งาน Creative Talk เป็นงานที่รวบรวม สปีกเกอร์ ที่มีประสบการณ์ในการทำการตลาดมาให้เคล็ดลับ เปิดมุมมองการทำตลาดบนโลกออนไลน์ รวมถึงเทรนที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทีมงานของ STEPS Academy ได้รวบรวมข้อมูลเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการทำการตลาด สำหรับผู้ประกอบการ
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นสำหรับการทำตลาดออนไลน์ ณ ปัจจุบัน
1. การปรับตัวเพื่อเข้าสู่การตลาดออนไลน์
SME ในประเทศไทยมีเพียง 20% ที่เข้ามาทำการตลาดออนไลน์ จากจำนวนทั้งหมดกว่า 3 ล้านราย ที่ปรับตัวเข้ามาทำการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) สำหรับการปรับตัวเข้ามาทำการตลาดบนโลกออนไลน์ มีเพียงแค่เจ้าของที่เห็นด้วยคนเดียวก็ไปไม่รอด แต่ต้องเป็นทั้งองค์กรที่มีความเห็นตรงกันถึงความสำคัญของการตลาดออนไลน์
ทัศนคติเป็นเรื่องที่สำคัญในการปรับตัวเข้ามาทำออนไลน์ ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นทันทีชั่วข้ามคืน ทั้งองค์กรต้องให้ความร่วมมือและพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
สำหรับองค์กรที่กำลังปรับตัวเพื่อเข้าสู่การตลาดออนไลน์ สิ่งแรกที่ต้องตอบให้ได้เลยคือ
- ลูกค้าของคุณคือใคร
- มีพฤติกรรมแบบไหน
- ชอบหรือไม่ชอบอะไร
2. การใช้จ่ายด้วยเงินสดจะค่อยๆ ลดลง!!
อัตราการใช้จ่ายด้วยเงินสดจะลดลง หรือที่เรียนกว่า Cashless ในร้านค้าหลายแห่งในประเทศไทยได้เริ่มใช้ระบบการใช้จ่ายผ่าน QR Code / Prompt pay / E-payment เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่ได้พกเงินสดติดตัวมา
สำหรับประเทศไทยนั้นเพิ่งเริ่มต้นในการใช้ระบบนี้ แต่สำหรับต่างประเทศนั้นถือเป็นเทรนโลก เช่นที่จีนมีการใช้จ่ายผ่านระบบ QR Code มากขึ้น 60% สำหรับประเทศ Sweden มีอัตราการใช้จ่ายด้วยเงินสดเพียงแค่ 3% ของทั้งประเทศ เรียกได้ว่าไม่ต้องถือเงินกันเลยทีเดียว
สิ่งที่ผู้ประกอบการสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ
- เริ่มต้นวางระบบการใช้จ่ายด้วย QR Code
- สำหรับผู้ประกอบการที่มีระบบ ซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ ควรตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
3. ผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้มากขึ้น และฟังสิ่งที่ผู้บริโภคพูดกันเองมากขึ้น
คอนเทนต์เป็นที่ถูกสร้างโดยลูกค้าด้วยกันเองจะมีพลังมากกว่าคอนเทนต์ที่ถูกสร้างจากเจ้าของแบรนด์ ซึ่งเจ้าของแบรนด์ก็ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภคจนอยากจะแชร์หรือบอกต่อด้วยตัวของเขาเอง หรือที่เรียกว่า User Generated Content (UGC)
นอกจากคอนเทนต์ที่ถูกเขียนโดยผู้บริโภคแล้ว คอมเมนต์ที่ผู้บริโภคได้พูดถึงแบรนด์ก็สำคัญเช่นกัน การที่เอาใจใส่ในทุกคอมเมนต์ที่ผู้บริโภคให้ จะทำให้แบรนด์พัฒนาและสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคได้โดยง่าย
การที่แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง จะทำให้แบรนด์สามารถสร้างการจดจำได้ในทุกจุด Touch Point ที่สามารถทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีกับผู้บริโภคได้
สิ่งที่แบรนด์หรือเจ้าของกิจการควรเตรียมความพร้อมคือ
- สร้างประสบการณ์ที่ดีทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์ เช่นความง่ายในการใช้งานเว็บไซต์ การบริการหลังการขาย เป็นต้น
- ศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น จุดไหนบ้างที่ทำให้ลูกค้าสามารถจดจำแบรนด์ของคุณได้ ในบางครั้งอาจจะเป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น การจัดวางทิชชู่ที่มีโลโก้หันเข้าหาลูกค้า
- เปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้บริโภค เพื่อพัฒนาให้แบรนด์สามารถเข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมายได้
4. พัฒนาทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing
ข้อควรระวังสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่โดยปกติทั่วไปแล้ว ในการตัดสินใจทำแคมเปญหรือแก้ปัญหา ตัวเจ้าของจะมีการตัดสินใจจากประสบการณ์หรือสัญชาติญาณ ทำให้ทีมงานที่ไม่ได้มีประสบการณ์ไม่เข้าใจในสิ่งที่เจ้าของต้องการสื่อสารออกไป
แหล่งข้อมูลสติถิต่างๆ เป็นตัวช่วยอย่างดีที่สามารถยืนยันในสิ่งที่เจ้าของแบรนด์ตัดสินใจ และจะส่งผลทำให้ทีมงานมีความชัดเจนในการตัดสินใจด้านการตลาดได้ในอนาคต
สำหรับปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งเริ่มให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มีทักษะ หรือความสามารถทางด้าน Digital Marketing เพิ่มมากขึ้นสำหรับเจ้าของกิจการที่เริ่มเข้าสู่การตลาดออนไลน์ ความรู้ด้านนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
5. Artificial intelligence หรือ AI ได้เข้ามาแฝงตัวอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา
Internet of Things ไม่ได้กำลังจะสิ้นสุดลงแต่จะมีการพัฒนามากขึ้น เป็น Intelligent of Things ซึ่งจะมี Artificial intelligence หรือ AI เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น กล้องวงจรปิดที่ ประเทศจีนได้มีการนำ AI เข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์สำหรับจับใบหน้าของคนที่มีประวัติการก่ออาชญากรรม หรือผู้ต้องสงสัย การเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จะสามารถพัฒนาการได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับการตลาดบนโลกออนไลน์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากหากใช้งานอย่างถูกวิธี เช่น ใช้ให้ช่วยจับคีย์เวิร์ดด้านลบ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณทำแคมเปญ คุณจะแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะไม่สามารถแก้ไขได้ หรือที่เรียกว่า Social listening นั่นเอง
เครื่องมือสำหรับคอยตรวจความเคลื่อนไหวของแคมเปญ หรือ Social listening tools จะมี Zanroo , Hootsuite , Zoho หรือ ถ้าต้องการศึกษาเครื่องมืออื่นๆ สามารถหาได้ที่ G2Crowd
6. เลือกใช้การโปรโมทให้เข้ากับธุรกิจในแต่ละช่วง
ภาพจาก : https://www.getkobe.com/influencer-platform/
Brand จะมองหา Influencer ที่มีความต้องการตรงกับสินค้าจริงๆ ไม่ใช่แค่การใช้ พรีเซนเตอร์ เพื่อแค่โปรโมทสินค้า ตัวอย่างเช่นถ้าเป็นแบรนด์ช่วงเริ่มต้น ต้องการโปรโมทสินค้าให้เป็นที่รู้จักวงกว้าง ใช้ Influencer ที่มีคนรู้จักเป็นวงกว้างเพื่อขยายการรับรู้ สิ่งสำคัญคือ Influencer ที่เลือกมาต้องสอดคล้องกับสินค้าแบรนด์ของคุณ
แต่ถ้าต้องการสร้างยอดขาย Micro Influencer เป็นกลุ่มคนที่มีคนติดตามไม่เยอะแต่สามารถที่สร้างยอดขายให้แบรนด์ของคุณได้ เพราะลักษณะเป็นผู้บริโภคคุยกับผู้บริโภคด้วยกันเอง
Brand ต้องให้ความสำคัญในการสร้าง Community เพื่อเชื่อมแบรนด์เข้ากับผู้บริโภคให้มากขึ้น รวบรวมกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันมาอยู่ที่เดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้เพิ่มมากขึ้น
7. Website ทรัพย์สินที่สำคัญบนโลกออนไลน์
แพลตฟอร์มการทำตลาดที่คนนิยมมากที่สุดอย่าง Facebook ได้มีการปรับให้การมองเห็นของแฟนเพจลดลง ผู้บริโภคจึงให้ความสำคัญกับการเสิร์ชมาขึ้น การสร้างทรัพย์สินที่เป็นของ Brand เอง เช่น การมีเว็บไซต์เพื่อเตรียมสำหรับรองรับการค้นหาที่มากขึ้น
มองภาพรวมของการทำธุรกิจให้กว้างมากขึ้น ใช้แพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้นในการทำการตลาด หรือที่นักการตลาดหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ อย่าฝากไข่ ไว้ในตะกร้าใบเดียว
Facebook เป็นเพียงแค่ช่องทางในการทำการตลาดเพียงช่องทางหนึ่ง บนโลกออนไลน์มีช่องทางในการทำการตลาดมากมาย เช่น Instagram , YouTube , Website , Pinterest เป็นต้น เพิ่มช่องทางการทำตลาด เท่ากับ เพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคเห็นแบรนด์ได้มากขึ้น
8. ประสบการณ์ที่ดีบนโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่การออกแบบให้สวยงาม
UX (User Experience คือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าเข้าใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม Website) ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่คนให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้งานเป็นจุดศูนย์กลาง สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งาน เป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาธุรกิจได้จริง หลายองค์กรให้ความสนใจด้าน ดีไซน์มากขึ้น เพื่อให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น
ในการออกแบบ UX ต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้เกี่ยวข้องที่เข้าใช้งานทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตัวเจ้าของ จนถึงลูกค้าที่ซื้อของ ทุกคนล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการออกแบบ UX ทั้งหมด
UX ต้องเข้าใจในความรู้สึก พฤติกรรม ความต้องการของลูกค้าจริงๆ ซึ่งต้องอาศัยการรีเสิร์ชความต้องการ UX ไม่ใช่แต่ในเรื่องของความสวยงาม แต่รวมไปถึงเรื่องของการใช้งานด้วยเช่นกัน
ต้องทำงานสอดคล้องกันทั้งในการสื่อสารตัวตนของแบรนด์ไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์ สื่อสารจุดแข็งของแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้า เป็นการถ่ายทอดวิสัยทัศน์ CEO ของแบรนด์
9. สมาธิและการจดจำของผู้บริโภคจะสั้นลง
ความชัดเจนของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ ผู้บริโภคยังเสพคอนเทนต์บนโลกออนไลน์แต่สิ่งที่แตกต่างจากที่ผ่านมาคือสมาธิของผู้บริโภคจะสั้นลง มีแพลตฟอร์มให้ใช้งานหลากหลายมากขึ้น มีคอนเทนต์ให้เสพมากขึ้น ส่งผลให้ความจำที่มีต่อแบรนด์นั้นสั้นลง
สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือ
- มีความชัดเจนในสินค้า กลุ่มเป้าหมาย
- สร้างคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจและดึงดูด
- ใช้รูปแบบที่ง่ายต่อการจดจำ และสร้างเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
สรุปสิ่งที่ผู้ประกอบการควรเตรียมสำหรับการเข้ามาทำตลาดบนโลกออนไลน์จากงาน Creative Talk 2018
- รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของคุณคือใคร
- เตรียมความพร้อมสำหรับการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์
- รับฟังปัญหาของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่ตรงจุด
- สร้างทีม / เรียนรู้ทักษะทางด้าน Digital Marketing
- เรียนรู้การใช้งาน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- ใช้ Influencer ให้สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ
- มี Website สำหรับรองรับการค้นหา
- ต้องให้ความสำคัญกับ UX (User Experience)
- แบรนด์ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจน
สำหรับคนที่ต้องการรับฟังการบรรยายในงานแบบย้อนหลัง สามารถติดตามดูย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel ของ Creative Talk Live