Facebook ถือเป็นแพลตฟอร์มทำการตลาดและการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงมาก และสามารถวัดผลการตลาดได้อย่างละเอียด เนื่องจากสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงไม่ว่าจะเป็นการระบุ อายุ เพศ การศึกษา ที่อยู่อาศัย ความสัมพันธ์ อาชีพในอดีตถึงปัจจุบัน และความชอบส่วนตัวในทุก ๆ ด้านที่ผู้ใช้งานบันทึกลงใน Facebook ข้อมูลเหล่านี้ Advertiser สามารถนำมาใช้สร้างแคมเปญยิงโฆษณาได้อย่างเจาะจง
การใช้ภาพในการสื่อสารมีผลทำให้คนจดจำได้ 80% ในยุคที่คนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น การใช้ภาพเป็น หนึ่งสิ่งที่สามารถทำให้คนสนใจเราได้ ซึ่งภาพที่ใช้ถ้ายิ่งเป็นภาพที่ถ่ายเองจะยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือได้มาก ลองมาทดสอบกันง่ายๆ
การตลาดออนไลน์สำหรับ B2C (Business to Consumer) หรือองค์กรขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจประเภท B2C นี้ ปัจจุบันมีข้อได้เปรียบอย่างมากมาย เนื่องจากเราสามารถใช้สื่อออนไลน์สื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรงผ่าน Social Media ของแบรนด์ เพื่อประกาศ พูดคุย และรับฟังผู้บริโภค
การทำการตลาดออนไลน์แบบ B2B (Business to Business) อาจไม่ได้รับความสนใจเท่ากับการตลาดแบบ B2C เนื่องจากตัวเลขสถิติต่าง ๆ และจำนวนผู้คนที่พูดถึงบนโลกออนไลน์นั้น ไม่ได้หวือหวาเท่ากับการทำการตลาดแบบ B2C เพราะการทำการค้าแบบ B2B นั้น ด้วยจำนวนของลูกค้าไม่ได้มีจำนวนมากเท่าไหร่นัก
การสร้างฐานรายชื่อกลุ่มผู้มุ่งหวังที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของเราในอนาคตนั้น สำหรับนักการตลาดออนไลน์แล้ว ฐานรายชื่อเหล่านี้ก็เปรียบเสมือนบ่อเงินบ่อทองก็ไม่ปาน เพราะหากมีกระบวนการและกลยุทธ์ที่เหมาะสม จะสามารถเปลี่ยนฐานรายชื่อเหล่านี้กลายมาเป็นลูกค้าได้ในที่สุด โดยการทำลักษณะดังกล่าวนั้นจะเรียกว่า Lead Generation
กรณีศึกษา Hubspot ที่ใช้ Digital Marketing เพิ่มยอดขายกว่า 1193% ในเวลาเพียง 3 ปี Hubspot เป็นบริษัทซอฟต์แวร์บริการด้าน Inbound Marketing และ Sales (คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับ Inbound Marketing ที่นี่) โดยเป็นธุรกิจแบบ B2B (Business to Business)
ผู้คนชอบ Story ชอบการเล่าเรื่องราว เพราะการเล่าเรื่องราวส่วนใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วน ๆ ทำให้เกิดการจดจำ เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ชม และเกิดการบอกต่อได้ง่าย หากคุณกำลังทำการตลาดออนไลน์อยู่ ก็ไม่ควรพลาดที่จะเริ่มต้นทำการตลาดด้วยการเล่าเรื่องราวแล้วผูกแบรนด์เข้ากับเรื่องราวนั้น มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อผู้คนที่กำลังเสพย์ Content ของคุณอยู่
ในโลกของ E-commerce หรือการค้าขายบนโลกออนไลน์ในปัจจุบันนั้น ยอดขายหลักสามารถวัดกันได้ที่ตัวแปรที่เป็นปัจจัยสำคัญอยู่ 3 ปัจจัย อันได้แก่
หลายๆคนอาจจะบอกว่าไม่ต้องใช้ Influencer หรือผู้ทรงอิทธิพลออนไลน์ ส่วนนึงอาจจะถูกเพราะผู้บริโภคเริ่มเข้าใจว่าคนดัง ดาราที่แนะนำสินค้าคือการโฆษณา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรสังเกตุ คือ พฤติกรรมบนโลกออนไลน์มากกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว ในยุค Marketing 4.0 ต้องการ High Tech และ High Touch หมายถึงว่า
ในขณะที่โลกในยุคดิจิตอลกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกชั่วขณะ พฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก แนวคิดหรือทฤษฎีการทำการตลาดในรูปแบบเดิมอาจไม่เพียงพอในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมากขึ้น วันนี้เรามาพบกับ 20 แนวคิดที่นักการตลาดยุคดิจิตอลต้องมีกันเลยดีกว่า
อาจจะไม่เห็นความสำคัญที่ต้องลงแรง ลงเวลา และลงทุนทรัพย์ที่จะพัฒนาธุรกิจด้วย Digital Marketing แต่เปรียบ Digital Marketing ก็เสมือนคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังพัดผ่านอยู่ในช่วงนี้ คุณสามารถว่ายน้ำตามที่คุณเคยว่ายได้ แต่ถ้าคู่แข่งธุรกิจของคุณ มองเห็นโอกาส และสร้างเรือใบตามกระแสคลื่น Digital ไปกวาดส่วนแบ่งตลาดในส่วนที่คุณเข้าไม่ถึงไป วันนั้นคุณอาจจะกลายเป็นผู้ตามก็เป็นได้
ในวันที่คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว วัยรุ่น หรือคนทำงาน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ถ้าคุณยังทำการตลาดแบบเดิมอยู่ คู่แข่งของคุณอาจรวบลูกค้าทางช่องออนไลน์ ไปหมดแล้ว
ติดปีกความรู้ 🚀 พร้อมสู้กับทักษะในโลกยุคใหม่ไปด้วยกันกับเรา Upskill โดย STEPS Academy
สร้างทักษะผู้นำด้วยความเข้าใจและ Mindset ที่ถูกต้อง
เข้าใจกลยุทธ์การบริหารโครงการ อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาทักษะการทำคอนเทนต์ในยุคดิจิทัล
รู้ทันเทรนด์การตลาดยุคใหม่ไปกับความรู้ Quantum Marketing
ก้าวสู่ยุคดิจิทัล 4.0 อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และยั่งยืน
