เทรนด์การตลาดดิจิทัลในยุคนี้มีการเปลื่ยนแปลงไปตลอดเวลา เพื่อที่จะตอบความสนองต้องการของลูกค้าและพฤติกรรม รวมถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ เช่น การพัฒนาของระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หรือ จะเป็นในส่วนของเทรนด์ของ Big Data ที่เข้ามาส่งผลต่อธุรกิจ ทำให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งเหล่านี้นำมาสู่การแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่สูงขึ้น รวมถึงเงื่อนไขแต่ละแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เปลื่ยนแปลงไป ทำให้แบรนด์ และ นักการตลาดต้องเตรียมตัวรับมือ และปรับตัวให้ทันกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
1. การสร้างประสบการณ์แบบส่วนตัวให้กับลูกค้า (Personalization)
หากคุณต้องการจะโดดเด่นจากคู่แข่งในยุคปัจจุบันนี้ การนำเสนอสินค้า หรือบริการให้ลูกค้าได้อย่างตรงใจ รวมถึงการสร้างประสบการณ์แบบส่วนตัวให้ประทับใจลูกค้า จัดเป็นสิ่งจำเป็นในการทำการตลาด จากสถิติการทำ Personalization จากเว็บไซต์ Instapage แสดงให้เห็นว่า
- 63% ของกลุ่มลูกค้ามีแนวโน้มที่จะหงุดหงิด หรือรำคาญโฆษณาที่มีความจำเจ ไม่ดึงดูดความสนใจ
- 80% ของกลุ่มลูกค้าอยากที่จะซื้อของกับแบรนด์ที่มีการสร้างประสบการณ์พิเศษแบบส่วนตัว หรือนำเสนอคอนเทนต์ได้อย่างตรงใจ
- กว่า 90% ของลูกค้ามองหาความน่าสนใจในการทำตลาดแบบ Personalization
โดยการทำการตลาดให้ตรงใจลูกค้าเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าผ่านการออกแบบคอนเทนต์ หรือพัฒนาสินค้าบริการ เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะสามารถเปลื่ยนจากกลุ่มลูกค้าคนธรรมดา ให้ในอนาคตกลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความภัคดีต่อแบรนด์ของเราได้เช่นกันค่ะ
2. สร้าง Micro-Moments หรือการสื่อสารให้เหมาะสมกับช่วงเวลา
จากที่เราทราบกันไปแล้วว่า การทำ Personalization เป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำการตลาดของแบรนด์ได้ การสร้าง Micro-Moments หรือการที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้าใน 4 ช่วงเวลา ได้แก่
- ช่วงเวลาการรับรู้
- ช่วงเวลาที่ต้องการจะไป
- ช่วงเวลาความต้องการจะทำบางสิ่งใหม่ ๆ
- ช่วงเวลาต้องการจะซื้อ
การใช้ประโยชน์จากเรื่อง Micro-Moments ในปัจจุบันนั้น ทำให้เราสามารถทราบได้ว่าช่วงเวลาใดบ้างที่ลูกค้ากำลังค้นหาข้อมูล หรือสนใจสินค้าบริการของเรา ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือ กลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าของเราให้ตรงใจนั้น ประเภทคอนเทนต์ และ ช่องทางที่นำเสนอให้เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น ๆ ของกลุ่มคนเหล่านี้ก็จัดเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามค่ะ
3.เขียนคอนเทนต์ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีสำหรับการทำ SEO
จากการรายงานผลสำรวจในเว็บไซต์ Pointvisible แสดงให้เห็นว่า
- 88% ของผู้เขียนคอนเทนต์ให้กับธุรกิจฝั่ง B2B นั้นมองว่าการทำการตลาดผ่านคอนเทนต์สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือ และ สร้างความน่าไว้ใจให้แก่แบรนด์ได้
- 81% ของผู้เขียนที่เขียนคอนเทนต์ฝั่ง B2C คำนึงถึงการเขียนคอนเทนต์ที่ทำมาสู่ความภัคดีต่อแบรนด์ของลูกค้าประจำเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น จากคำแนะนำของ John Mueller กล่าวไว้ว่า แทนที่จะวิ่งตามเทรนด์ล่าสุดของ SEO ประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ หรือการใช้ Internal Link ภายในเว็บไซต์ รวมถึงการเขียนคอนเทนต์ให้ดี มีคุณภาพ จัดเป็นอีก 3 เรื่องสำคัญที่ไม่มองข้ามในปัจจุบัน เพราะเป็น 3 สิ่งหลัก ๆ ที่ส่งผลต่ออันดับ SEO ของเราที่สามารถทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับต้น ๆ ในการค้นหาได้
4.การทำการตลาดผ่าน Influencer (Influencer Marketing)
โดยการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอคอนเทนต์ หรือโปรโมทแบรนด์สินค้า และบริการ รวมถึงการโปรโมทแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ ผ่านผู้นำทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อค่านิยม หรือการตัดสินใจคุณค่าบางอย่างของกลุ่มคนส่วนใหญ่ เป็นคนสื่อสารข้อความที่แบรนด์ต้องการจะส่งถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียของ Influencer เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เราสามารถเข้ากลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นแต่แม่นยำ เนื่องจากเราสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะเป็นลูกค้าของเราจากการคาดเดากลุ่มผู้ติดตาม Influencer คนนั้น ๆ ได้จากคอนเทนต์ที่นำเสนอ
อย่างไรก็ดี การทำเลือก Influencer ที่จะมาโปรโมทแบรนด์เรานั้น กลุ่มคนเหล่านี้ต้องเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะสามารถส่งผลกระทบต่อการรับรู้ของแบรนด์เราได้
5.การทำ Social Commerce & Shoppable Posts ที่สามารถซื้อของออนไลน์ผ่านโพสต์ได้เลย
หลายธุรกิจได้เพิ่มช่องทางการขายสินค้าผ่านทาง E-Commerce หรือ Social Media เพื่อหวังจะสร้างโอกาสในการได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในช่วงเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว ทางแอปพลิเคชั่นอย่าง Instagram ได้มีการอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถทำการซื้อสินค้าที่ และชำระเงินภายในตัวแอปพลิเคชั่นได้เลย ซึ่งการซื้อของออนไลน์ผ่าน Instagram นี้ แบรนด์ที่เลือกใช้วิธีการทำโพสต์เพื่อขายสินค้านี้มองว่าเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกรวดเร็ว เพียงแค่ผู้ใช้คลิกที่โพสต์ที่สำหรับการขาย ก็จะพบกับราคาของสินค้าชิ้นนั้น และเข้าถึงการชำระเงินได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้แบรนด์สามารถปิดการขายได้ง่ายขึ้น
6.เทคโนโลยี Blockchain
ระบบ Blockchain เป็นระบบที่ทุกคนบนโลกใบนี้สามารถแชร์ข้อมูลถึงกันได้แบบไม่ต้องผ่านตัวกลางอีกต่อไป ซึ่งความน่าสนใจของระบบ Blockchain นี้สามารถส่งผลต่อฝั่งการตลาดออนไลน์ได้ เนื่องจากเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีการโปร่งใส่ ทำให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า หรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อแคมเปญทางการตลาดของเราเพื่อที่จะนำมาปรับปรุงแผนการตลาดของเราให้ผลลัพธ์ของออกมาดีมากยิ่งขึ้น นอกจากที่ เทคโนโลยี Blockchain เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อวงการ Fin-Tech หรือ ด้านเทคโนโลยีฝั่งการเงินในเรื่องของ Cryptocurrency แล้ว ระบบเทคโนโลยีของ Blockchain ส่งผลต่อการตลาดดิจิทัลด้วยเช่นกันค่ะ
7.การทำการตลาด Automation
สำหรับปี 2021 มีการนำระบบ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาปรับใช้ในการการทำงานร่วมกันของทั้งฝั่ง Sales และ Marketing ในการของการวิเคราะห์เชิงลึก การประมวลผลต่าง ๆ เพื่อทำให้การทำงานร่วมกันของสองฝ่ายนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ตัวอย่างการใช้ Artificial Intelligence หรือ ปัญญาประดิษฐ์ และ การทำ Automation ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในทางการตลาด มีได้ดังนี้
- การรักษาฐานลูกค้าเก่า และพัฒนาในเรื่องของการทำให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
- การคาดการณ์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- การใช้ AI ในเรื่องการทำ Chatbot ในการเพิ่มประสบการณ์และสร้างความประทับใจที่มีต่อแบรนด์ให้กับลูกค้า
- ช่วยระบุคนที่มีโอกาสในการที่จะเป็นลูกค้าของเรา
8.การทำ Social Media Stories
อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะสร้างความหน้าสนใจให้กับแบรนด์ หรือคอนเทนต์ที่ต้องการทำเสนอมากขึ้นคือ การทำวีดีโอสั้นไม่เกิน 15 วินาที ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram โดยข้อดีของการใช้ Stories นอกจากจะทำให้สิ่งที่แบรนด์ของคุณตั้งใจจะนำเสนอให้น่าสนใจแล้วนั้น ยังสามารถเพิ่มลูกเล่นในการสร้าง Engagement กับผู้ติดตาม หรือผู้พบเห็น Stories เหล่านั้นได้ ผ่านการใช้ Poll ให้ร่วมสนุกในการโหวตต่าง ๆ หรือการใช้ Tag Location สถานที่ของร้าน ทำให้ผู้เข้ามาชมนั้นเข้าถึงแบรนด์หรือสินค้าบริการของเราได้ง่าย และ สะดวกมากขึ้น
9. การตั้งค่า Push Notifications แจ้งเตือนในเว็บ Browser
การสร้างการแจ้งเตือนบนเว็บ Browser จัดเป็นอีกเครื่องมือในการทำการตลาดที่ไม่ควรพลาด จากสถิติบนเว็บไซต์ Pushpushgo กว่า 85% ของร้านค้าออนไลน์ในปี 2020 นั้น ใช้การแจ้งเตือนลักษณะนี้ ในการทำการตลาดเพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่เคยใช้บริการให้กลับมาใช้บริการอีกครั้ง
โดยในปี 2021 นี้ คาดว่าจะมีอีกหลายแบรนด์หันมาใช้การแจ้งเตือนแบบ Push Notification และ ตัวระบบการแจ้งเตือนประมาณนี้ จะมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานให้การแจ้งเตือนมีความเป็น Personalized มากยิ่งขึ้น โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ส่วนตัวกับผู้ได้รับการแจ้งเตือนเพื่อทำให้เกิด Conversion ที่ทำไปสู่ยอดขายได้
10. Privacy Marketing หรือ การสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า โดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แบบไหน ประเภทใดก็อยากจะให้สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้ากันทั้งนั้น ทางด้านลูกค้าเองก็เช่นเดียวกัน กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ก็อยากจะมั่นใจว่าแบรนด์ที่เขารัก และ ไว้ใจ จะรักษาข้อมูลส่วนตัวของเขา และ ลูกค้าคนอื่น ๆ จะถูกรักษาเก็บไว้ในที่ ๆ ปลอดภัย
นอกจากนี้การเพิ่มความไว้ใจของลูกค้าโดยไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูกค้านั้น สามารถเกิดได้จากการค้นหาและเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง รวมถึงการสื่อสารด้วย Message หรือ ข้อความที่มีความตั้งใจที่จะสื่อสารเฉพาะกลุ่มลูกค้านั้น ๆ รวมถึงการสร้างความคุ้นชินกับลูกค้ามากขึ้นผ่านการทำ CRM หรือการรักษาความสัมพันธ์ของลูกค้า ด้วยการสร้าง Engagement ที่สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้ลูกค้าประทับใจ
11. การให้ความสำคัญกับ Big Data
สำหรับ Big Data ในครึ่งปีหลังของปี 2021 ก็ยังจัดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษาให้ละเอียดอีกเช่นกัน ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีของชาว Marketer เนื่องจากหากคุณสามารถรู้วิธีการจัดการกับ Big Data ด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณนั้น คุณจะสามารถลดระยะเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของคุณได้จากข้อมูลที่คุณมีอยู่ในมือ สามารถนำมาทำให้เกิดประโยชน์อย่างมหาศาลกับธุรกิจของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับหลาย ๆ องค์กร ในการนำ Data มาช่วยจัดการกับระบบ และรวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า
12. การทำ Video Marketing
วีดีโอเป็นอีกสื่อรูปแบบหนึ่งที่นำเสนอที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าในอีก 5 -10 ปี จะยังไม่รับความนิยมอยู่ มาดูกันว่าสถิติที่น่าสนใจจากการทำวิดีโอที่ควรทำมาปรับใช้ จากสถิติของเว็บไซต์ Impactbnd มากกว่า 70% ของลูกค้าเคยแชร์คลิปวิดีโอของแบรนด์ และ ประมาณ 72% ของธุรกิจและบริการ วิดีโอสามารถเพิ่มยอด Conversion ที่ทำไปสู่ยอดขายได้
จากคลิปด้านล่างนี้ เป็นการนำเสนอวีดีโอแบบ 360 องศา ที่โปรโมท Business Class ของ สายการบิน Hong Kong Airlines นับเป็นอีกหนี่งรูปแบบการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่สร้างความน่าสนใจ โดยผู้ชมวิดีโอสามารถเลื่อนขึ้นลง ซ้ายขวา เพื่อเพิ่มมุมมองในการรับชมได้
13. Visual Search หรือ การค้นหาจากรูปภาพ
เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการค้นหา ในกรณีที่คุณมีรูปภาพของสิ่งที่ต้องการค้นหา แต่อาจจะไม่มีไอเดียในการหาคีย์เวิร์ดสำหรับการเสิร์จเพื่อเข้าถึงสิ่ง ๆ นั้น การค้นหาจากรูปภาพนั้นจะเข้ามาตอบโจทย์ ปัญหาเหล่านี้ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับความต้องการมากสุด
จากตัวอย่างในการค้นหาด้วยรูปภาพในเว็บไซต์ Pinterest นั้น ทำให้พบว่า การค้นหาในลักษณะที่ผู้ใช้ถ่ายภาพ หรืออัปโหลดรูปที่ตัวเองต้องการจะค้นหา ทำให้พบกับไอเท็มหรือสินค้าที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ รวมถึงสามารถทราบได้ว่าจะสามารถซื้อสินค้าชิ้นดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ไหนได้บ้าง
14. Augmented Reality (AR) & Immersive Technologies เทคโนโลยีที่สร้างความเสมือนจริง
ทั้ง Augmented Reality (AR) และ Immersive Technologies เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเพิ่มความเสมือนจริงในการนำเสนอสินค้า หรือบริการของแบรนด์ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ที่ดีให้แก่ลูกค้า และสามารถสร้างความประทับใจทำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้
จากภาพตัวอย่างด้านล่าง แบรนด์ชื่อดังอย่าง IKEA นั้น มีการออกแบบแอปพลิเคชั่น IKEA Place ที่ให้ผู้ใช้สามารถห้องภายในบ้านของตัวเองด้วยสมาร์ทโฟนเพื่อที่จะเลือกเก้าอี้ หรือสินค้าที่สนใจ มาวางไว้บนภาพเพื่อทำให้ผู้ใช้เห็นภาพมากขึ้นเมื่อมีเก้าอี้ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการวางอยู่ภายในบ้าน โดยผู้ใช้สามารถเลื่อนหมุนสินค้าเพื่อเพิ่มมุมองในการจัดวางได้
15. การมี Branding ที่ชัดเจน
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญ และไม่สามารถขาดไปได้เลยก็คือเอกลักษณ์ของแบรนด์เรา เป็นเหมือนภาพลักษณ์ที่ไม่ว่าใครก็ตามไม่สามารถลอกเลียนแบบเราได้ จัดเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญหนึ่งที่สร้างความโดดเด่นให้เราต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ ได้ หากแบรนด์มีความชัดเจนทางเอกลักษณ์นั้น จะสามารถเพิ่มความเชื่อมั่น และไว้ใจของลูกค้าที่มอบให้แบรนด์ได้ ลูกค้าจะรู้จัก และเข้าถึงแบรนด์เราได้มากขึ้น นำไปสู่การเกิด Brand Loyalty ที่ทำให้ลูกค้าธรรมดากลายเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้เช่นกันค่ะ
สรุป
สำหรับการเปลื่ยนแปลงของการตลาดอออนไลน์ในครึ่งปีหลังของปีนี้นั้น อาจะมีหลาย ๆ อย่างที่ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวไปตามการเปลื่ยนแปลงของตลาด ถ้าไม่สามารถปรับตัวได้ก็อาจจะต้องปิดตัว หรือหลายธุรกิจอาจจะมองว่าเป็นโอกาสที่ดีก็ได้เช่นกันที่จะเริ่มต้นสร้างธุรกิจใหม่ ๆ
ทาง STEPS Academy เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้ทุกคนผ่านสถาณการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกคนค่ะ
ที่มา:
singlegrain