านี้ หรือหากคุณต้องการที่จะ Trim เลือกตัดคลิปบางส่วนออก หรือลบคลิปก่อนหน้านี้ สามารถปรับได้ที่เครื่องมือหมายเลข 6
ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อคุณอัดคลิปเสร็จแล้ว สามารถเพิ่มสติ๊กเกอร์ หรือวาดรูป รวมถึงใส่ข้อความตกแต่งวิดีโอ Reels ได้ค่ะ
วิธีการวัดผลประสิทธิภาพการทำงานของ Reels
สำหรับการวัดผลประสิทธิภาพ Engagement ของ Audience ผ่านการสร้างคอนเทนต์ผ่านเครื่องมือ Reels นั้น สามารถวัดได้ด้วยการสิ่งที่ข้อมูลจาก Instagram Insights ซึ่งข้อมูล Engagement ที่ได้จากแอปพลิเคชั่น มีดังนี้ :
Accounts Reached : จำนวนบัญชีที่เข้าชม Reels (ไม่นับซ้ำ)
Plays : จำนวนครั้งที่ Reels ถูกชม จะมีค่ามากกว่า Accounts Reached เสมอ
Likes : จำนวนคนกดไลค์ Reels
Comments : จำนวนยอดคอมเมนต์ที่ได้รับใน Reels
Saves : จำนวนครั้งที่ Reels ถูก Bookmark
Shares : จำนวนครั้งที่ผู้ชม แชร์ Reels ลงบน Story หรือ ส่งต่อวีดีโอให้ผู้ใช้คนอื่นชม
โดยคุณสามารถวัดประสิทธิภาพได้จากยอด Engagement เหล่านี้ เพื่อนำไปวิเคราะห์ถึงสาเหต หรือปัจจัยต่าง ๆ เพื่อปรับปรุง และ พัฒนาในคอนเทนต์จากเครื่องมือ Reels มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5 วิธีการใช้เครื่องมือ Reels ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจของคุณ
หากย้อนไปในปี 2016 ที่ทาง Instagram ได้ปล่อยฟีเจอร์ Stories ทำให้แอปพลิเคชั่นสามารถได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จึงทำให้กลายเป็นอีกช่องทางที่สำคัญของแบรนด์ในการเข้าถึงผู้ใช้งาน รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้กว้างมากขึ้น เพื่อโปรโมตสินค้า และบริการ
จากนั้นทางทีมก็ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ผ่านฟีเจอร์อย่าง Reels เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำคอนเทนต์ที่วีดีโอสั้นที่ไม่ซับซ้อน และใช้เวลาไม่นาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ท้าท้ายในการสร้างสรรค์ความครีเอทีพของ Content Creator ยิ่งไปกว่านั้นหาก Performance ของคอนเทนต์เรามีประสิทธิภาพจะยังสามารถการนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของยอด Follower อีกด้วย
สำหรับ 5 วีธีการที่จะใช้เครื่องมือวีดีโอสั้น Reels ในการโปรโมทคอนเทนต์ หรือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดบน Social Media สามารถผลิตคอนเทนต์ได้หลากหลายผ่านวิธีการอะไรบ้างนั้นติดตามต่อด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
1. การสร้างคอนเทนต์เชิงความรู้
เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ผ่านเครื่องมือนี้ ตัวอย่างคอนเทนต์ให้ความรู้นั้นสามารถทำได้หลายประเภทเลยค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น 5 สกินแคร์ยอดฮิต ที่ใช้เป็นประจำ หรือ การทำแพนเค้กแสนอร่อยภายในเวลา 10 นาที โดยจุดประสงค์ของคอนเทนต์ในเชิงให้ความรู้นี้ คือ การแบ่งปันความรู้ใหม่ให้ผู้ชม หรือผู้ติดตามได้รับสกิลความสามารถใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
จากภาพด้านบน เป็นการนำเสนอคอนเทนต์ของการทำอาหารสุขภาพผ่านเครื่องมือ Reels ในการแชร์สูตรอาหารที่อร่อย และทานแล้วยังสุขภาพดี
2. การใช้เพื่อนำเสนอการใช้งานของสินค้า และบริการ
เนื่องจากฟีเจอร์ Reels นั้น มีความพิเศษกว่าเครื่องมือใน Instagram ประเภทอื่นคือระบบจะทำการแรนด้อมการแสดงผลของ Reels ในหน้า Explore ทำให้คุณมีโอกาสสามารถเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ ๆ แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้กดติดตามเพจของคุณ
ในการที่จะช่วยให้ระบบ Algorithm เข้าใจ และสามารถแยกแยะได้ว่าคอนเทนต์ที่ต้องการจะนำเสนอนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยเราสามารถใช้ Hashtag, ข้อความแคปชั่นต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ระบบทำการแรนด้อมไปยังผู้ใช้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราได้แม่นยำมากขึ้น
จากตัวอย่างภาพด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ Reels โปรโมทเครื่องสำอางของแบรนด์ Elf Cosmetics ที่โฟกัสถึงคุณสมบัติ และประโยชน์ของสินค้า อีกทั้งมีการใช้อีโมจิในแคปชั่นทำให้อ่านง่ายมากขึ้น
3. การนำเสนอเบื้องหลังการทำงานของแบรนด์
การนำเสนอเบื้องหลังการทำงานในการสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้ติดตามของคุณเข้าใจตัวจนคุณมากขึ้น ว่าจริง ๆ แล้วคุณเป็นใคร รวมถึงทำไมคุณกำลังขายสินค้าชิ้นนั้นอยู่ เป็นวิธีหนึ่งวิธีการในการสร้าง Brand Trust หรือ ความเชื่อใจในแบรนด์ ให้กับกลุ่มผู้ติดตาม ถือเป็นการสร้างความสัมพัทธ์ที่ดีกับกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นลูกค้าของเราผ่านการนำเสนอคอนเทนต์ประเภทนี้
จากตัวอย่างด้านล่างนี้ เป็นภาพจาก Reels ของร้านอาหารร้านหนึ่งที่นำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับการที่พนังงานร้านกำลังจัดเตรียมอาหารในช่วง Covid-19
4. โปรโมทสินค้าบริการที่ลดราคา หรือโปรโมชั่นสิทธิพิเศษต่าง ๆ
การใช้เครื่องมือ Reels เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถอัปเดตส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่แบรนด์ต้องการทำเสนอ จากตัวอย่างภาพด้านล่างนั้น เป็นภาพของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังของฝั่งอเมริกาอย่าง IT Cosmetics US และ Tarte Cosmetics ที่ประสบความสำเร็จกับการใช้ Reels โปรโมทเคมเปญสินค้าลดราคา ที่สร้าง Engagement ได้จำนวนมาก จากการผู้ใช้งาน Instagram
อีกทริคที่สำคัญในการโปรโมทสินค้าบริการของแบรนด์นั้น คือ
“Stay genuine and don’t make your content too explicitly salesy! ”
นั่นก็คือการแสดงความจริงใจกับลูกค้า และไม่ควรทำให้คอนเทนต์ของคุณนั้นนำเสนอไปในเชิงการขายมากจนเกินไป
ดังนั้นเราควรรักษามาตรฐานการผลิตคอนเทนต์ผ่านเครื่องมือ Reels และให้ความสำคัญกับตัวจนที่แท้จริงของแบรนด์ และสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา อาจจะใส่ความสนุกสนานเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับวีดีโอผ่านเพลง หรือการใช้นำเสนอแบบภาพเคลื่อนไหวเพื่อสร้างยอด Engagement ให้แก่วีดีโอ Reels ของคุณ
5. การสร้าง Reels Ads
ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทาง Instagram ได้เพิ่ม Placement ในการซื้อพื้นที่โฆษณาสำหรับเครื่องมือ Reels โดยการทำเคมเปญโฆษณาผ่าน Reels นั้น มีทั้งหมด 6 วัตถุประสงค์ในการสร้างเคมแปญ (Objective) ได้แก่
- Brand awareness (การรับรู้แบรนด์)
- Reach (การเข้าถึง)
- Traffic (จำนวนผู้เข้าชม)
- App installs (จำนวนคนติดตั้งแอป)
- Video views (จำนวนคนรับชมวีดีโอ)
- Conversions
การใช้ Reels ในการทำแคมเปญโฆษณาจัดเป็นการนำเสนอช่องทางใหม่ ๆ ในการเข้าถึงผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย เมื่อวีดีโอ Reels ได้ถูกแรนด้อมไปในหน้าของผู้ใช้งาน ปัจจุบันได้มีหลายแบรนด์ได้ทำการทดลองทำโฆษณาผ่านช่องทาง Reels จากตัวอย่างภาพด้านล่างที่เป็นแบรนด์ Supermarket แหน่งหนึ่งในแคนนาดา
สรุป
การที่นักการตลาดจะสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์นั้น ไม่ว่าจะผ่านลงสื่อประเภทใดให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกเหนือจากการมีเทคนิคการเขียนที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แล้ว ต้องทำความเข้าใจกับทั้งสถานการณ์ในตลาดว่าสินค้าบริการของแบรนด์คุณนั้นกำลังเป็นไปในทางทิศทางไหน รวมถึงอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย และทำไปสู่ยอดขายในที่สุดนั้นนั้น การรู้จักกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็น และไม่ควรมองข้ามค่ะ
วันนี้ STEPS Academy มีหลักสูตรที่ชื่อว่า “Digital Content Marketing” ที่จะทำให้คุณเข้าใจพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณมากขึ้น เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ตรงใจในแต่ละช่วงเวลาการตัดสินใจ รวมไปถึงเทคนิคในการสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจที่ทำมาสู่การเพิ่มขึ้นของยอดขาย
สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม “คลิก”
อ้างอิง
https://blog.hootsuite.com
https://explodingtopics.com