หากเราพูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) กันแต่ก่อน ก็คงจะนึกถึงการค้นหาบางสิ่งบางอย่าง ผ่าน Google เช่น รูปภาพ แผนที่ เว็บไซต์ หรือข่าวสาร เป็นต้น
แต่ในปัจจุบันนี้ เราสามารถทำ SEO จากช่องการค้นหาบน Instagram กันได้แล้ว
การทำ Instagram SEO จะเป็นประโยชน์สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ เมื่อผู้ใช้งานทำการค้นหาด้วย Keyword ที่ต้องการ ทำให้โพสต์ต่าง ๆ ของเราถูกค้นเจอง่ายขึ้นด้วยช่องทางการค้นหาจาก Interest* ซึ่งในวันนี้ STEPS ACADEMY จะมาแนะนำ SEO บนช่องทางไอจี สำหรับผู้ประกอบการที่มีร้านค้าบนแพลตฟอร์มนี้กันค่ะ
(Interest เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่แบ่งประเภทของสิ่งต่าง ๆ ตามความสนใจ ไม่ว่าจะเป็น แฟชั่น อาหาร การท่องเที่ยว สัตว์เลี้ยง หรือความสนใจอื่น ๆ )
Instagram SEO คืออะไร
Instagram Search Engine Optimization คือวิธีการที่ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถถูกค้นหาเจอบนช่องทางไอจีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญหลัก ๆ ที่นักการตลาดควรโฟกัสนั่นก็คือการสร้าง Keyword ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ค้นหาเป็นส่วนมาก ซึ่งระบบอลักอริทึมของ Instagram จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาคอนเทนต์ที่มีตรงกับ Keyword นั้น ๆ และเลือกคอนเทนต์ที่มีความใกล้เคียงมานำเสนออีกด้วย
Keyword ที่ผู้ค้นหาสามารถนำไปใช้ จะเป็นได้ทั้งคำที่อยู่ในแคปชันของโพสต์ วลีต่าง ๆ และแฮชแท็ก ทำให้โอกาสที่กลุ่มเป้าหมายจะเห็นคอนเทนต์ของเราง่ายขึ้น
การใช้ช่องทางค้นหาบน Instagram ด้วยฟีเจอร์ Interest
ปกติแล้ว ผู้ใช้งานใน Instagram ก็สามารถค้นหาแฮชแท็ก หรือชื่อร้านผ่านช่องทางค้นหา (ช่อง Searching) ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาที่ราค้นหา Keyword บางอย่างบน Instagram เราอาจไม่ได้เจอโพสต์ที่น่าสนใจ หรือ เราอาจจะพลาดคอนเทนต์เจ๋ง ๆ ในบางโพสต์ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ผลลัพธ์การค้นหาไม่ได้แบ่งหมวดหมู่ตามความสนใจของเรา ทำให้เราไม่ได้เห็นผลลัพธ์จากการค้นหาที่ใกล้เคียงกันนั่นเอง
ดังนั้น Instagram จึงได้เพิ่มฟีเจอร์การค้นหา เพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหา Keyword ตามความสนใจของเราได้ รวมทั้งการนำเสนอโพสต์ที่น่าสนใจใกล้เคียงกัน เพื่อให้เห็นคอนเทนต์ที่หลากหลาย และตอบโจทย์กับฟีเจอร์ Instagram Shopping มากขึ้น

ล่าสุด Adam Mosseri ผู้บริหารของ Instagram ได้โพสต์ข้อความผ่าน Twitter เกี่ยวกับการใช้ช่องทางการค้นหาของ Interest บน Instagram โดยใช้ Keyword ที่เป็น Username และ แฮชแท็กที่อยู่ในโพสต์ ตามภาพด้านล่าง
ข้อดี เมื่อแบรนด์ทำ Instagram SEO
- มีคนเข้ามาเห็นโพสต์มากขึ้น และได้กลุ่มเป้าหมายใหม่เพิ่มจากการค้นหา
- ได้กลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และความต้องการในการซื้อสินค้า และ บริการ เนื่องจากโดยเบื้องต้นแล้ว คำค้นหาของคนกลุ่มนี้ เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เรานำเสนอ
- ไม่จำเป็นต้องสร้างแฮชแท็กที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาแบบเป๊ะ ๆ ระบบอัลกอริทึมก็สามารถแสดงผลลัพธ์ได้อย่างใกล้เคียง
- แบรนด์สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยการศึกษาตลาดคู่แข่งว่ามีการนำเสนอคอนเทนต์อย่างไรบ้าง (แต่ไม่ใช่การลอกคอนเทนต์นะคะ) เพื่อวิเคราะห์หาจุดแข็งของตัวเองในการโปรโมตคอนเทนต์ของตัวเอง
- สามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ จากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์อื่น ๆ โดยร่วมกันทำธุรกิจเป็น Partnership และ แบรนด์สามารถแชร์กลุ่มเป้าหมายร่วมกันได้
วิธีการใช้งานจากช่องค้นหาด้วยฟีเจอร์ Interest บน Instagram
1 เริ่มต้นจากการเข้าไปยังหน้าการค้นหา ซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นไอคอนรูปแว่นขยาย จากนั้น ใส่ Keyword ที่ต้องการลงไป จากนั้น ผลลัพธ์การค้นหาก็จะปรากฏขึ้น โดยเราจะเห็นว่า มี Keyword ที่ใกล้เคียงกันปรากฏขึ้น เป็นลิสต์ต่อ ๆ กันลงมา
จากตัวอย่าง สมมติว่าเรา ค้นหาคำว่า Hiking ก็จะเห็นว่ามี Keyword ใกล้เคียงปรากฏขึ้นด้วย

2 เมื่อเราเลือกคลิกคำว่า Hiking แล้ว ก็จะเห็นโพสต์ต่าง ๆ ปรากฏขึ้น แต่เราก็จะเห็นคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Hiking ด้วย เช่น Trails และ Lifestyle

Instagram SEO vs. Search Engine SEO
จากที่ผู้เขียนได้กล่าวไปตอนต้นว่า หากเราได้ยินคำว่า SEO ก่อนหน้านี้ก็คงจะนึกถึง วิธีการพัฒนาเว็บไซต์ให้อยู่ในลำดับการค้นหาที่สูงขึ้น เมื่อเราทำการค้นหาผ่าน Google และ Bing
แต่อย่างไรก็ตาม ความหมายของ SEO ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การทำเว็บไซต์ให้ดีขึ้นอีกต่อไป เนื่องจาก Instagram เริ่มเห็นถึงความสำคัญของการค้นหาภายในแพลตฟอร์ม จึงได้มีการพัฒนาระบบอัลกอริทึมให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้หลักการค้นหา Keyword ที่เป็นที่นิยมในช่วงเวลานั้น ๆ เพื่อสร้าง Traffic ใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์และเพิ่มยอด Engagement จากการค้นหาด้วย Interest
5 เทคนิคการทำ Instagram SEO
จากนี้ไปเราจะไปดูกันค่ะว่า จะมีเทคนิคใดบ้างที่ร้านค้าออนไลน์ในไอจีของเรา จะสามารถพัฒนา SEO ได้บ้าง โดยกลยุทธ์หลัก ๆ จะประกอบไปด้วย 5 เทคนิคด้วยกัน คือ
1 สร้างคอนเทนต์ด้วยการเลือก Keyword ยอดนิยม
กลยุทธ์นี้จะเหมือนกับ การทำคอนเทนต์ทั่วไปจากบนเว็บไซต์ที่เป็น Blog ของเรา หรือการสร้าง Copy Writing บน Facebook เลยค่ะ ซึ่งผู้ที่ทำการค้นหาผ่านฟีเจอร์ Interest จะสามารถค้นหาคอนเทนต์ของเราเจอได้ ด้วยแคปชันของโพสต์เราเอง
ตัวอย่าง เมื่อเวลาที่ผู้ใช้งานค้นหา Keyword คำว่า Korean Food จากนั้น คอนเทนต์ต่าง ๆ ก็จะปรากฎขึ้นมา

จากนั้น หากเราลองคลิกภาพแรก ก็จะเห็นว่าในแคปชันของคอนเทนต์นี้มีคำว่า Korean Food อยู่ซึ่ง Keyword นี้ไม่ใช่แฮชแท็ก หรือชื่อ Account

2 Top Keyword จะต้องอยู่ในหน้า Bio และ Description
ปัจจุบันนี้ระบบอัลกอริทึม สามารถค้นหา Keyword อื่น ๆ ได้นอกจากเว็บไซต์ และรูปภาพแล้ว หมายความว่า ผลการค้นหาจาก Google สามารถมาจากแหล่งโซเชียลมีเดียช่องทางอื่น ๆ อย่าง Facebook Instagram หรือ YouTube หาก Keyword ที่ใช้นั้นตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้งาน
ดังนั้น การที่เราใช้ Top Keyword หรือคำศัพท์ยอดนิยมที่กำลังมีคนค้นหาเป็นจำนวนมากในช่วงเวลานั้น ก็จะทำให้โอกาสที่มีคนค้นหาคอนเทนต์ของเรามีเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งการเขียนแคปชันที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และสื่อถึงสินค้า และบริการของเราแบบตรง ๆ ก็มีส่วนช่วยให้คนค้นเจอโพสต์ในไอจีแบบง่าย ๆ
นอกจากนี้ ร้านค้าออนไลน์ที่ทำการตลาดผ่าน Instagram ควรคำนึงถึงหน้าโพร์ไฟล์หลัก และรายละเอียดของแบรนด์ด้วย เนื่องจาก เมื่อมีคนค้นหา Username ที่เป็นชื่อร้านของเราจากทาง Google ผลการค้นหาก็จะขึ้นชื่อร้าน และสามารถลิงก์มายังหน้า Instagram ของเราได้นั่นเอง
ตัวอย่างการค้นหาชื่อแบรนด์ หรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องบน Google
ตัวอย่างหน้า Instagram ที่มีการใส่ชื่อแบรนด์ และเลือกใช้ Top Keyword ที่คนมักค้นหา
3 ใช้เครื่องมือ Analytics เพื่อให้เข้าใจลูกค้า
กุญแจสำคัญในการเริ่มทำธุรกิจคือความเข้าใจลูกค้า หรือการวิเคราะห์ข้อมูล และพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้ ซึ่งการที่แบรนด์จะสามารถเข้าใจลูกค้าได้นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การรับฟังคำติชมเพียงอย่างเดียว แต่การทำการตลาดในยุคดิจิทัล คุณจะต้องใช้เครื่องมือให้เป็น เพื่อนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์
เครื่องมือที่ควรใช้ในการค้นหา Keyword ยอดนิยมเพื่อนำมาทำการตลาดได้แก้ Keyword Planner และ Googe Search Console
ทั้งสองเครื่องมือนี้จะสามารถแสดงผลให้คุณได้ทราบว่า Keyword ต่าง ๆ ที่เราต้องการใช้ในท้องถิ่นนั้น ๆ หรือประเทศนั้น ๆ นิยมหรือไม่ หรือช่วงนี้ Keyword ใดควรนำไปใช้ทำคอนเทนต์มากกว่ากัน โดยเฉพาะ Googe Search Console ที่นักการตลาดสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยการใช้เครื่องมือนี้ทำแคมเปญโฆษณา
4 เลือกช่วงเวลาโพสต์ที่กลุ่มเป้าหมาย Active มากที่สุด
หากเราจะเปรียบเทียบกับการทำธุรกิจแบบออฟไลน์ หรือธุรกิจที่มีหน้าร้านแล้ว อย่างน้อยที่สุด ผู้ประกอบการควรทราบว่า เวลาไหนเหมาะสมที่จะขายมากที่สุด เช่น หากร้านคุณขายโจ๊ก ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดก็ควรจะเป็นช่วงเช้า หรือรอบดึกไปเลย มากกว่าช่วงเวลาสาย ๆ หรือบ่าย ๆ เพราะคนนิยมรับประทานโจ๊กกันในช่วงเวลาก่อนไปเรียน ทำงาน หรือหาอาหารย่อยง่ายในรอบดึก
การทำการตลาดออนไลน์ ก็เช่นกัน แต่วิธีการอาจจะมีประสิทธิภาพกว่านั้น เพราะเรามีเครื่องมือคอยช่วยเหลือ อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์ออกมาเป็นตัวเลขให้เห็นภาพเป็น Data Visualization กันแบบง่าย ๆ โดยแพลตฟอร์ม Instagram สามารถใช้เครื่องมือวัดผล Insights ที่อยู่ใน Insight Instagram เพื่อวิเคราะห์หาช่วงเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของเรา (ผู้ติดตามแบรนด์) ว่ามัก Active Online ช่วงเวลาไหน และวันไหนมากที่สุด เพื่อที่ว่าคุณจะได้เลือกโพสต์คอนเทนต์ในช่วงเวลานั้น ๆ ทำให้โพสต์ของคุณไม่ถูกคอนเทนต์อื่น ๆ กลบทับ หรือกลายไปอยู่ในหน้าฟีดล่าง ๆ
นอกจากนี้ หากผู้ประกอบการมีร้านค้าออนไลน์อยู่ใน Facebook ด้วย ก็สามารถใช้เครื่องมือ Insight ของ Facebook เพื่อวิเคราะห์ช่วงเวลาที่มีคน Active Online บน Instagram ได้ด้วย โดยสามารถเข้าไปใน Creator Studio จากนั้นเลือก Instagram และกด Insight
5 เลือกใช้ Hashtag ให้เหมาะสม
กลยุทธ์นี้นักการตลาด และผู้ประกอบการคงคุ้นเคยกันดี กับการใช้แฮชแท็กทำการตลาดออนไลน์ ซึ่งถือว่าสำคัญในการทำ SEO บน Instagram อยู่เสมอ ซึ่งเทคนิคการใช้แฮชแท็ก บน Instagram เพื่อให้คอนเทนต์น่าติดตาม และสร้าง Brand Awareness ได้สามารถทำได้โดยใช้ Keyword ที่เหมาะสม หรือกำลังติดเทรนดืในช่วงเวลานั้น แต่ไม่ควรสร้างแฮชแท็กเยอะจนเกินไป ซึ่งจะทำให้คอนเทนต์ของเราดูไม่น่าสนใจ

ตัวอย่างแบรนด์ Smart Insights ที่เลือกใช้แฮชแท็กจำนวนไม่น้อย หรือมากเกินไป และเลือกใช้คำที่ตรงกับคอนเทนต์ ตอบโจทย์กับผู้อ่านในการค้นหา
นอกจากนี้ จากการศึกษาของ Instagram พบว่า
- การใช้แฮชแท็กที่มีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คน พบว่ามีผู้ใช้งานเข้าถึงโพสต์ดังกล่าว เฉลี่ย 22 ครั้ง
- ถึงจะใช้แฮชแท็กมากกว่า 11 คำ แต่แคปชันกลับมีผู้คนสนใจมากกว่าไอจีที่ไร้แฮชแท็ก
- หรือจะใช้วิธีการซ่อนแฮชแท็กไว้ข้างล่าง ไม่ให้รกสายตา ก็ยังมีผู้ชมสนใจแคปชันนั้น ๆ
สรุป
ข้อมูลจาก
NeilPatel