เทรนด์ของการออกแบบกราฟฟิคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามยุคสมัย และ สิ่งที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ ซึ่งเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นย่อมมีเหตุผล และ ที่มาที่ไปที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจค่ะ โดยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นเป็นเพราะ ศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการแสดงออกซึ่งอารมณ์ ความรู้สึก และแนวความคิดในแต่ละช่วงเวลา จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นเทรนด์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมแบรนด์จึงต้องคอยอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
ในช่วงเวลาใกล้สิ้นปีแบบนี้ STEPS Academy จึงได้รวบรวมเทรนด์สำหรับ Graphic Design ที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 รวมไปถึงที่มาที่ไปของแต่ละเทรนด์มาฝากทุกท่านกันค่ะ
Motion Graphic
Motion Graphic หรือ กราฟฟิคในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวจะมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นในปี 2022 เหตุเพราะในยุคดิจิทัล ที่การนำเสนองานมีเดีย สื่อโฆษณามาอยู่ในรูปแบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น และ แบรนด์ต่างๆ ล้วนมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้การแย่งชิงพื้นที่บนโลกออนไลน์มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น การทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักหรือ Brand Awareness จึงต้องอาศัยการสื่อสารที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
การทำสื่อออกมาในรูปแบบของ Motion Graphic ทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารได้ด้วยหลักการของ Storytelling ค่ะ เพราะการทำ Motion Graphic เราจะเห็นถึงความเคลื่อนไหว จังหวะ ความรวดเร็ว ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงสื่งที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับชิ้นงานเท่านั้น แต่ยังสามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ให้ผู้บริโภคเข้าใจและเห็นภาพมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนกับนักเต้นที่มีการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน แต่ในรายละเอียดของการเคลื่อนไหวเหล่านั้นสามารถสะท้อนตัวตนของนักเต้นแต่ละคนออกมาได้
จาก creativeboom.com
Nostalgia หรือ กราฟฟิคแนวย้อนยุค
ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้โลกของเราได้เผชิญกับปัญหามากมายทั้งวิกฤตของโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปถึงวิกฤตทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง หรือเรียกได้ว่ามีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายค่ะ ซึ่งความวุ่นวายและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเหล่านี้สะท้อนออกมาในเทรนด์ Graphic แบบ Nostelgia นั่นเองค่ะ
Nostalgia ในภาษาไทยหมายถึง อาการคิดถึง โหยหาถึงเรื่องราวในอดีต หากยกตัวอย่างให้เข้าใจชัดเจนเราจะเห็นได้ว่าเรื่องราว หรือ สิ่งของในอดีตที่กลับมาได้รับความนิยมในปัจจุบันมีให้เห็นมากมายค่ะ เช่น ซีรี่ย์ที่พูดถึงเรื่องราวในอดีตอย่าง Stranger Things หรือ Reply 1988 หรือ อาจจะเป็นของสะสมที่เรามีกันในอดีตอย่างรูปถ่ายจากกล้องฟิล์ม หรือรูปถ่ายจากตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
![Nostalgia หรือ กราฟฟิคแนวย้อนยุค](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Nostalgia.png)
ภาพจาก https://99designs.com
ภาพสะท้อนเหล่านี้ถูกสะท้อนออกมาในเทรนด์ของการทำการฟฟิคเช่นเดียวกัน เทรนด์ของ Nostalgia จึงเป็นในรูปแบบของกราฟฟิคที่มีส่วนผสมของยุค 80-90 มีสไตล์ของฟอนต์ที่มีความโดดเด่น มีแนวทางของการเล่นสีที่ฉูดฉาด การใส่กริมมิคของภาพเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวในอดีต ผสมผสานความเป็น Old-school ที่ทำให้รู้สึกถึงความสบายใจ และเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปถึงอดีตอีกครั้งนั่นเองค่ะ
![Nostalgia graphic](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Nostalgia-graphic-01.png)
![ตัวอย่าง Nostalgia graphic](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Nostalgia-graphic-02.png)
ภาพจาก https://99designs.com
Maximalism
เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า Minimal ที่เป็นที่นิยมทั้งในรูปแบบของกราฟฟิค ไปจนถึงเทรนด์การตกแต่งบ้าน ซึ่งเป็นรูปแบบที่สื่อถึงความเรียบง่าย น้อยชิ้น ไม่สลับซับซ้อน และมีสีสันเพียงเล็กน้อยค่ะ แต่อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองเป็นเทรนด์ของ Maximalism หรือ คำที่ตรงข้ามกับคำว่า Minimalism นั่นเองค่ะ
![Maximalism](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/maximalism-graphic.png)
ภาพจาก https://99designs.com
![maximalism graphic](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/maximalism-graphic-01.jpg)
ภาพจาก https://asketic.com/
Maximalism เป็นที่มาของประโยคที่ว่า More is More จึงเป็นเทรนด์ที่มีความตรงข้ามกับ Minimalism โดยสิ้นเชิงค่ะ กล่าวคือ มีการใช้สีที่ชัดมากยิ่งขึ้น มีลวดลาย เลเยอร์ และ รายละเอียดที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมไปซึ่งฟอนต์ที่มีรายละเอียดในลายเส้นมากยิ่งขึ้นเช่น Serif Font หรือ ฟอนต์โรมันค่ะ อีกทั้ง Maximalism จะเป็นกราฟฟิคที่แทบจะไม่มีพื้นที่สีขาวปรากฏอยู่ในภาพ เรียกได้ว่าอาจจะเป็นการรวมตัวกันขององค์ประกอบต่างๆ ที่ดูแล้วอาจขัดกันอย่างสิ้นเชิงให้มาปรากฏอยู่ในงานเดียวกันค่ะ
![Serif Font หรือ ฟอนต์โรมัน](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Serif-Font-maximalism.jpg)
ภาพจาก www.creativeboom.com
Typography
รูปแบบของฟอนต์จะถูกนำมาใช้ในกราฟฟิคเพื่อแสดงถึงอารมณ์และความรู้สึก เพื่อใช้ในการแสดงออกถึงตัวตนของแบรนด์มากยิ่งขึ้น ในปี 2022 ถูกคาดการณ์ไว้ว่า การดีไซน์กราฟฟิคจะหยิบยกฟอนต์มาใช้เพื่อเพิ่มสีสัน และ สร้างความมีชีวิตชีวาในผลงานมากยิ่งขึ้น
![Typography](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Typography-graphic-300x300.png)
![Typography](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Typography-graphic-01.png)
ภาพจาก https://99designs.com/
![Typography](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Typography-graphic-02.png)
ภาพจาก www.creativeboom.com
อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้นว่างานศิลปะมีจุดประสงค์เพื่อแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกของเจ้าของผลงาน ในส่วนของฟอนต์จึงสามารถนำมาใช้เพื่อสื่อสารข้ามภาษาและวัฒนธรรมได้ค่ะ โดยฟอนต์เหล่านี้มีความท้าทายตรงที่ลักษณะของฟอนต์จะถูกออกแบบแตกต่างไปจากฟอนต์รูปแบบดั้งเดิม ทำให้อ่านได้ยากมากยิ่งขึ้นแต่กลับถ่ายทอดอารมณ์ และ ความรู้สึกผ่านตัวอักษรได้มากยิ่งขึ้น
Optimistic Design
![Optimistic Design](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Optimistic-Design-.png)
ภาพจาก https://uxdesign.cc
Optimistic ในเชิงของการออกแบบกราฟฟิคจะอยู่ในรูปแบบของการถ่ายถอดอารมณ์ในเชิงบวก ความสนุกสนาน สามารถเข้าใจได้ง่าย ความเรียบง่ายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นให้เห็นถึงความจริงใจมากยิ่งขึ้นค่ะ เหตุผลที่เทรนด์กราฟฟิคในรูปแบบที่เรียบง่ายมากยิ่งขึ้นกำลังกลับมาเป็นเพราะธุรกิจไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำกำไรให้มากที่สุดเหมือนในอดีต แต่หันมาให้ความสำคัญกับการตอบแทนบางสิ่งบางอย่างสู่สังคมมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของเทรนด์กราฟฟิคแนวนี้
![ตัวอย่างภาพ Optimistic Design](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Optimistic-Design-example.png)
![](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/Optimistic-Design-example-02.png)
ภาพจาก www.creativeboom.com
ความจริงใจที่ถูกถ่ายถอดออกมาผ่านงานกราฟฟิค และ ความสลับซับซ้อนที่น้อยลงจะทำให้แบรนด์ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น เหมาะกับในยุคที่ผู้คนมักมองหาความจริงใจ สะท้อนถึงความเข้าถึงได้ง่าย และตัวตนของแบรนด์ได้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับแบรนด์ หรือ ผู้ประกอบการที่กำลังมองหาไอเดียในการออกแบบกราฟฟิคของตัวเองอยู่ แนวทางแบบ Optimistic Design จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ
Muted Colour
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของงานกราฟฟิคคือการเลือกใช้สีค่ะ ซึ่งเทรนด์ของสีในแบบ Muted ซึ่งจะเป็นเฉดสีที่ตรงข้ามกับ Vivid colour หรือสีสดใส เป็นสีที่มีความเข้มของสีต่ำ หรือเป็นสีที่ถูกผสมด้วยสีเทา หรือสีดำ โดย Muted colour จะให้ความรู้สึกถึงความเงียบสงบ ความปลอดภัย ความจริงใจ และในขณะเดียวกันยังมีความทันสมัยอยู่ในตัวด้วยค่ะ
![ตัวอย่าง muted colour](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/muted-colour-example.png)
![](https://stepstraining.co/wp-content/uploads/2021/11/muted-colour-example-02.png)
ภาพจาก www.designandpaper.com
การใช้สีพื้นหลังเป็น Muted Colour ทำให้ง่ายต่อการออกแบบมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถช่วยให้ข้อความดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และอ่านได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะมีการออกแบบที่เรียบแต่การเลือกใช้สีแบบ Muted Colour สามารถสื่อสารออกมาให้งานดูมีความทันสมัย แต่ยังเข้าใจได้ง่าย และยังคงความน่าเชื่อถือได้ด้วยค่ะ
สรุป
เทรนด์ Graphic Design ที่น่าจับตามองในปี 2022 มีดังต่อไปนี้
- Motion Graphic หรือ กราฟฟิคแนวเคลื่อนไหว สอดคล้องไปกับการนำเสนองานที่อยู่บนรูปแบบของดิจิทัล
- Nostalgia หรือ กราฟฟิคแนวย้อนยุค สะท้อนให้เห็นถึงภาพจำของอดีตผ่านงาน
- Maximalism ขั้วตรงข้ามกับงานแนว Minimalism ที่ใส่ความไม่เข้ากันให้อยู่ในงานเดียวกันอย่างลงตัว
- Optimistic Design งานกราฟฟิคที่ให้ความรู้สึกในเชิงบวก แสดงถึงความจริงใจผ่านผลงาน
- Muted Colour ว่าด้วยเรื่องของสีที่ให้ความหรูหราแต่ยังคงความรู้สึกถึงความเข้าถึงง่าย และ ความจริงใจของแบรนด์
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับเทรนด์ของ Graphic Design สำหรับปี 2022 ที่ได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถึงอย่างไรก็ตามทุกเทรนด์ที่ได้หยิบยกมาในบทความนี้เป็นเพียงการคาดการณ์รูปแบบของกราฟฟิคที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมในปี 2022 นี้ค่ะ ผู้เขียนหวังว่าทุกท่านจะสามารถหยิบยกเทรนด์ในการออกแบบไปปรับใช้ในคอนเทนต์กับแต่ละธุรกิจได้อย่างเหมาะสม และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น
https:// merehead.com
https:// www.creativeboom.com
https:// 99designs.com