โฆษณาประเภท Banner ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก และผมเชื่อว่าทุกคนเคยเห็น Banner โฆษณา ตามเว็บไซต์ต่างๆกันอยู่พอสมควร แล้วคุณคลิก Banner โฆษณามั่งหรือเปล่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้คลิก เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่คลิก เพราะ รู้สึกว่า Banner คือการโฆษณาตรงจนเกินไป จึงทำให้หลายคนก็เลื่อนผ่านไป ไม่ได้สนใจ ทำให้โฆษณาประเภท Banner ไม่ค่อยได้ผล เพราะลูกค้าไม่ค่อยคลิก
นี่คือตัวอย่าง Banner ในเว็บ pantip.com (ตรงกรอบสีแดง)
![](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2017/07/Screen-Shot-2559-12-01-at-12.00.49-PM-1024x689-1.jpg)
นี่คือตัวอย่าง Banner ในเว็บ sanook.com (ตรงกรอบสีแดง)
![](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2017/07/Screen-Shot-2559-12-01-at-12.02.26-PM-1024x687.jpg)
พฤติกรรมคนของคนในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเลื่อนข้าม Banner ไปเลย บางทีไม่ได้สนใจมองด้วยซ้ำ คราวนี้นักการตลาดและผู้ประกอบการควรทำอย่างไร ปัจจุบันเริ่มมีการใช้ Native Ads เข้ามาในการทำการตลาดยุคดิจิตอลมากขึ้น
Native Ads คืออะไร ??
Native Ads คือ การโฆษณารูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของ คอนเทนต์ที่เน้นให้ประโยชน์มากกว่าการขายตรงๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าใกล้แบรนด์มากที่สุด ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนกับโฆษณา แบบ Banner ครับ โดย Native Ads จะอยู่ในรูปแบบของ Recommended Content , เรื่องที่คุณน่าจะสนใจ เป็นต้น
Native Ads ต่างจาก Banner อย่างไร ??
Native Ads จะอยู่ในรูปแบบของ Content ซึ่งอาจจะเป็นคอนเทนต์แนะนำ แต่ Banner นั้น จะเป็นป้ายโฆษณาของสินค้าหรือบริการติดอยู่ที่หน้าเว็บอาจจะเป็นด้านบนหรือด้านข้างก็ได้ครับ ดังตัวอย่างด้านบน ซึ่งคนทั่วไปที่พบเห็นก็จะรู้ทันทีเลยครับว่าเป็นพื้นที่โฆษณาครับ
นี่คือตัวอย่างของ Native Ads ในเว็บ sanook.com (ตรงกรอบสีแดง)
![](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2017/07/Screen-Shot-2559-12-01-at-12.02.38-PM.jpg)
Content ที่จะนำมาใช้ในการทำ Native Ads อาจจะเป็นทั้ง sale content หรือ non-sale content ก็ได้ ในตัวอย่าง 2 content แรก คือ non-sale content ส่วน content ที่ 3 คือ sale content
Sale Content คือ คอนเทนต์ที่ขายโดยตรง คนคลิกเข้ามาแล้วก็จะมีรายละเอียดของสินค้าหรือบริการของเราเลยครับ แต่ต้องระวัง บางทีลูกค้าอาจจะรู้สึกว่า hard sale เกินไป
Non-Sale content คือ คอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย แต่เราจะสอดแทรกสินค้าหรือบริการเข้าไปด้วยในคอนเทนต์นั้นๆ คอนเทนต์ประเภทนี้มักจะส่งผลให้คนคลิกมากกว่า เพราะลูกค้าจะเข้าไปอ่านข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวลูกค้าเอง
จากภาพในข้างต้น เห็นหรือป่าวครับว่า Native Ads แบบ non-sale content นั้นดูเนียนมากๆ ถ้าเราลองคลิกเข้าไปอ่านดู ก็จะเป็นบทความปกติที่ให้ประโยชน์แต่จะมีการแทรก สินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นๆเข้าไปด้วย
ประโยชน์และข้อดีของ Native Ads
- การทำ Native Ads นั้นมีอัตราการคลิกที่สูงกว่า Banner มาก ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเห็นคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
- สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า Banner เพราะเนื่องจากผู้บริโภคตั้งใจเข้าไปอ่านโดยตรง
- การทำ Native Ads คิดค่าใช้จ่ายตามจริงที่คนคลิก ถ้าคนไม่คลิกเราก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เมื่อมีคนคลิกเข้ามา สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ เก็บสถิติได้
- เป็นช่องทางใหม่ ที่เราสามารถทำได้ก่อนคู่แข่งจะรู้ตัว ทำให้เราก้าวข้ามคู่แข่งไปอีกหนึ่งขั้น
- ผู้บริโภคไม่รู้สึกเหมือนว่าเป็นการโฆษณา ถ้าเราเลือกใช้ Non-Sale Content
ถ้าอยากจะทำ Native Ads ต้องทำอย่างไร
ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการนอกจากเจ้าใหญ่ๆ ตัวอย่างเช่น Yengo และ Taboola แล้ว ยังมีอีกหลายเจ้าที่ให้บริการ ถึงตรงนี้ทางทีมคอนเทนต์ขอแนะนำว่าลองพิจารณาและเปรียบเทียบประโยชน์ที่จะได้รับจากแต่ละเจ้าว่าเหมาะสมกับธุรกิจของเรา หรือ ผู้ให้บริการนั้นๆ ได้มีเครือข่ายหรือช่องทางตรงกับลูกค้าที่เราต้องการหรือไม่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับผลลัพธ์ในการโฆษณามากที่สุดครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับความรู้เรื่อง Native Ads นักการตลาดและผู้ประกอบการทุกท่าน คงจะเริ่มสนใจกันมากขึ้นแล้ว หวังจะนำอาวุธใหม่ชิ้นนี้ ไปปรับใช้กับกลยุทธ์ของท่านในการทำการตลาด เพื่อต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จกันมากขึ้นนะครับผม