เมื่อคอนเทนต์บน Facebook ณ ปัจจุบันมีจำนวนมาก เกินกว่าที่ผู้ใช้งานจะรับชมได้หมดทุกอัน Facebook จึงต้องเลือกคอนเทนต์ที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้นั้นที่สุด เพื่อนำมาแสดงให้คนๆนั้นเห็น
โดยใช้ Algorithm หลายแบบที่ออกแบบมารองรับ และจำเป็นต้องติดตามและอัพเดทอยู่เสมอ เพราะ Algorithm มักจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับการโพสต์ให้ผู้ใช้เห็นสิ่งที่คุณโพสต์เยอะๆ คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองเพียงรู้เคล็ดลับพื้นฐานสำหรับการโพสต์
ทุกโพสต์ที่ปรากฎบน News Feed ของผู้ใช้งาน จะอ้างอิงจากคะแนนความน่าสนใจ ( Relevancy Score) ของผู้ใช้งานแต่ละคน โดยพิจารณาจากหลายปัจจัย ก่อนที่จะนำเสนอให้ผู้ใช้งานได้เห็น โดยมีหลักการแนวคิดว่า ทำอย่างไรเพื่อแสดงโพสต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยมีวิธีการประเมินผลขั้นต้น คือการนับ Click, Like, Share, Comment หรือการมีปฏิสัมพันธ์ (Engagement) กับโพสต์นั้นๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเรื่องของระยะเวลาทีผู้ใช้งาน อ่านโพสต์นั้นๆ อีกด้วย
เครดิต: http://www.adgo.io/blog/2017/6/8/facebook-organic-reach-is-declining-heres-6-ways-to-fight-it
สถิติจำนวนผู้ใช้งาน Facebook นั้นมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Facebook ก็พยายามคัดเลือกโพสต์ให้ตรงกับผู้ใช้งานมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้จำนวนคนที่มองเห็นโพสต์น้อยลงตามลำดับ
สิ่งที่ Facebook ให้ความสำคัญในการรักษาพื้นที่ให้ผู้ใช้งาน คือให้ผู้ใช้งานได้อ่านสิ่งที่ “เกี่ยวข้อง” กับตัวเองเป็นหลัก สิ่งที่ Facebook ใช้ในการคำนวนการแสดงผลของโพสต์เรียกว่า Edgerank ซึ่งประกอบด้วย
Edgerank = Affinity x Weight x Decay
- Affinity = ความสัมพันธ์ของคุณและเพื่อนใน Facebook
- Weight = การกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นกับโพสของคุณ
- Decay = อายุของโพสต์หรือความสดใหม่ของโพสต์
1. Affinity
คือ ความสัมพันธ์ ระหว่างคุณกับเพื่อนใน Facebook เช่นความถี่ในการเห็นโพสต์ของคุณ ทุกๆโพสต์ของเราจะมีคะแนน Affinity ยิ่งมีคะแนนสูงเท่าไร โพสต์ของคุณก็จะถูกนำมาโชว์มากขึ้น
ซึ่งโพสต์จะถูกโชว์ให้กับ:
- คนที่เกี่ยวข้องกับคุณ
- อยู่ในลิสต์เพื่อนสนิท
- คนที่คุณปฏิสัมพันธ์ด้วยเป็นประจำ
- มี Mutual Friend เยอะ
คุณสามารถพัฒนาได้โดยการ เข้าไปปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาเหล่านั้น โดยการคอมเมนต์ กดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นการเพิ่มคะแนน Affinity ตัวอย่างเช่น เกิดการโต้ตอบระหว่างผู้ที่มาอ่านคอนเทนต์และแอดมินที่ดูแลเพจ ความเร็วในการตอบคนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการคอมเม้นต์ เป็นต้น
2. Weight
คือ Action ต่างๆที่เกิดขึ้นกับโพสต์ของคุณโพสต์นั้นจะถูกนำมาโชว์มากขึ้น ถ้ามีการกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์จำนวนมาก โดยจะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากมีการ Engage ในช่วงเวลาหลังจากที่คุณพึ่งโพสต์ไปไม่นาน คุณสามารถเพิ่ม Weight ได้โดยการมอบคอนเทนต์ที่ดี และมีคุณค่าพอที่คนจะอยากเข้ามา Engage ยกตัวอย่าง เช่น โพสต์ที่ให้ความรู้ต่างๆ โพสต์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ช่วยให้เขาประหยัดเวลา ประหยัดเงิน เป็นต้น
3. Decay
หมายถึง “อายุ” ของโพสต์หรือความสดใหม่ของสิ่งที่คุณโพสต์ โดยโพสต์เก่าๆจะถูกนำมาโชว์น้อยกว่าโพสต์ใหม่ๆ ซึ่งในจุดนี้ เราสามารถพัฒนาได้โดยการ “ขุด” โพสต์ ซึ่งหมายถึงการเข้าไปกดไลค์ คอมเมนต์โพสต์เก่าๆนั้น เพื่อที่จะทำให้โพสต์นั้นถูกนำมาโชว์บนหน้า Newsfeed อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นโพสที่มีคะแนนของ Affinity และ Weight ที่ดีมากๆแล้วการที่คุณเข้าไปขุดโพสต์จะทำให้โพสต์นั้นถูกกระจายออกไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
หลักๆแล้ว Edge Rank จะมีส่วนประกอบสำคัญ 3 อย่างซึ่งก็คือ Affinity Weight และ Decay แต่มีอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันซึ่งก็คือ “ประเภทของโพสต์”
ประเภทของโพสต์
สำหรับการโพสต์ใน Facebook จะถูกแบ่งออกเป็น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือ Live สด ตัวอย่างเช่น Facebook จะโชว์โพสต์ประเภทวิดีโอ ให้แก่คนที่สนใจและเคยเข้ามารับชมวิดีโอโพสต์บ่อยๆ ซึ่ง Algorithm นี้ จะเป็นเหมือนกันกับ โพสต์ประเภทข้อความ รูปภาพ และ Live
โดย ณ ปัจจุบัน ทาง Facebook ได้ให้ความสำคัญกับโพสต์ประเภท Live เป็นพิเศษ เพราะ Facebook ต้องการโปรโมทฟีเจอร์ Live สด ดั้งนั้นโพสต์ประเภท Live จึงถูกนำมาโชว์มากเป็นพิเศษ
ซึ่ง Algorithm ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นนั้น บ่งบอกว่าผู้ใช้งาน Facebook ณ ตอนนี้ เป็นผู้ที่ “ควบคุม” คอนเทนต์ที่จะถูกนำมาโชว์บนหน้า News feed ของพวกเขาเองก็ว่าได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ การให้คอนเทนต์ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างแท้จริง พยายามเลี่ยงการส่งคอนเทนต์ประเภท Sale ออกไปมาก เพราะผู้บริโภค สามารถเลือกที่จะ Unfollow หรือ Unfriend คุณได้ทุกเมื่อ
โดยทาง Facebook ยังมีระบบ Algorithm อยู่มากมายหลายแบบ เช่น การวัดจาก เพศ อายุ สิ่งที่คุณสนใจบน Facebook หรือ สิ่งที่คุณสนใจนอก Facebook เป็นต้น โดยจะขอนำเสนอ Algorithm อื่นๆที่คุณควรทราบ และสามารถนำมาปรับใช้สำหรับการทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ Edge Rank
สิ่งสำคัญสำหรับพื้นที่บนออนไลน์คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน หากผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดี ย่อมหมายถึงการเลือกกลับมาใช้อีกครั้ง โพสต์ต่างๆบน News Feed จึงเป็นตัวแปรสำคัญ หากโพสต์มีคุณภาพหรือมีเนื้อหาที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งาน พวกเขาจะเปิดมันขึ้นมาเพื่ออ่านหรือดูภาพ วิดิโอ ทุกครั้งที่มีโอกาส
- Facebook ชอบโพสต์ที่มี Engagement เยอะๆ เช่นการมียอดไลค์ คอมเมนต์ และการแชร์มากๆ สิ่งเหล่านี้จะดึงดูด Facebook เป็นอย่างมาก และ Facebook ก็จะนำคอนเทนต์เหล่านั้นขึ้นมาโชว์มากขึ้น เนื่องจากโพสต์ที่ได้รับความนิยมจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือถูกส่งต่อไปยังผู้ใช้งานรายอื่นๆ ช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้งานอยู่กับเครือข่ายออนไลน์ได้มากขึ้น
- Facebook ชอบ Live Video ที่มี Engagement เยอะ สำหรับ Live Video นั้น Engagement นั้นหมายถึง วิดีโอที่มีผู้เข้ามารับชมจำนวนมาก มีการตอบโต้ในช่องคอมเมนต์ มีการแชร์ และที่สำคัญคือ มีผู้ชมที่รับชมจนจบการ Live สดนั่นเอง
- Facebook จะชอบโพสต์ที่โพสต์โดยคนที่กรอกข้อมูลในช่อง Profile ของตนเองอย่างครบถ้วน
- Facebook ชอบโพสต์หรือคอนเทนต์ใหม่ๆที่ไม่เคยถูกโพสต์ใน Facebook มาก่อน
ในทีนี้หมายถึง คอนเทนต์ใหม่ๆที่ Facebook ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือไม่เคยอยู่ในระบบมาก่อนนั่นเอง
- Facebook ไม่ชอบคอนเทนต์เก่าๆที่ “วนเวียน” อยู่ในระบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า (เอาโพสต์เก่ามาโพสต์ซ้ำ)
- Facebook ไม่ชอบ Spam Link (ใส่ลิงก์ที่ไม่เป็นประโยชน์)
- Facebook จะให้ความสำคัญกับโพสต์รูปภาพหรือวิดีโอ มากกว่า โพสต์ประเภทข้อความเพียงอย่างเดียว
- Facebook จะไม่ชอบโพสต์ที่มีประวัติไม่ดี อย่างเช่น โพสต์ที่เคยถูก Reported เคยถูกซ่อน หรือเคยถูกลบทิ้ง เป็นต้น
- Facebook ไม่ชอบโพสต์ที่ใช้การโปรโมทแบบเว่อเกินไป
ยกตัวอย่างคอนเทนต์ของ STEPS Training ที่ใช้หลักการ Edgerank
เครดิต: https://www.facebook.com/digitalmarketingacademythailand/
จากภาพข้างต้นเป็นคอนเทนต์ที่ทีมคอนเทนต์ของ STEPS Training เขียนขึ้นมา โดยยึดหลักของ edgerank และมีการเข้าใจถึงปัญหาของผู้บริโภค คืออยากได้ภาพสวยๆแต่ไม่อยากเสียตังซื้อ จะทำยังไงดี ซึ่งทีมงานก็ได้ทำการบ้านและหาข้อมูล ใช้การสื่อสารผ่านทางภาพเพื่อให้เห็นภาพที่ต้องการจะสื่อได้มากขึ้น
สรุป
ถ้าคุณต้องการโพสต์เพื่อให้ผู้คนเข้าถึงคุณเป็นจำนวนมาก คุณจะต้องคำนึงถึงความสนใจของ กลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการจะสื่อถึง สรุปคือ สิ่งที่คุณต้องคิดคำนึงถึงมากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้โพสต์ของคุณ “เกี่ยวข้อง” กับคนที่คุณต้องสื่อสารด้วยมากที่สุด
Source:
- http://www.adgo.io/blog/2017/6/8/facebook-organic-reach-is-declining-heres-6-ways-to-fight-it
- https://blog.hubspot.com/marketing/facebook-declining-organic-reach#sm.00011ec4ou1c96e39vz2kgozf5xht
เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ
