ช่วงวันหยุดเทศกาลคือช่วงเวลาที่คนทั่วไปรอคอยแต่เป็นช่วงเวลาที่คนขายของออนไลน์ไม่ชอบเพราะผู้บริโภคต่างออกไปเที่ยวและใช้ประสบการณ์อยู่ในโลกความจริงตลอดเทศกาล ทำให้ยอดขายในช่วงนี้ตกหนักเป็นพิเศษ
แต่กระนั้นก็มีแนวทางรับมือหากคุณรู้จังหวะและวางแผนมาดี โดยในต่างประเทศจะมีช่วงเวลาเทศกาลคือหลังวัน Thanks Giving ก็จะเข้าสู่เทศกาลจับจ่ายต้อนรับ Chrismas เรียกว่า Black Friday เว็บไซต์ออนไลน์ช็อปปิ้ง Amazon.com รายงานยอดขาย Black Friday ปี 2016 สูงถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มาจากการสั่งซื้อผ่านอุปกรณ์มือถือ ยอดขายนี้สูงกว่าปี 2015 ถึง 25%
นั่นแปลว่าแต่ละเทศกาลจะมีวันจับจ่ายใช้สอยสูงเป็นพิเศษและหากวางแผนมาดี คุณก็จะมีโอกาสทำเงินจำนวนมากชดเชยช่วงเงียบเหงาในเทศกาลซึ่งในบ้านเราก็ติดหนึ่งใรประเทศที่มีวันหยุดนขัตฤกษ์มากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกทีเดียว
3 กลยุทธ์ปั้นยอดขายออนไลน์ก่อนลูกค้าหนีเที่ยว
ช่วงก่อนหยุดยาวคือช่วงเวลาที่เหมาะเป็นอันดับต้น ๆ ในการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นแบรนด์ของคุณเองและไม่ค่อยลดราคาบ่อย ๆ ช่วงนี้จะเหมาะมากในการจัดโปรโมชั่นลดราคาแรง ๆ และการเคลียร์สต็อกต่าง ๆ เพราะคุณสามารถเล่นกฏ Urgency และ Scarcityอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ‘โปรโมชั่นลด 50% 3 วันเท่านั้น’ (Urgency) หรือ ‘โปรโมชั่นจำนวนจำกัด 20 ท่านเท่านั้น’ (Scarcity)
โดยมีเงื่อนไขว่าคุณต้องวางแผนและประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้ล่วงหน้าเพียงพอ หรือ Awareness เพื่อให้ ผู้สนใจเกิดการรอคอยที่จะร่วมโปรโมชั่น หรือ Anticipation นั่นเอง โปรโมชั่นเหล่านี้จะต้องนำมาใช้กับ 3 กลยุทธ์การตลาดผ่าน Facebook ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. ใช้ Video Content
เป็นที่รู้กันดีว่าช่วงปี 2016-2017 เป็นต้นมา Facebook ให้ความสำคัญกับวีดีโอคอนเทนต์มากเป็นพิเศษ จากการทดสอบของนักการตลาดออนไลน์พบว่า Video content มีอัตราการเข้าถึง หรือ Reach สูงกว่า Content ชนิดอื่นบน Facebook ระหว่าง 100-200% และหากวีดีโอนั้นไวรัล ก็จะยิ่งเข้าถึงมากเป็นหลักหลายแสน Reach ในระยะเวลาสั้น ๆ
ดังนั้น จงลงทุนกับ Creative และการออกแบบวีดีโอคอนเทนต์ดี ๆ สักชุด (1 ชุดอาจมีหลายคลิป) ให้กับแคมเปญที่คุณจะปล่อยออกมาขายของก่อนช่วงเทศกาล เพื่อให้การเข้าถึงนั้นมากเป็นพิเศษ
2. ใช้ Facebook Lead Ads
การ Boost Post เฉย ๆ ทำให้คนเห็นเยอะ คุณอาจได้ Like และ Share จำนวนมาก ซึ่งนั่นสะท้อนว่าคนรับรู้และมองเห็นคุณ แต่พวกเขาจะลืมคุณในไม่กี่วันต่อมา เราจึงแนะนำให้ใช้ Facebook Lead Ads เพื่อเก็บรายชื่อ เบอร์โทร และอีเมล์ของผู้มุ่งหวังสำหรับนำไปทำ Email marketing หรือ Direct sales ต่อไป
Facebook Lead Ads คืออะไร?
Facebook Lead Ads เป็นการผนวกสองเครื่องมือเข้าด้วยกัน ได้แก่…
1. เป็น แบบฟอร์มออนไลน์ แทน Email marketing software ให้ผู้มุ่งหวังกรอกข้อมูลการติดต่อและเก็บ Database ทั้งหมดไว้บนหลังบ้าน Facebook page ของคุณ ดาวน์โหลดเป็นไฟล์ MS Excel ได้แบบ Email marketing software ทุกประการ!
2. เป็น Landing page คือกรอกเสร็จจะ Redirect คนกลับมา Facebook page ก็ได้ หรือจะส่งคนเข้าเว็บไซต์ก็ได้ แต่เรายังแนะนำให้ Redirect คนไปยัง Landing ในเว็บไซต์เพราะคุณเก็บ Facebook conversion pixel เพื่อนำไปทำ Re-marketing ต่อได้
แต่สิ่งที่ Facebook lead ads ไม่ได้ทำคือระบบ Email autoresponder ที่จะทำหน้าที่ส่งชุดอีเมล์ไปหาผู้มุ่งหวังอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น วัตถุประสงค์หลัก ๆ ของ Facebook Lead Ads คือ การเก็บข้อมูลผู้มุ่งหวัง จากนั้นคุณอาจใช้วิธี ส่งอีเมล์ หรือ เทเลมาร์เก็ตติ้ง ไปหาผู้มุ่งหวังภายหลัง
3. ใช้ระบบ Custom Audience และโฆษณา Re-targeting
การ Boost Post ธรรมดาคือการยิงโฆษณาไปหาคนกลุ่มใหญ่ที่สนใจอุตสาหกรรมนั้น ๆ ส่วนการทำ Re-targeting คือการยิงโฆษณาไปหาคนที่สนใจอุตสาหกรรมนั้น ๆ ในระดับที่เฉพาะเจาะจงลงไปอีก ยกตัวอย่างเช่น คุณขายรองเท้าหนังสีน้ำตาลมือสอง การยิงโฆษณาแบบธรรมดาจะทำให้คนที่สนใจรองเท้าโดยไม่จำกัดประเภทมองเห็น แต่การทำ Re-targeting จะทำให้คนที่สนใจ รองเท้าหนังสีน้ำตาลมือสอง เท่านั้นที่มองเห็น และคุณจะจ่ายเงินค่าโฆษณาแค่คนกลุ่มเดียวเท่านั้น
การทำ Re-targeting ต้องอาศัยการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Custom Audience Campaign จากนั้นนำ Tracking Pixel ของแคมเปญนัั้น ๆ ไปฝังไว้ในบทความในเว็บไซต์ที่ต้องการสะสม Pixel ของผู้มุ่งหวัง กระบวนการฟังดูซับซ้อน แค่โชคดีที่ปัจจุนคุณสามารถทำ Re-targeting ของคนที่เข้ามาดูวีดีโอของคุณบน Facebook ได้แล้ว ดังนั้น! คุณเพียงทำ Video content ดี ๆ ในข้อ 1 แล้วทำ Re-targeting ไปหากลุ่มนั้นได้เลย
และทั้งหมดนี้คือแนวคิดและแนวทางการปั้นยอดขายออนไลน์ก่อนลูกค้าหนีเที่ยวในวันหยุดยาว โดยขอให้คุณวางแผนล่วงหน้าให้นานพอก็จะสามารถมีความสุขกับยอดขายก่อนที่จะหยุดกันยาว ๆ ได้