จากแอปพลิเคชันถ่ายภาพและตกแต่งรูปภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน Instagram กลายเป็นแอปที่ครองใจใครหลาย ๆ คนทั่วโลก ซึ่งในตอนนี้อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่า Instagram เป็นทั้งแอปที่ใช้เพื่อโพสต์รูปภาพและวิดีโอส่วนตัวของผู้ใช้งาน และเน้นไปที่การสื่อสารเพื่อเชื่อมต่อกับ Community ที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้น
Instagram นั้นเปรียบเสมือนพื้นที่ ๆ มีความสำคัญต่อผู้ใช้เป็นอย่างมาก ซึ่งการโพสต์ภาพ การกดไลก์และคอมเมนต์เพื่อแสดงความคิดเห็น กลายเป็นกิจกรรมที่ทุกคนให้ความสนใจ ดังนั้น การสร้างแบรนด์ออนไลน์ในแอป จึงเป็นโอกาสทองที่ Influencer และผู้ประกอบการ ควรใช้ในการดำเนินธุกิจ
สำหรับเหตุผลที่ทั้งผู้ประกอบการรายเล็กจนถึงรายใหญ่ สามารถลงสนามแข่งขันธุรกิจออนไลน์ใน Instagram นั้นก็เพราะจำนวนผู้ใช้ Instagram ทั่วโลกในปี 2019 มีมากถึง 1 พันล้านคน โดยผู้เล่น Instagram ในอเมริกาที่มีผู้เล่นเพิ่มขึ้น 35 – 37%
นอกจากนี้แอปมีความนิยมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง แถมยังมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ในการสร้างธุรกิจอีกด้วย

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
ในวันนี้ STEPS Academy ได้รวบรวมสถิติจากการใช้ Instagram เพื่อนำไปเป็นไอเดียต่อยอดธุรกิจ และสามารถนำข้อมูลสถิติไปใช้เพื่อพัฒนากลยุทธ์ให้แก่แบรนด์ได้ในอนาคต
จะมีสถิติไหนน่าสนใจบ้าง เราไปชมกันเลยค่ะ
1. สถิติผู้ใช้ Instagram
1.1 สถิติจากอายุและเพศ
ข้อมูลในภาพจาก Statista จะเห็นได้ว่า ผู้ใช้ Instagram ทั่วโลกมีอายุโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 34 ปี ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และหากเปรียบเทียบผู้ใช้งาน Instagram จากเพศนั้น พบว่า ผู้ใช้ที่เป็นผู้หญิงมี 51% และผู้ใช้ที่เป็นชายมี 49% ซึ่งไม่แตกต่างกันมาก

ภาพจาก: https://www.statista.com
1.2 สถิติตามหลักภูมิศาสตร์
จากภาพด้านล่าง เป็นสถิติจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศอเมริกาครองแชมป์จำนวนผู้เล่น Instagram ที่มากที่สุดในโลก โดยมีจำนวนผู้เล่น 116 ล้านคน ส่วนประเทศอินเดียนั้นรองลงมา อยู่ที่จำนวน 73 ล้านคน และประเทศบราซิล 72 ล้านคน
การที่ผู้ประกอบการทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถิติผู้เล่น Instagram นั้นจะช่วยให้ธุรกิจออนไลน์มีทิศทางในการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น และสามารถเจาะจงกลุ่มลูกค้าเพื่อทำการโฆษณาให้ตรงจุดมากที่สุดค่ะ

ภาพจาก: https://www.statista.com
2. สถิติเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Instagram
หลังจากที่ทุกท่านได้ทราบเกี่ยวกับสถิติกลุ่มผู้ใช้ Instagram ตามอายุ เพศและภูมิศาสตร์แล้ว เราขอนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ Instagram กันค่ะ
Sprout Social เปิดเผยข้อมูลการใช้ Instagram จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งาน สามารถแบ่งได้ 4 ประเภทดังต่อไปนี้
2.1 ความถี่ในการใช้ Instagram
Pew Research Center กล่าวว่าโดยปกติแล้ว 60% ของผู้ใช้ Instagram มักเข้าไปอัปเดตหรือดูรูปภาพอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน และมักเปิด Facebook ก่อนเสมอ หากเราคำนวณกันแบบในช่วงหนึ่งสัปดาห์ ผู่เล่น Instagram จะล็อกอินเข้าไปใช้บริการถึง 21 % ค่ะ

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
2.2 เวลาในการใช้ Instagram
ผู้ใช้ Instagram มักใช้เวลาในการเช็คข้อมูล ดูรูปภาพและวิดีโอ ประมาณ 53 นาทีต่อวัน ซึ่งเวลาที่ผู้เล่น Facebook ใช้ จะอยู่ที่ 58 นาทีต่อวัน
ข้อมูลนี้เป็นสถิติที่น่าสนใจสำหรับนักการตลาด เพื่อนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้ในการผลิตคอนเทนต์ที่ดีและสร้างสรรค์และเพื่อสร้าง Engagement ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
2.3 จำนวนผู้ใช้แอป
ในปี 2023 ได้มีการคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีผู้ใช้ Instagram จริง ( Active User )ในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มถึง 125.5 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบันอย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า Instagram มีผู้ใช้ประมาณ 1 พันล้านคนนับตั้งแต่ปี 2018

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
2.4 บุคคลดังที่มีคนติดตามมากที่สุด
นอกจากบุคคลทั่วไปจะนิยมเล่น Instagram แล้ว คนดังทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง หรือนักกีฬาต่างก็ชอบโพสต์รูปภาพเพื่อแชร์ชีวิตส่วนตัวและโปรโมตผลงานด้วยเช่นกัน ซึ่ง 3 คนดังระดับท็อปโลกที่มีผู้ติดตาม (ยอด Follower) มากที่สุดได้แก่
- Cristiano Ronaldo มียอดผู้ติดตาม 1,967.68 ล้านคน
- Ariana Grande มียอดผู้ติดตาม 171.5 ล้านคน
- Dwayne Johnson (The Rock) มียอดผู้ติดตาม 171.5 ล้านคน

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
3. สถิติแบรนด์ออนไลน์บน Instagram
3.1 เหตุผลที่ผู้เล่นติดตามแบรนด์ใน Instagram
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งจาก Business Instagram ได้เปิดเผยว่าผู้เล่น 90% ติดตาม Business Account ที่เป็นแบรนด์ธุรกิจ นอกจากนี้เหตุผลที่ผู้เล่น Instagram ติดตาม Account ที่เกี่ยวกับธุรกิจเนื่องจาก
- แบรนด์มีชื่อเสียง 78%
- แบรนด์มีความสร้างสรรค์ 77%
- แบรนด์สามารถสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้ชม Instagram 76%
- แบนด์สามารถสร้าง Community ให้แก่ผู้ใช้งาน 72%

ภาพจาก: https://www.facebook.com/business
จากสถิติที่เปิดเผยข้างต้น บอกได้เลยว่าสิ่งที่แบรนด์ได้นำเสนอแก่ลูกค้า มีผลต่อการซื้อขายทั้งสิ้น เนื่องจากผู้เล่น Instagram หรือลูกค้ามองหาสินค้าและบริการที่เป็นเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ดังนั้นหากผู้ประกอบการสามารถหากลยุทธ์ที่เข้ากับแบรนด์ของท่าน และนำไปใช้ในการนำเสนอสินค้าบนแพล็ตฟอร์มของ Instagram ได้มีประสิทธิภาพโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ และติดตามแบรนด์ก็มีมากขึ้นค่ะ
3.2 จุดประสงค์ที่ผู้เล่นใช้ Instagram ในด้านการซื้อขาย
จากภาพด้านล่าง เป็นตัวเลขสถิติที่สรุปได้จาก Facebook Business ซึ่งได้อธิบายเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่ผู้เล่นใช้ Instagram ในเชิงการซื้อขาย โดยมี 3 เหตุผลหลักคือ

ภาพจาก: https://www.facebook.com/business
3.3 แบรนด์ร่วมมือกับ Influencer
เมื่อแบรนด์ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดโดยการนำ Influencer หรือผู้ที่มีอิทธิพลในวงการใดวงการหนึ่งมาเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า สามารถช่วยให้ยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสำเร็จให้ทั้งสองฝ่ายด้วยเช่นกันค่ะ
ในวันนี้เราจะมานำเสนอประเภทธุรกิจที่ใช้ Influencer นำเสนอสินค้าและบริการมากที่สุด ซึ่งประเภทธุรกิจที่นิยมใช้เหล่าคนดังเพื่อโปรโมตสินค้ามากที่สุดคือ
- สินค้าแบรนด์หรู 91%
- เสื้อผ้ากีฬา 84%
- แบรนด์สำหรับสินค้าความงาม 83%

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
3.4 ช่องทางออนไลน์ใดที่นิยมใช้ Influencer มากที่สุด
จากผลสำรวจในด้านการตลาดออนไลน์ เราสามารถสรุปข้อมูจากกราฟได้ว่า Instagram ใช้ Influencer เพื่อโปรโมตสินค้ามากที่สุด (89%) ซึ่งการใช้กลยุทธ์ที่นำคนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือนำผู้ใช้สินค้าและบริการจริงมานำเสนอสินค้า ยังคงสร้างความน่าเชื่อถือและความจริงใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามกลยุทธ์นี้เพื่อใช้ในการโปรโมตแบรนด์ค่ะ

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
3.5 การโฆษณา
หลายแบรนด์เดินหน้าโฆษณาสินค้าบน Instagram กันอย่างเต็มสูบ จึงไม่แปลกใจที่ Facebook ที่เป็นแบรนด์พันธมิตรกับ Instagram จะได้รับรายได้ร่วมกันแบบ Win-Win ทั้งสองฝ่าย * ซึ่งสถาบันวิจัย CFA คาดการณ์เอาไว้ว่าในปี 2020 รายได้จากการโฆษณาร่วมกันระหว่าง Facebook และ Instagram จะเพิ่มขึ้นประมาณ 65 – 70% ซึ่งรายได้จากการโฆษณานี้เป็น 30% จากรายได้ทั้งหมดของบริษัทต่อปี
*(การที่ขายสินค้าและทำการโฆษณาร่วมกันระหว่าง แบรนด์ 2 แบรนด์ หรือแบรนด์กับ Influencer ได้รับรายได้ร่วมกัน โดยมีลักษณะพึ่งพากันทางธุรกิจ เรียกว่า Revenue Sharing ค่ะ)

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
3.6 การโฆษณาผ่าน Instagram Story
Instagram Story ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกทั้งผลตอบรับจากลูกค้าเมื่อทำการโฆษณาผ่าน Story นั้นเป็นเชิงบวก เนื่องจากการโพสต์ภาพหรือวิดีโอลงสตอรี่ คือการนำเสนอสินค้าเพื่อย้ำให้ลูกค้านึกถึงแบรนด์อยู่บ่อย ๆ ซึ่งโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อก็จะมีมากกว่าการโพสต์สินค้าเพียงอย่างเดียว ดังนั้น ในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเน้นการสร้างโฆษณาผ่าน Instagram มากกว่า Facebook 23% ค่ะ

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
3.7 การใช้แฮชแท็ก #
ข้อมูลจาก The Klear รายงานว่า 1 ใน 3 จากผู้เล่นแอป จำนวน 2.1 ล้านคน มีการโพสต์รูปภาพและวิดีโอผ่าน Instagram Story และใช้แฮชแท็กโฆษณา หรือ #ad ไปด้วย
การใช้กลยุทธ์แฮชแท็กทำให้กลุ่มเป้าหมายหรือผู้ที่สนใจสามารถค้นหาแบรนด์เจอจากการค้นหา และกลายมาเป็นลูกค้าในที่สุดค่ะ

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
ข้อดีจากการสร้างแฮชแท็ก นอกจากจะทำให้ธุรกิจออนไลน์ขยับขยายขึ้นแล้ว ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามการโฆษณาผ่าน IGTV เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำเสนอแบรนด์ด้วยนะคะ
3.8 การสร้างจุดยืนเพื่อสังคม
Sprout Social ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างจุดยืนของแบรนด์เพื่อสังคม หรือการที่แบรนด์ทำกิจกรรมบางอย่างที่กำลังเป็นประเด็นเพื่อมนุษยชาติว่า ผู้บริโภคมีความคาดหวังให้แบรนด์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากถึง 70% เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม และลูกค้ายังเชื่ออีกว่า แบรนด์สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่ผู้คนในสังคมได้จริง
ตัวอย่างเช่นแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Patagonia ออกมาแสดงจุดยืนในการรักษ์โลกด้วยการบริจาคเงิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่องค์กรสิ่งแวดล้อม
ข้อดีจากการสร้างจุดยืน หรือการเป็นกระบอกเสียงเพื่อให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญบางอย่าง สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์ได้ ในขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนหรือการสร้างจุดยืนของแบรนด์นั้นจะต้องวางแผนโฆษณาอย่างเหมาะสม เพราะการแสดงออกแบบขวาจัด หรือซ้ายจัดในบางประเด็นอาจสร้างผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามได้ เช่น ประเด็นการเมือง

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
เรามาดูสถิติจากภาพด้านล่างกันค่ะ สถิตินี้เป็นผลลัพธ์จากการที่แบรนด์ได้แสดงจุดยืนเพื่อทำกิจกรรมบางอย่างให้แก่สังคม ซึ่งมีผลลัพธ์ดังต่อไปนี้ค่ะ
- 43 % ของลูกค้าต้องการให้แบรนด์แสดงออกถึงจุดยืน เมื่อแบรนด์ได้รับผลกระทบด้วยโดยตรง
- 38 % ของลูกค้าต้องการให้แบรนด์แสดงออกถึงจุดยืน เมื่อประเด็นที่กำลังพูดถึง มีความเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของแบรนด์
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า 36 % ของลูกค้าที่เห็นการขับเคลื่อนแคมเปญจะตัดสินใจบริโภคสินค้าจากแบรนด์อีกด้วย

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
4. สถิติจากการใช้ฟีเจอร์บน Instagram
การใช้เครื่องมือหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ สามารถสร้างยอดขายให้ดีขึ้นและเพิ่ม Engagement จากลูกค้าได้อย่างคาดไม่ถึง จากที่เราได้กล่าวถึง Instagram Story และ IGTV กันไปก่อนหน้านี้ ทุกท่านก็พอจะทราบแล้วว่า ผู้ประกอบการไม่ควรพลาด อีกทั้ง Story และ IGTV ยังเป็นช่องทางซื้อขายที่น่าจับตามองในปี 2020
4.1 ฟีเจอร์ Story
สถิติจาก Instagram ได้ระบุว่าผู้ที่เล่นโซเชียลมีเดีย นิยมเข้าไปดู Story ต่าง ๆ ที่ตัวเองได้ติดตาม อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง โดยในปัจจุบันมีจำนวนผู้เล่นแอปมากถึง 500 คน

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
4.2 ฟีเจอร์เพื่อการชอปปิงออนไลน์
จากการสำรวจผู้ที่ชอบชอปปิงออนไลน์ผ่าน Instagram เปิดเผยว่าหลังจากที่ได้เห็นสินค้าหรือบริการผ่าน Instagram แล้วจะทำสิ่งเหล่านี้ในขั้นตอนต่อไปค่ะ
- 79 % ของลูกค้าจะเปิดดูรายละเอียดสินค้าเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
- 37 % ของลูกค้าจะไปที่หน้าร้านของแบรนด์เพื่อดูสินค้าจริง
- 46 % ของลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าออนไลน์เลย

ภาพจาก: https://sproutsocial.com
ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการโฆษณาบน Instagram มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าเป็นอย่างมาก จากภาพด้านบน เราจะเห็นได้ว่าลูกค้า 65% จะเข้าไปเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์หรือหน้าเพจของแบรนด์ หลังจากที่ได้เห็นโฆษณาผ่านตาไปบ้างแล้ว นับได้ว่ากระบวนการซื้อขายสำเร็จไปแล้ว 50% เนื่องจากลูกค้ามีความสนใจและอยากรู้จักสินค้าของเรา เหลือก็เพียงแค่กระบวนการชำระเงินเท่านั้นค่ะ
5. เทรนด์ของการผลิตคอนเทนต์บน Instagram
การอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟีเจอร์ หรือการอัปเดตกระแสที่เกิดขึ้นในสังคม มีส่วนให้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
หากแบรนด์ทราบว่าเทรนด์ไหนมาแรง เทคนิคไหนทำแล้วได้ผล แถมใช้ความเร็วเป็นต่อในการนำเสนอสินค้า
เราขอแนะนำให้ผู้ประกอบการนำกลยุทธ์มาผสมผสานเพื่ออัปเดตอนเทนต์ที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งการอัปเดตเทรนด์จะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้นค่ะ
5.1 Engagement rates
จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่า ค่าเฉลี่ยของ Engagement (การกดไลก์ คอมเมนต์ และแชร์คอนเทนต์ลงใน Instagram จะอยู่ที่ 1.6 % โดยหัวข้อที่สามารถสร้าง Engagement ได้มากที่สุดคือหัวข้อดังต่อไปนี้ค่ะ
- การศึกษา 3.96%
- องค์กรที่ไม่แสดงผลกำไร 2.4%
- การกีฬา 2.4%

5.2 ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการโพสต์
จากตารางภาพด้านล่าง เป็นผลการวิเคราะห์ช่วงเวลาที่คนนิยมเล่นโซเชียลมีเดียมากที่สุด โดยในแต่ละวันจะมีช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป หากช่องตารางนั้นเป็นสีชมพูอ่อน แสดงว่า Engagement ในช่วงเวลานั้นมีไม่มาก แต่หากช่องตารางที่มีสีแดงเข้ม แสดงว่าช่วงเวลานั้น มีคนใช้โซเชียลมีเดียมาก และเหมาะกับการที่แบรนด์จะโพสต์เพื่อขายสินค้าและบริการค่ะ

สรุป
สถิติการใช้ Instagram เป็นเหมือนกับประตูบานใหญ่ ที่รอให้ผู้ประกอบการได้เปิดเข้าไปค้นหาข้อมูลเพื่อเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
การนำข้อมูลเหล่านี้ มาใช้เพื่อคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการโปรโมตสินค้าให้ตรงจุดที่สุดและโดนใจลูกค้ามากที่สุด มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน และนำสถิติเหล่านี้ไปเป็นไอเดียเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีและมีคุณภาพต่อไปในอนาคตได้ค่ะ
หากท่านใดสนใจบทความที่เกี่ยวกับ Instagram หรือการโฆษณาออนไลน์ STEPS Academy ยังมีบทความที่เป็นประโยชน์ให้แก่ทุกท่านได้อ่านกันเพิ่มเติม โดยลิงก์จะอยู่ด้านล่างนี้นะคะ
ข้อมูลจาก:
https://blog.digimind.com
https://sproutsocial.com
https://www.facebook.com/business
https://www.emarketer.com
https://edition.cnn.com