เตรียมรับมือ!! 10 อาชีพที่อาจจะถูก “AI” แทนที่ ในอนาคตอันใกล้

10-ai-instead-human-job

อย่างที่รู้กันว่าเทคโนโลยีในยุคนี้ ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเคยคุ้นเคย ก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งใหม่ๆขึ้นมา อย่างเช่นกล้องฟิล์มในสมัยก่อน ถูกแทนที่ด้วยกล้องดิจิทัล การส่งจดหมายทางไปรษณีย์ถูกแทนที่ด้วยอีเมล ซีดีเพลงที่เราเคยฟังถูกแทนที่ด้วย MP3 และในปัจจุบันก็ได้ถูกแทนที่ด้วยแอปพลิเคชันบนมือถือไปแล้ว

นอกจากเทคโนโลยีจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตแล้ว เทคโนโลยียังลดบทบาทของมนุษย์หลายๆอย่างลงไปด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว ทำให้หลายๆอาชีพหายไป หรือถูกลดจำนวนการจ้างงานลงไป และเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรแทน อย่างในอดีตที่เราไม่เคยคิดว่าจะมีการเสิร์ฟอาหารโดยไม่ต้องใช้คนได้ ทุกวันนี้กลับมีการใช้รางส่งอาหาร อย่างร้านซูชิหรือร้านบุฟเฟ่ต์หลายๆแห่ง มาแทนคนเสิร์ฟได้ไปเรียบร้อยแล้ว และนั่นแสดงให้เห็นว่า “โลกเรานั้นเปลี่ยนแปลงไป…และเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วย”

“การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเกินกว่าที่เราคิด” 

วันนี้เราจึงหยิบบทความน่าสนใจเกี่ยวกับ 10 อาชีพ ที่อาจจะถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี A.I (Artificial Intelligence) หรือหุ่นยนต์อัจฉริยะเหล่านี้ในอนาคต จะเป็นอาชีพไหนบ้าง เกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า?ไปติดตามกันค่ะ

1. Lawyers : นักกฎหมาย

ถ้าใครที่ชอบดูภาพยนต์ หรือรายการทีวีของต่างประเทศบ่อยๆ มักจะเห็นว่าในสังคมของพวกเขา อาชีพทนายความหรือนักกฎหมายถือเป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยม มีรายได้ดี และมีสถานะทางสังคมที่ดีมากๆ ซึ่งนั่นทำให้การจ้างทนายความมีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งในความเป็นจริง งานของนักกฎหมายในชีวิตประจำวันหลายครั้ง มักจะเป็นงานเดิมๆ ซ้ำๆ มากกว่าที่เราคิด

แน่นอนว่าตอนนี้งานบางอย่างด้านกฎหมายยังคงต้องใช้มนุษย์ในการทำและตัดสินใจให้ถูกต้องอยู่  แต่อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี AI ที่เริ่มต้นคิดค้นขึ้นมาในตอนนี้ สามารถช่วยทำงานต่างๆได้ ตั้งแต่การตรวจสอบข้อมูลทางกฎหมาย (กระบวนการก่อนการพิจารณาคดีที่นักกฎหมายเป็นผู้ตัดสินว่าเอกสารใดเกี่ยวข้องกับคดี) จนถึงการร่างสัญญา รวมถึง AI ยังสามารถเจรจาเรื่องค่าปรับที่จอดรถ และดำเนินการเรื่องหย่าแทนมนุษย์ได้แล้ว ดังตัวอย่างจากวิดีโอด้านล่างนี้

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

ในอนาคต นักกฎหมายระดับจูเนียร์อาจจะถูกจ้างงานยากกว่าที่เคยเป็นมา แต่อีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสของผู้พัฒนา ให้คนที่สามารถผสมผสานระหว่างความรู้ทางกฎหมายและวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือสามารถเปลี่ยนข้อมูลกฎหมายให้เป็นอัลกอริทึม อยู่ในรูปเครื่องมือทุ่นแรงให้กับมนุษย์ ได้มีโอกาสที่น่าสนใจในอนาคตได้ค่ะ

 

2. Medics : แพทย์

เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนามาไกลกว่าที่เราคาดคิด ทุกวันนี้มีการพัฒนาอัลกอริทึมที่สามารถวินิจฉัยโรคได้แล้ว อีกทั้งยังมีคอมพิวเตอร์ที่ถูกใช้เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาโรคมะเร็งที่ดีที่สุดเกิดขึ้น  AI ทางการแพทย์หลายตัวถูกใส่อุปกรณ์ที่สามารถช่วยรักษาความผิดปกติของร่างกาย รวมถึงสามารถดำเนินการผ่าตัดได้แล้ว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อวิชาชีพทางการแพทย์ในอนาคต

เนื่องจากความฉลาดและความสามารถของหุ่นยนต์ในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลได้ดี ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นแปรที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงวงการแพทย์ ซึ่งในอนาคต พวกเราอาจจะสามารถพก AI ทางการแพทย์เอาไว้ในกระเป๋า เพื่อวินิจฉัยและรักษาโรคได้ตลอดเวลาเลยก็ได้

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้นี้ หุ่นยนต์รวมถึง AI ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มรูปแบบโดยปราศจากแพทย์จริงๆไปได้ รวมถึงงานที่ต้องดูแลผู้ป่วย พบเจอผู้ป่วยโดยตรง ก็ยังคงต้องใช้มนุษย์ที่มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ และพูดคุยกันได้ อยู่เช่นเดิมค่ะ

 

3. Drivers : คนขับรถ

นักเศรษฐศาสตร์จาก MIT และ Harvard ที่มีชื่อว่า Frank Levy และ Richard Murnane เคยโต้แย้งความคิดเห็นจากหนังสือเล่มหนึ่งในปี 2004 ชื่อ The New Division of Labor โดยพวกเขาให้ความเห็นว่า คอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถใช้เพื่อการขับเคลื่อนรถยนต์แทนมนุษย์ได้ เนื่องจากความซับซ้อนของข้อมูลที่จะนำมาใช้กับงานนี้มีมากเกินไป

แต่วันนี้เรารู้แล้วว่าความคิดนั้นผิด เนื่องจากมีการคิดค้นให้รถยนต์สามารถขับไปข้างหน้าด้วยตนเองได้ถึง 1,000 ไมล์ได้สำเร็จดังตัวอย่างวิดีโอในตอนต้นนี้ ซึ่งการคิดค้นรถยนต์ที่ขับได้เองโดยบริษัท ช่น Uber นี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อคนขับแท็กซี่ในอนาคต รวมถึงจะส่งผลต่อคนขับรถบรรทุก หากสามารถพัฒนาให้ขับได้เองในระยะไกลได้

การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างความตื่นตัวให้กับผู้สอนขับขี่รถด้วย เพราะในอนาคตเด็กรุ่นหลังๆ อาจไม่จำเป็นต้องสอบใบขับขี่อีกต่อไปแล้วก็ได้ เช่นเดียวกันค่ะ

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

ตามที่มีข่าวการตอบโต้ Uber เกิดขึ้นในเมืองหลักๆของลอนดอน คนขับรถเหล่านั้นอาจจะสามารถต่อต้านการคุกคามของเทคโนโลยีได้ แต่ก็ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น น่าเศร้าที่อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการของเทคโนโลยีก็ยังคงอยู่ และมนุษย์อย่างเราอาจจะต้องคิดเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่รองรับเทคโนโลยีเหล่านี้แทน

 

4. Chefs : เชฟ

เราอาจจะคิดว่าการทำงานในห้องครัวที่ร้อนระอุ รวมถึงต้องมีการปรุงแต่งรสชาติของอาหาร ฟังดูเหมือนจะไม่เหมาะกับหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์สักเท่าไหร่ แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะมีการพัฒนาหุ่นยนต์เชฟขึ้นมาแล้ว สร้างโดยเทคโนโลยีของ IBM’s Watson หุ่นยนต์นี้มีชื่อว่า Chef Watson สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเชฟมืออาชีพ และยังสามารถคิดค้นสูตรอาหารใหม่ๆได้ตั้งแต่เริ่มต้น จากความรู้เรื่องเคมี และการจับคู่ของรสชาติ

ในขณะเดียวกันก็มีหุ่นยนต์อย่างเช่น Flippy ของ Miso Robotics ที่แสดงในวิดีโอด้านล่าง มีความสามารถในการเตรียมอาหารสำหรับทำเบอร์เกอร์ และเสิร์ฟได้ด้วยความเร็วสูง แถมในทุกวันนี้ยังมีการใช้โดรนเพื่อเสิร์ฟอาหารอย่างร้านซูชิที่พบเห็นปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตก็จะทำให้การจ้างงานเชฟ และพนักงานเสิร์ฟลดลงได้

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

มองในแง่ดี ถ้าเราสามารถดึงประโยชน์จากเทคโนโลยีมาใช้ได้ เราก็จะสบายขึ้น อย่างในกรณีนี้ ถ้าคุณประกอบกิจการร้านอาหารขนาดใหญ่ หุ่นยนต์อาจจะช่วยคุณปรุงอาหารได้ตามที่ต้องการในปริมาณที่มากกว่าเดิม รวดเร็วกว่าเดิมได้ ซึ่งนั่นก็เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ด้วยเช่นกันใช่ไหมล่ะคะ

อีกทั้งบางเทคโนโลยีอย่างการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ (3D food printing) อาจจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์อาหารแบบใหม่อย่างที่ไม่มีก่อนได้ด้วยนะคะ

 

5. Telemarketers and Customer Service Assistants : พนักงานขาย และฝ่ายบริการลูกค้าทางโทรศัพท์

การโต้ตอบแบบอัตโนมัติของ AI ในปัจจุบันดูเหมือนจะพัฒนาให้ฉลาดขึ้นมากๆ ดังตัวอย่างวิดีโอที่แสดงด้านบน สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้จริงมากขึ้นแล้ว รวมถึงเทคโนโลยีอย่าง Google Home ที่สามารถโต้ตอบคำสั่งเสียงของมนุษย์ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ซึ่งแน่ล่ะว่า การพัฒนาของ AI นี้ ไม่ส่งผลดีต่อผู้ที่ค้าขาย หรือให้บริการลูกค้าผ่านโทรศัพท์ที่มักพูดตามสคริปต์ทั่วๆไปสักเท่าไหร่

ด้วยในปัจจุบันมีลูกค้าหลายคนที่เฝ้ารอการตอบคำถาม หรือให้คำปรึกษาในส่วนของการบริการลูกค้าจำนวนมาก ทำให้หลายครั้งพลาดโอกาสการขายไป การใช้งาน Chatbot จึงเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ในจุดนี้มากสำหรับเจ้าของธุรกิจ แต่กลับเป็นเรื่องไม่น่ายินดีสำหรับคนที่ทำงานในสายงานนี้ ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานของพวกเขาได้ 

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ A.I จะมาแทนคนอย่างเต็มตัวเสมอไป อย่างบริษัท Mattersight ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการจดจำเสียงของคน และจำแนกบุคลิกภาพของผู้โทรเข้ามา เพื่อสามารถส่งต่อไปยังปลายทางคือมนุษย์ที่มีบุคคลภาพแนวๆเดียวกันได้ ซึ่งการทำเช่นนี้ช่วยลดระยะเวลาการโทรลงได้อย่างมากในขณะที่เพิ่มอัตราการแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้นแทน

ท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ ก็ยังคงมีความสำคัญอยู่ แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงหน้าที่ไป แทนที่จะเราจะต้องตอบคำถามจากลูกค้าโดยตรงเลย เราอาจจะมีหน้าที่ตอบคำถามให้กับ AI ที่ได้รับข้อมูลมาแทน

 

6. Construction Workers or Other Manual Labor Jobs : คนงานก่อสร้าง หรืองานใช้แรงงานอื่นๆ

งานที่ใช้แรงงาน อย่างการก่ออิฐในไซต์งานก่อสร้าง การทำงานยกของในคลังสินค้า หรืองานเก็บพืช ผัก ผลไม้ในฟาร์ม งานที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมากเหล่านี้ในอนาคตอาจถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ ที่มีความสามารถด้านแรงงานได้เช่นเดียวกัน

ข้อดีของหุ่นยนต์ในด้านนี้คือ สามารถทำงานได้ไม่หยุดพัก ไม่เหนื่อยล้า ซึ่งเป็นไปได้ยากถ้าหากจ้างมนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่ใช้แรงทางร่างกายมากๆเหล่านี้

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

แม้ว่างานทั้งหมดที่กล่าวมา จะเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น แต่มนุษย์ก็ยังคงมีความได้เปรียบมากกว่าหุ่นยนต์ในเรื่องของความชำนาญ ตัวอย่างเช่นคลังสินค้าของ Amazon ที่มีการใช้หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย Kiva Systems เพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าบริเวณชั้นวาง อย่างไรก็แล้วแต่ สุดท้ายปลายทางก็ยังส่งต่อมาที่มนุษย์ ซึ่งอยู่ประจำที่ เพื่อคัดเลือกสินค้าตามคำสั่งในขั้นสุดท้ายอีกที

เช่นเดียวกับหุ่นยนต์ก่ออิฐในวิดีโอตัวอย่าง ที่สามารถวางอิฐได้ก็จริง แต่ก็ยังคงต้องการให้มนุษย์ทำยาแนวไว้ให้ การพึ่งพากันนี้อาจจะเปลี่ยนไป เมื่อหุ่นยนต์มีความคล่องแคล่วและฉลาดมากขึ้น แต่สำหรับตอนนี้มนุษย์ยังคงสามารถทำงานเคียงข้างกับหุ่นยนต์ได้อยู่ แทนที่จะถูกทดแทนโดยหุ่นยนต์ทั้งหมด

 

7. Musicians and Other Artists : นักดนตรี ศิลปิน

ในหัวข้อนี้ แน่นอนว่าเราไม่ได้หมายถึงนักดนตรีชื่อดัง หรือจิตรกรที่ขายผลงานศิลปะได้หลายล้านในงานประมูล แต่เรากำลังหมายถึงงานออกแบบสร้างสรรค์ทั่วๆไป อย่างการแต่งสต็อกเพลงเพื่อการโฆษณา หรืองานออกแบบทั่วไปอย่าง การ์ดเชิญงานแต่ง ซึ่งงานเหล่านี้ใช้ความสร้างสรรค์น้อยกว่า งานส่วนนี้จึงอาจจะได้รับผลกระทบจาก AI ได้

ในปัจจุบันมีระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถสร้างสต็อกเพลง หรือสร้างภาพตามคำอธิบายที่เขียนขึ้นโดยมนุษย์ได้ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น จากการเติบโตของเทคโนโลยี ซึ่งแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็วด้วย

แต่แน่นอนว่างานด้านความคิดสร้างสรรค์เป็นสิ่งทำให้มนุษย์อยู่เหนือเครื่องจักร ถ้าคุณสามารถที่จะเรียนรู้ในการควบคุมเครื่องมือเหล่านี้ได้ กลายเป็นศิลปินที่สามารถสร้างอัลกอริทึมด้านงานศิลปะ ซึ่งอาจจะทำให้คุณสร้างสรรค์งานได้ดีกว่าเดิมมนอนาคต คุณก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว

 

8. Journalists : นักข่าว

ถ้าหากวันนี้คุณยังคิดว่า เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะเขียนบทความได้จับใจคนอ่านอยู่ล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วค่ะ! เพราะรู้หรือไม่ว่าในต่างประเทศ มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการเขียนข่าว อย่างข่าวกีฬา รวมถึงข่าวใหม่ๆกันแล้ว แถมยังพยายามใช้ AI สำหรับข่าวเกี่ยวกับการสืบสวนเชิงลึก และยังสามารถช่วยกรองข่าวสารให้กับมนุษย์อย่างเราๆได้ ดังตัวอย่างในวิดีโอที่หยิบยกมา ซึ่งนั่นอาจทำให้นักข่าวหลายๆคน ตกที่นั่งลำบากได้เลยค่ะ

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราคิด เพราะในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะเป็นเหมือนนักข่าวสายข้อมูลที่ดีให้กับเรา ด้วยความสามารถในการดึงข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ และค้นพบข้อมูลที่น่าสนใจออกมาได้ ซึ่งอาจจะนำไปสู่วิธีการเล่าเรื่องและการนำเสนอใหม่ๆได้ค่ะ

ในอนาคตยังมีความเป็นไปได้ที่ A.I จะช่วยให้การเขียนข่าวมีความเฉพาะบุคคล (Personalized) หรือสามารถเขียนให้เหมาะกับคนอ่านแต่ละคนมากขึ้นได้ ด้วยข้อมูลที่มีไม่ว่าจะเป็นที่ตั้ง อายุ ระดับในการอ่าน ซึ่งจะส่งผลให้งานเขียนในอนาคต เข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างมากขึ้นได้ค่ะ

 

9. Financial analysts : นักวิเคราะห์ด้านการเงิน

จากวิดีโอเป็นการสัมนาเกี่ยวกับการใช้ AI ในธุรกิจด้านการเงินในอนาคต ที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อสัมนา นั่นเพราะการทำงานด้านการเงินถือเป็นอาชีพระดับสูงที่มีรายได้เยอะในต่างประเทศ แต่การพัฒนา AI ทำให้เทคโนโลยีสามารถทำงานด้านนี้ได้เทียบเท่าหรือดีกว่ามนุษย์ได้แล้ว อย่างการซื้อขายหุ้น ที่คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็นรูปแบบของแนวโน้ม และทำการซื้อขายได้รวดเร็วมากกว่าการวิเคราะห์ของมนุษย์

เนื่องจากมีการลงทุนด้วยเงินหลายพันล้านดอลลาร์ (หรือมากกว่า) ให้กับ AI ในด้านของธุรกิจการเงิน จึงชี้ให้เห็นว่าประมาณ 30% ของงานภาคธนาคารจะหายไปกับ A.I ภายในสิบปีข้างหน้านี้

แล้วมนุษย์อย่างเราพอจะมีความหวัง?

แม้ว่าการจ้างงานต่างๆอาจจะลดลงไป แต่เราก็ยังมีโอกาสอยู่ ในสายงานที่เรียกว่า “Quants” หรือหมายถึงคนที่สามารถรวมความรู้ของภาคการเงินเข้ากับวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ได้ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในตอนนี้ และจะมากขึ้นในอนาคต เพื่อนำมาช่วยพัฒนาอัลกอริทึมของคอมพิวเตอร์ให้ดีขึ้นได้

นอกจากนี้ งานธนาคารเชิงสัมพันธ์ ที่จะมีการพบปะปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อสร้างความรู้สึกดี ภักดีต่อธนาคาร และการให้บริการแบบส่วนบุคคลจะยังคงเติบโตและใช้มนุษย์ทำงานอยู่

 

10. Data Entry Clerks : คนเก็บข้อมูลเอกสาร บันทึกข้อมูล

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงงานด้านการจัดการข้อมูล ย่อมนึกถึงในแง่ของงานที่ต้องทำซ้ำๆ และน่าเบื่อ เพราะเป็นงานที่ต้องอยู่กับข้อมูลมหาศาลของบริษัท

ซึ่งหลายๆบริษัทตอนนี้ ต้องจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมงให้กับมนุษย์เพื่อถ่ายโอนข้อมูลจากรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่ง หรือรวบรวมไว้ในที่เดียวให้เป็นระบบ ซึ่งในความเป็นจริงงานแบบนี้สามารถเกิดความผิดพลาดได้ง่ายๆ และเป็นงานที่ไม่จำเป็นต้องทำโดยมนุษย์ก็ได้

มองในความเป็นจริง การพัฒนาเทคโนโลยีในส่วนนี้ น่าจะทำให้มนุษย์ได้รับประโยชน์มากกว่าเสียอีก และหากคุณสามารถเพิ่มทักษะในการควบคุมเครื่องมือเหล่านี้ได้ แทนที่คุณจะถูกเลิกจ้าง กลายเป็นว่าคุณอาจจะได้ค่าตอบแทนที่ดีกว่าเดิมก็ได้

สรุป

มาถึงตรงนี้อาจจะมีความคิดเล็กๆว่า “ในอนาคต มนุษย์อย่างเราจะมีที่ยืนบ้างหรือเปล่านะ” 

อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่สร้างเทคโนโลยีล้ำสมัยเหล่านี้ขึ้นมา ก็คือมนุษย์อย่างเรานี่เอง เทคโนโลยีแค่เพียงถูกสร้างมาให้เราทำงานง่ายขึ้น ใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นเท่านั้น บางที AI อาจจะทำให้มนุษย์อย่างเราได้มีเวลาใช้ชีวิตแบบมนุษย์จริงๆมากขึ้นก็ได้ ได้อยู่กับครอบครัว ได้มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น

สุดท้ายนี้ถ้าเรายังมีระบบความคิดที่สร้างสรรค์ และสามารถทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่ได้แค่เพียงถูกตั้งโปรแกรมก็ทำได้แล้วอย่างหุ่นยนต์ ยังไงเราก็ยังอยู่เหนือเทคโนโลยี และควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ พูดง่ายๆก็คือ มนุษย์นี่แหละค่ะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะยอมให้เทคโนโลยีอยู่เหนือเราหรือไม่ต่างหาก

อย่าลืมพัฒนาระบบความคิด ต่อยอดเป็น และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้ได้อยู่เสมอนะคะ

 

ที่มา : https://www.digitaltrends.com/cool-tech/examples-of-robots-replacing-jobs/

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

เจาะตลาด “LGBT” กับ 10 ตัวอย่างจากแบรนด์ดัง ตลาดที่หลายธุรกิจไม่ควรมองข้าม
Podcast EP.1 : 3 Trend การตลาดออนไลน์ปี 2019 เตรียมพร้อมรับมือก่อนที่โอกาสจะกลายเป็นวิกฤต