รู้หรือไม่! ว่าในแต่ละวันเราจะเห็นโฆษณา มากถึง 5,000 ครั้งต่อวัน (สถิติจาก Clario, 2020) ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เราได้ยิน หรือได้เห็นกันนั้น เป็นโฆษณาที่แฝงอยู่ในชีวิตประจำวัน และโดยเฉลี่ยแล้ว เราอาจจะต้องเห็นโฆษณาบนช่องทางออนไลน์มากถึง 10 ครั้ง ถึงจะเกิดการจดจำแบรนด์นั้น ๆ ได้ (ผลสำรวจจาก Facebook for Business)
แน่นอนค่ะว่า ทุกคนไม่สามารถจดจำโฆษณาได้ทุก ๆ ตัว อย่างแน่นอน และถึงแม้ว่า เราจะจดจำโฆษณาบางตัวได้ แต่ก็คงไม่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่ผ่านตา ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่เราจะหากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อนำมาโฆษณาสินค้าและบริการให้ประสบความสำเร็จ ด้วยการใช้ เทคนิคทางการตลาดแบบเดิม ๆ และไม่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนั้น STEPS Academy จึงได้หยิบยกหนึ่งในเครื่องมือเพื่อทำการตลาดออนไลน์ที่ดีที่สุด บนช่องทาง Facebook เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักการตลาด สามารถหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น และเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า และบริการให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งเครื่องมือตัวนี้ มีชื่อว่า Facebook Custom Audiences
Highlight
- วิธีการสร้าง Facebook Custom Audiences ทำอย่างไร
- เพิ่มโอกาสในการขายด้วยการใช้ Custom Audience เพื่อหากลุ่มเป้าหมายจาก Facebook Ads
Facebook Custom Audiences คืออะไร
นักการตลาดและผู้ประกอบการที่ทำการตลาดผ่านช่องทาง Facebook สามารถใช้เครื่องมือ Facebook Custom Adudience เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราเอง ด้วยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่แล้วบน Facebook มาวิเคราะห์หากลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้าและกลายมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้ในอนาคต ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ อาจเป็นลูกค้าเก่าของคุณ ผู้ที่สนใจในสินค้าและบริการของคุณ หรือคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มาก่อน ซึ่งมีผลดีกว่าการทำโฆษณาแบบสุ่ม ซึ่งอาจได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า
วิธีการสร้าง Facebook Custom Audience
1. ขั้นตอนแรก เลือกเมนู Ads Manager จากทางด้านซ้ายมือด้านบน จากนั้นเลือกเมนู Audience ตามภาพด้านล่าง
2. เมื่อเข้ามาที่เมนู Audience แล้ว เลือกหัวข้อ “Create Audience” จากปุ่มสีน้ำเงินด้านบน
3. เลือกเมนู “Custom Audience” เพื่อเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องก่อนการทำแคมเปญ
4. จากภาพด้านล่างนี้เราจะเห็นว่าในเมนู “Custom Audience” มีหัวข้อที่ใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย 2 หัวข้อหลัก ๆ และมีตัวเลือกเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมาย มากถึง 10 ตัวเลือก
องค์ประกอบของเมนู Custom Audiences
เมื่อเราเข้ามาที่หน้าเมนู Custom Audience เราจะเห็นหัวข้อที่ใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 2 ตัวเลือกหลัก ๆ ตัวเลือกซึ่งมาจากข้อมูลที่แบรนด์มีอยู่แล้ว และข้อมูลที่มาจาก Facebook โดยมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ
1.ตัวเลือก “ข้อมูลที่แบรนด์มีอยู่แล้ว” หรือ Use Your Sources
1.1 Customer File หรือ Customer List
ในหัวข้อนี้จะประกอบไปด้วย
- ลิสต์อีเมล
- เบอร์โทรศัพท์
- ลิสต์ผู้ใช้ Facebook ในรูปแบบของ User ID ซึ่งระบบจะทำการจับคู่ User ID ให้ประมาณ 60 – 70% จากลิสต์ทั้งหมดที่มี
1.2 Website Custom Audiences
คุณสามารถติด Facebook Pixel เพื่อติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ของคุณในช่วงเวลา 180 วันที่ผ่านมาเพื่อ Retargeting และทำโฆษณาบนหน้า Facebook
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เทคนิคการ Remarketing เพื่อเพิ่มยอดขายออนไลน์บน Facebook <<
1.3 App Activity Custom Audiences
คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยการใช้ข้อมูลจาก App Activity และเกมที่เล่นด้วยเช่นกัน ซึ่งในกรณีที่คุณมีแอป คุณสามารถลงทะเบียนกับทาง Facebook เพื่อขอ SDK (Facebook SDK มีลักษณะการทำงานคล้ายกันกับ Facebook Pixel โดยมีหน้าที่ติดตามพฤติกรรมการใช้ แอปของกลุ่มเป้าหมาย) เพื่อนำมาติดใน App Activity เพื่อสร้าง Custom Audience
1.4 Offline Activity
สำหรับผู้ประกอบการที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว และมีเพจบน Facebook คุณสามารถสร้าง Offline Event เพื่ออัปโหลดข้อมูลส่งไปยัง Facebook ได้เช่นเดียวกัน เพื่อให้ระบบทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
2. Facebook Sources – Engagement Custom Audiences
ในตัวเลือกนี้เราสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เคยมี Engagement หรือมีปฏิสัมพันธ์กับทางเพจเรามาก่อน ซึ่งได้แก่
- การกดแชร์โพสต์วิดีโอ
- การเข้าร่วมงาน Event กับทางแบรนด์
- Lead forms
- ข้อมูลจากทั้งจากช่องทาง Facebook และ Instagram
- Facebook Page
- ศูนย์ช่วยเหลือทางธุรกิจ
ทีนี้เราไปดูกันค่ะว่าวิธีการสร้างลิสต์กลุ่มเป้าหมายจากเมนู Custom Audience จะมีหน้าตาและวิธีการใช้งานอย่างไรบ้าง ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนหยิบยกมาทั้งหมด 6 ตัวเลือกเด่น ๆ ด้วยกัน เราไปดูกันเลยค่ะ
1.วิธีการสร้างลิสต์กลุ่มเป้าหมายในเมนู Custom File
- เลือกเมนู “Customer File” เพื่ออัปโหลด Leads หรือข้อมูลของกลุ่มเป้าหมาย
- ระบบจะทำการ Sync ข้อมูลที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ซึ่งมีทั้งหมด 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
2.1) การอัปโหลดไฟล์ด้วยตนเองในรูปแบบไฟล์ a .txt or .csv file.
2.2 ) การ Sync อีเมล Email ลงใน Facebook Ads Account
1 การอัปโหลดไฟล์ด้วยตนเอง
- เมื่อคลิกเข้ามาที่ Customer File จะพบตัวเลือกทั้งหมด 3 ตัว
- 2 ตัวเลือกแรก คุณจะต้องอัปโหลดไฟล์ประเภท .csv or .txt file
- ตัวเลือกที่ 3 คือการ Sync ข้อมูลจาก Mailchimp จากบัญชีที่คุณมี
- จากนั้นเลือกตัวเลือกจากในหัวข้อที่ 1 เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้เห็นโฆษณา ด้วยการกำหนดรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ชื่อ เมืองที่อยู่ อายุ อีเมล
2 การ Sync อีเมล Email ลงใน Facebook Ads Account
วิธีการนี้คือการใช้เครื่องมือ Custom Audience เพื่อ Sync อีเมลเข้าสู่ระบบ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมาย
2. วิธีการสร้างลิสต์เพื่อหากลุ่มเป้าหมายในเมนู Website Custom Audience
ในกรณีที่คุณไม่มี Database ในมือหรือไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับอีเมลลูกค้า เราสามารถเลือกเมนู Website Traffic เพื่อทำการติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเรา หรือที่เราเรียกกันว่าการติด Facebook Pixel นั่นเอง
เมื่อคลิกเข้ามาที่เมนูแล้วให้เลือกกลุ่มเป้าหมาย “All Website Visitors” เพื่อเลือกแสดงโฆษณาต่อกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
- คนที่เข้ามาเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด
- กลุ่มคนที่เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ในบางหน้าเท่านั้น
- คนที่ใช้เวลาอยู่บนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น 5% 10% หรือ 25% ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากที่สุด
- เมนู From Your Events คือการนำข้อมูลจาก Pixel มาทำการวิเคราะห์เพื่อระบุกลุ่มเป้าหมาย
- เมนู Advanced Options ผู้ใช้สามารถปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายได้ตามตามการ
- เมนู Frequency เป็นการวัดผลจำนวนครั้งเมื่อเวลาผู้ที่เข้ามาที่หน้าเว็บไซต์เพื่อดูสินค้าและบริการ รวมไปถึงจำนวนครั้งที่ชำระสินค้าไปก่อนหน้านี
- เมนู Dynamic Date คือการกำหนดหากลุ่มเป้าหมายที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ในช่วงเวลาหนึ่ง
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการเข้าเว็บไซต์และระบบปฏิบัติการ เช่น Android, iOS, สมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
- เมนู Aggregated value จะมีตัวเลือกตัวเลือกอื่น ๆ ให้เลือกใช้กันมากมาย ซึ่งเป็นตัวเลือกที่นิยมใช้กันมากที่สุดเพื่อคัดกรอง จำนวนเงินที่ได้ซื้อสินค้าไปในแต่ละครั้ง เช่น การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เคยซื้อสินค้าไปมากกว่าจำนวน $100
3.วิธีการสร้างลิสต์เพื่อหากลุ่มเป้าหมายในเมนู App Activity
ในปัจจุบัน มีผู้ใช้ Facebook ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากกว่า 90% ซึ่งหากแบรนด์ทำการตลาดออนไลน์และเจาะกลุ่มเป้าหมายผ่านทาง App Activity ในจากในเมนู Custom Audience จะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion Rate ได้ดียิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เคยใช้แอปพลิเคชันของแบรนด์คุณ แต่ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ไม่ได้ใช้แอปของคุณอีก ข้อมูลตรงนี้เราสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างโฆษณาเพื่อยิงไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อีกครั้ง
ในการเลือกกลุ่มเป้าหมายนั้น เราสามารถกำหนดได้จากตัวเลือกเหล่านี้
- ทุกคนที่เปิดแอป
- ผู้ใช้แอปมากที่สุด 5%, 10% หรือ 25% จากกลุ่มคนทั้งหมด
- ผู้ใช้แอปมากที่สุด 5%, 10% หรือ 25% จากกลุ่มคนที่เคยซื้อสินค้าผ่านทางแอป
4. วิธีการสร้างลิสต์เพื่อหากลุ่มเป้าหมายในเมนู Engagement Custom Audience
Engagement Custom Audience จะเป็นกลุ่มที่อยู่ในหัวข้อ Use Facebook Sources ประกอบไปด้วย 6 เมนูด้วยกันตามภาพด้านล่าง
- Video:
ในเมนูนี้ คุณสามารถเลือกวิดีโอได้มากกว่า 1 ตัวและสามารถเลือกระยะเวลาที่ผู้ใช้ Facebook เคยกดเข้ามา และเล่นหน้าวิดีโอของคุณ ซึ่งจะมีตั้งแต่ 3 วินาทีแรก ไปจนถึง 95% ของวิดีโอทั้งหมด ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกดูข้อมูลได้ย้อนหลังถึง 365 วัน
- Instagram:
คุณสามารถใช้บัญชีธุรกิจจาก Instagram เพื่อเลือกเจาะข้อมูลหากลุ่มเป้าหมายได้หลากหลาย เช่น การเลือกกลุ่มเป้าหมายจากผู้ที่เคยเข้ามาเยี่ยมชมหน้าโพรไฟล์ของคุณบน Instagram หรือผู้เล่นที่เคย Save รูปภาพของคุณเอาไว้ เป็นต้น
- Lead Form:
Lead Form คือ เมนูที่สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เคยคลิกโฆษณาของเรา และเคยกรอกข้อมูลส่วนตัวส่งให้เรา และรวมถึงคนที่เปิดแบบฟอร์ม แต่ยังไม่ได้กรอกข้อมูลด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลย้อนหลังได้ถึง 90 วันค่ะ
- Events:
หากแบรนด์ของคุณเคยสร้าง Event ผ่าน Facebook Page มาก่อนหน้านี้ คุณสามารถสร้าง Custom Audience ได้จากเมนูนี้ โดยที่เราสามารถเลือกเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตั้งแต่ผู้ที่กด Interest เพื่อร่วมงาน Event ไปจนถึงผู้ที่กด Like กดแชร์ หรือเข้ามาคอมเมนต์
- Instant Experience:
Instant Experience คือการกำหนดเลือกกลุ่มเป้าหมาย ที่มาจากการสร้างโพสต์ของเราก่อนหน้านี้ ทั้งในรูปแบบของโพสต์ทั่วไป และโพสต์โฆษณาให้มีการแสดงแบบ Instant Experience ได้หลังจากคลิกโพสต์เหล่านี้ผ่านหน้าจอมือถือ ซึ่งสามารถเลือกดูวันย้อนหลังได้ถึง 365 วันค่ะ
- Facebook Page:
ตัวเลือกนี้มีความคล้ายกันกับ Instagram เลยค่ะ คุณสามารถเลือกบัญชีธุรกิจที่มีอยู่ และเลือกเมนูใน Engagemen ได้ตามภาพด้านล่าง
หากคุณต้องการเพิ่มโอกาสในการขาย ลองอ่าน เพิ่มยอดคลิกและยอดขายให้แก่ธุรกิจด้วยการสร้าง Banner Ad (พร้อมตัวอย่างประกอบ)
วิธีการจัดการข้อมูลในเมนู Custom Audience
1.เข้าไปที่ Business Manager และเลือก Audiences จากนั้นคุณจะเห็นคอลัมน์จากทางด้านซ้าย เพื่อค้าหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
2. คุณสามารถจัดการข้อมูลต่าง ๆ ด้วยการสร้าง Folder เพื่อแยกประเภทของ Audience (กลุ่มเป้าหมาย) เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกดูข้อมูลอีกครั้งในอนาคต และนำข้อมูลไปใช้เพื่อทำโฆษณา
ข้อกำหนดการให้บริการของ Custom Audiences ที่คุณควรรู้
สุดท้ายนี้ ผู้เขียนขอแนะนำให้ทุกท่านทราบว่า ภายใต้การใช้งานครื่องมือ Custom Adience นั้น Facebook มีข้อกำหนดให้ผู้ใช้ได้ปฏิบัติตามกันสักเล็กน้อย ได้แก่
#1 คุณสามารถสร้าง Custom Audience ได้จากข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทุกคนมีกฎหมายที่คอยคุ้มครองสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานอยู่ ซึ่งเราเรียกว่า “General Data Protection Regulation” ( GDPR ) ซึ่งหากแบรนด์มีการละเมิดกฎหมายจะต้องมีการถูกปรับ และอาจถูกระงับการใช้งาน
#2) ลูกค้าหรือผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ติดตามแบรนด์ของเราผ่านช่องทางอีเมล (Subscriber) สามารถยกเลิกการติดตามข่าวสารได้
ในกรณีที่ลูกค้า หรือผู้เล่นอินเทอร์เน็ตมีความประสงค์ขอยกเลิกการเป็นสมาชิก หรือต้องการเลิกติดตามข่าวสารจากทางอีเมล (Newsletter) แบรนด์จะต้องทำตามสิ่งที่ลูกค้าร้องขอด้วยเช่นกัน
สรุป
Facebook Custom Audiences เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดสามารถเจาะหากลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เพื่อทำการโฆษณาสินค้าและบริการผ่านช่องทาง Facebook อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถประหยัดงบและเวลาในการทำโฆษณาแบบหว่านได้อีกด้วย ซึ่งวิธีการสร้าง Custom Audience ด้วยการใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในมือ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นสิ่งที่แบรนด์สามารถสร้างยอดขายให้ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความในวันนี้ จะสามารถช่วยให้ทุกท่านพัฒนาแผนการโฆษณาและการขายได้อย่างมีคุณภาพนะคะ
ข้อมูลจาก:
clario.co/blog
facebook.com/business
adespresso.com/blog