วิธีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ SME ให้ทันโลกและตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

sme business strategies during covid 19

การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ยังคงวิกฤติ และ ต้องคอยจับตาดูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจประเมินแล้วว่า เราอาจจะต้องอยู่กับความไม่แน่นอน และการเปิด- ปิด Lockdown ไปอีกนาน โดยการล็อคดาวน์รอบที่สี่ของประเทศไทยในครั้งนี้ หลาย ๆ แบรนด์คงมีบทเรียน และเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกันมาบ้างในการปรับตัวเข้าหาลูกค้า รวมทั้งการหากลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อความอยู่รอด โดยในวันนี้ STEPS Academy จะมาแนะนำวิธีการปรับธุรกิจเพื่อให้ผู้ประกอบการ SME ทุกท่านนำไปใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ โดยจะแบ่งเป็นประเภทธุรกิจ 2 แบบ นั่นก็คือ

1.ธุรกิจ SME ที่กำลังทำ Digital Marketing อยู่แล้ว และต้องการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลง

2.ธุรกิจ SME ที่ “ยังไม่ได้ปรับตัว” แต่ต้องการมองหาโอกาสในการปรับตัวเข้าสู่ Digital Marketing

ซึ่งธุรกิจประเภทธุรกิจทั้ง 2 แบบจะมีวิธีในการปรับตัวอย่างไรนั้น เรามาเริ่มกันที่ ธุรกิจ SME ที่กำลังทำ Digital Marketing อยู่แล้ว กันดีกว่าครับ โดยวิธีแรกเป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่และลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียงกับที่ตั้งธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีแรกคือการ…

 

1.ใช้ Local SEO เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่

 

วิกฤต Covid-19 ทั้ง 3 รอบที่ผ่านมา ผู้อ่านทุกท่านคงทราบแล้วว่า การเดินทางในแต่ละวันมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ จากเดิมที่มักจะเดินทางไปตามสถานที่ที่ตนเองมักจะซื้อสินค้าหรือใช้บริการอยู่เป็นประจำ ก็หันมาซื้อสินค้า และ ใช้บริการในสถานที่ใกล้เคียงกับที่อยู่อาศัยของตนเองแทน เราจะเห็นได้ว่าพฤติกรรมในการซื้อสินค้า และใ ช้บริการของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก 

ผู้เขียนได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในหัวข้อนี้จึงอยากจะแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านทราบถึงวิธีการใช้ Local SEO เพื่อที่จะสามารถพลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจ โดยลำดับแรกผู้เขียนแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านจะเป็น 

 

วิธีการทำการตลาดออนไลน์สำหรับ ธุรกิจ SME ที่ “กำลังปรับตัว” ในการทำ Digital Marketing 

1.1 ใส่ Keyword สถานที่ตั้งของธุรกิจ

ลองตรวจสอบเนื้อหาของคอนเทนต์ที่ธุรกิจกำลังทำอยู่ในปัจจุบัน หรืออาจจะเป็นเนื้อหาของคอนเทนต์ที่เคยทำในอดีต ลองสำรวจดูว่าเราสามารถเพิ่มเติมคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่เราอยู่อาศัยได้หรือไม่ 

ยกตัวอย่างเช่น 

หากธุรกิจของเราเป็นร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่บริเวณพระราม 5 จากเดิมเราอาจสื่อสารว่าเราเป็น ‘ ร้านอาหารไทย ’ ซึ่งเราอาจจะเพิ่มเติมคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่เราอยู่อาศัยเข้าไปในเนื้อหาประมาณว่า

 ‘ ร้านอาหารไทยพระราม 5 ‘ 

วิธีนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคที่อยู่บริเวณพระราม 5 หรือบริเวณที่ใกล้เคียงสามารถค้นหาธุรกิจของเราเจอได้ง่ายและไวขึ้น 

ภาพจาก https://www.captivatelocal.com

 

1.2 ระบุเส้นทางในการมาหน้าร้านให้ถูกต้อง

ทุกธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีช่องทางออนไลน์อยู่ทั้งหมดกี่แพลตฟอร์ม และทุกแพลตฟอร์มระบุข้อมูลเส้นทางในการมาที่ร้านแล้วหรือยัง หากระบุแล้ว ข้อมูลถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเสียเวลาในการเดินทาง 

เพียงแค่เราระบุคีย์เวิร์ดสถานที่ที่ตั้งของธุรกิจ กับระบุข้อมูลเส้นทางในการเดินทางมาที่ร้านก็สามารถทำให้ธุรกิจของเราเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น รวมไปถึงเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้อีกด้วย

 

ภาพจาก https://sevenpeakssoftware.com/

ในหัวข้อถัดไป ผู้เขียนจะแนะนำวิธีที่จะช่วยส่งเสริมให้การทำการตลาดของธุรกิจในช่วงวิกฤติมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งก็คือการ….

 

2.ใช้ Email Marketing ในการกระตุ้นยอดขาย

 

 

ถึงแม้ว่าการทำ Email Marketing อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่สักเท่าไรในปัจจุบัน แต่ต้องยอมรับเลยว่าในช่วงที่สถานการณ์ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจเป็นอย่างมากในปัจจุบัน Email Marketing คือหนึ่งในทางเลือกที่จะสามารถช่วยกอบกู้สถานการณ์ของธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ และยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่า พฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือใช้บริการของผู้บริโภคในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก ผู้บริโภคมักจะหาข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์ เมื่อเจอสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้แล้ว ก็ไม่ลังเลที่จะตัดสินใจที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในลูกค้าของธุรกิจ ฟังดูแล้วอาจเหมือนกับว่าเพียงแค่ธุรกิจสามารถทำให้ผู้บริโภคค้นหาเจอและมีสินค้าหรือบริการที่สามารถตอบโจทย์พวกเขาได้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่วิธีดังกล่าวเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจเท่านั้น หากต้องการจะให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพ เราควรคำนึงว่าหลังจากผู้บริโภคซื้อสินค้าหรือใช้บริการแล้ว จะต้องทำอย่างไรพวกเขาถึงจะประทับใจในธุรกิจของเรา และกลับมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการธุรกิจของเราซ้ำอีกครั้้ง 

วิธีการทำ Email Marketing ที่ผู้เขียนจะแนะนำผู้อ่านทุกท่านในหัวข้อนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคหรือลูกค้ารู้สึกประทับใจในตัวธุรกิจ และมีโอกาสที่จะเปลี่ยนให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าประจำของธุรกิจเราในอนาคตอีกด้วย ซึ่งวิธีแรกที่ผู้เขียนจะแนะนำคือการ 

 

2.1 ส่งโปรโมชันหรือข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นยอดขาย

หากเป็นการดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว การเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำธุรกิจ แต่การมีข้อมูลของลูกค้าและไม่ได้นำมาปรับใช้กับธุรกิจให้เกิดประโยชน์คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

หากธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากการนำอีเมลที่เป็นหนึ่งในข้อมูลของลูกค้ามาประยุกต์ใช้ในการส่งโปรโมชันหรือยื่นข้อเสนอพิเศษที่เป็นประโยชน์กับพวกเขา ไม่ใช่เพียงแต่จะได้รับความประทับใจเพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ธุรกิจมีโอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถบริหารความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและลูกค้าให้มีความใกล้ชิดกันจนสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ให้พวกเขากลายเป็นลูกค้าประจำในอนาคต

 

ภาพจาก https://i.pinimg.com

วิธีนี้จะช่วยส่งเสริมวิธีแรกที่ผู้เขียนได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ เพราะถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในคนที่กำลังหลีกเลี่ยงการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ การเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่หรือพื้นที่ใกล้เคียงย่อมเป็นสิ่งที่คุณมักทำเป็นประจำในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากร้านที่คุณมักจะซื้อสินค้าหรือใช้บริการเป็นประจำยื่นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ แน่นอนว่าคงยากที่ใครจะปฏิเสธใช่ไหมครับ 

หลังจากผู้อ่านทุกท่านได้ทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มยอดขายอย่างไรในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ลำดับต่อมาเรามาดูกันดีกว่าครับว่าถ้าหากธุรกิจสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้แล้ว มีวิธีอะไรบ้างที่จะสามารถช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับธุรกิจจนสามารถดึงดูดให้พวกเขามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ โดยวิธีต่อไปคือการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการ…

 

3.สร้าง Infographic เพื่อให้ข้อมูลและดึงดูดความสนใจ 

เพราะอะไรหลายธุรกิจเมื่อสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้แล้ว กลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจหรือสร้างรายได้ได้ หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ธุรกิจวางแผนไว้คือ ความน่าสนใจของคอนเทนต์ที่ไม่สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้ 

เนื้อหาที่ดีถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการคอนเทนต์ แต่สิ่งที่สำคัญไปไม่น้อยไปกว่ากันคือเรื่องของการเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจ และการตกแต่งรูปภาพให้ดูน่าสนใจ เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลายธุรกิจในปัจจุบันเริ่มหันมาทำคอนเทนต์ในรูปแบบ Infographic เพราะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้อ่าน และทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารได้อย่างง่ายดาย 

ตัวอย่าง Infographic รูปแบบต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจง่าย

ในหัวข้อนี้ หากธุรกิจของคุณกำลังพบปัญหาเกี่ยวกับการหาวิธีเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค ผู้เขียนจะขอแนะนำเครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำ Infographic ในการทำคอนเทนต์เพื่อให้ผลงานออกมาน่าสนใจ และสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ ซึ่งผู้เขียนได้รวบรวมเครื่องมือทั้งหมดเอาไว้แล้ว ที่สำคัญเครื่องมือทั้งหมดสามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ละเครื่องมือที่ผู้เขียนรวบรวมมาจะมีอะไรบ้างนั้น ผู้อ่านทุกท่านสามารถดูได้จากด้านล่างนี้เลยครับ 

 

1.Canva 

ภาพจาก https://www.canva.com

 

 

2.Visme

ภาพจาก https://www.predictiveanalyticstoday.com

 

3.Visual.ly

ภาพจาก https://visual.ly.com

 

4.Photopea

ภาพจาก https://www.filehorse.com/

 

 

5.Pixlr

ภาพจาก https://pixlr.com

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับเครื่องมือที่ผู้เขียนได้รวบรวมมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านในหัวข้อนี้ น่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมครับ หลังจากนี้การทำคอนเทนต์ให้มีความน่าสนใจคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับธุรกิจอีกต่อไป เพราะไม่ว่าใครก็สามารถทำ Infographic สวย ๆ กันได้แล้ว

สำหรับหัวข้อถัดไป จะเป็นหนึ่งในวิธีที่เป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น และยังเป็นวิธีที่สามารถเพิ่มฐานลูกค้าให้กับธุรกิจ ซึ่งหัวข้อถัดไปคือการ…

 

4.หาพันธมิตรทางธุรกิจที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต

ปัจจุบัน หลายธุรกิจกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า การทำธุรกิจจะสามารถดำเนินได้อย่างราบรื่น ซึ่งความไม่แน่นอนในเรื่องดังกล่าวทำให้ธุรกิจจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมองหาพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ผู้อ่านทราบกันไหมครับว่าการมีพันธมิตรทางธุรกิจจะสามารถผลักดันให้ธุรกิจของเราเติบโตขึ้นได้อย่างไร 

นอกจากนี้ การจะเลือกพันธมิตรทางธุรกิจจะมีเกณฑ์อะไรบ้างในการเลือก เพราะไม่ใช่ว่าเราจะสามารถเลือกธุรกิจรูปแบบไหนก็ตามมาเป็นพันธมิตรก็ได้ หากผู้อ่านทุกท่านกำลังสงสัย เรามาเริ่มต้นกันที่ประโยชน์ของการมีพันธมิตรทางธุรกิจกันก่อนเลยดีกว่าครับ ซึ่งประโยชน์ของการมีพันธมิตรทางธุรกิจคือ..

 

4.1.1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ

การมีพันธมิตรทางธุรกิจจะสามารถทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งมากยิ่งขึ้น เพราะพันธมิตรทางธุรกิจจะช่วยส่งเสริมความสามารถและความรู้ในการทำธุรกิจให้แก่กันและกัน ทำให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันและไม่ตกเป็นรองคู่แข่ง 

ภาพจาก https://www.cademix.org

 

 

4.1.2 ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ 

การมีพันธมิตรทางธุรกิจจะช่วยเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสที่ธุรกิจจะมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ต่างฝ่ายต่างสนับสนุนซึ่งกันและกันจนเกิดการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การตัดสินใจของผู้บริโภคใช้ระยะเวลาไม่นาน เพราะธุรกิจได้รับการยืนยันจากพันธมิตรธุรกิจจนสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภคได้ 

เมื่อผู้อ่านทุกท่านรู้แล้วว่าการมีพันธมิตรทางธุรกิจมีประโยชน์อย่าง ถัดมาเรามาดูกันดีกว่าครับว่าหากต้องการจะเลือกพันธมิตรทางธุรกิจเราควรตัดสินใจจากอะไรบ้าง 

 

4.2.1 รูปแบบของธุรกิจต้องความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน

เพราะอะไรรูปแบบของธุรกิจจึงจำเป็นที่จะต้องมีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน เพราะถ้าหากรูปแบบของธุรกิจแตกต่างกันมากจนเกินไปอาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามที่ธุรกิจได้วางแผนไว้ ผู้อ่านทุกท่านลองนึกภาพตามนะครับ หากธุรกิจของเราเป็นธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ การมีพันธมิตรทางธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารคงจะสามารถตอบโจทย์ได้ดีกว่าการมีพันธมิตรทางธุรกิจเป็นธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นใช่ไหมครับ เพราะการมีพันธมิตรเป็นผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารจะสามารถส่งเสริมรูปแบบการดำเนินธุรกิจของเราได้มากกว่า และช่วยให้ธุรกิจของเราเป็นไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้   

 

4.2.2 ต้องมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน  

การที่ธุรกิจของเราและพันธมิตรมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกันย่อมส่งผลให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนและเติบโตไปในทางที่ดี แต่ถ้าหากเป้าหมายของทั้งสองธุรกิจไม่สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จะส่งผลให้การร่วมมือกันทำธุรกิจไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้อ่านตั้งเป้าหมายโดยต้องการให้ธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ของตนกลายเป็นเบอร์ 1 ของประเทศไทย การหาพันธมิตรที่เป็นผู้จัดจำหน่ายวัตถุดิบอาหารที่ต้องการเป็นธุรกิจส่งออกวัตถุดิบเบอร์ 1 ของประเทศไทยย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจของเรามากกว่า เพราะธุรกิจของเราต้องการวัตถุดิบที่ดีที่สุดเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถมั่นใจได้ว่าหากพันธมิตรของเราต้องการที่จะเป็นเบอร์ 1 ของประเทศไทย เขาจะต้องใส่ใจรายละเอียดและกระบวนการผลิตทุกอย่างอย่างแน่นอน อีกทั้งธุรกิจของเขาก็ต้องการร้านอาหารที่สามารถนำวัตถุดิบไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจนเกิดการพูดถึงในทางที่ดีด้วยเช่นกัน

ภาพจาก https://www.trecom.pl

เห็นไหมครับว่าการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่มีรูปแบบการดำเนินธุรกิจสอดคล้องกันและมีเป้าหมายในการทำธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะสามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้มากขนาดไหน และยิ่งในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ในปัจจุบันแล้ว การที่ธุรกิจสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้นแน่นอน

จบกันไปแล้วครับกับวิธีต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ ธุรกิจ SME ที่กำลังทำ Digital Marketing อยู่แล้ว สามารถอยู่รอดในสถานการณ์ Covid-19  

ถัดมาเรามาดูวิธีที่จะสามารถช่วยให้ ธุรกิจ SME ที่ “ยังไม่ได้ปรับตัว” แต่ต้องการมองหาโอกาสในการปรับตัวเข้าสู่ Digital Marketing สามารถอยู่รอดในสถานการณ์ Covid-19 กันดีกว่าครับ เริ่มต้นที่วิธีแรกซึ่งเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนทัศนติและมุมมอง เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยวิธีแรกจะเป็น

 

วิธีการทำการตลาดออนไลน์สำหรับ  ธุรกิจ SME ที่ “ยังไม่ได้ปรับตัว” 

1.ปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเข้าสู่โลกของ Digital Marketing 

สำหรับธุรกิจ SME ที่ยังไม่ได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ถือว่าตัดสินใจได้ค่อนข้างเสี่ยง เพราะด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างที่ผู้อ่านทราบกัน การทำธุรกิจโดยมีเพียงแค่หน้าร้านเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพราะทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมซื้อสินค้าและใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ 

ธุรกิจที่ยังไม่ได้ปรับตัวจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้หรือไม่ และการทำธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์มีข้อดีอย่างไร ทำไมธุรกิจส่วนใหญ่ถึงปรับเปลี่ยนมาทำธุรกิจในรูปแบบนี้กัน 

ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะอธิบายให้ผู้อ่านทุกท่านทราบว่าเพราะอะไรธุรกิจ SME ถึงควรปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเข้าสู่โลกของ Digital Marketing นั่นเป็นเพราะ 

 

1.1 สามารถดำเนินธุรกิจได้ทุกที่ ทุกเวลา 

หากทุกวันนี้ธุรกิจของเราต้องเปิดกิจการตลอดทั้งสัปดาห์จนทำให้คุณไม่สามารถเดินทางไปทำธุระที่ไหนได้ และยังต้องคอยลุ้นอีกว่าเมื่อไรจะมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ แน่นอนว่าคงเป็นการทำธุรกิจในช่วงสถานการณ์ Covid-19 ที่ส่งผลต่อธุรกิจและจิตใจไม่ใช่น้อย 

สำหรับวิธีที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ก็คือการทำธุรกิจด้วยรูปแบบ Digital Marketing อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไป เพราะจะช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่บนรถ บนที่นอน หรือแม้กระทั่งกำลังรับประทานอาหารอยู่นอกบ้าน ก็สามารถติดต่อ พูดคุย และทำธุรกิจกับลูกค้าได้ อีกทั้งยังไม่ต้องมาคอยนั่งเฝ้าหรือลุ้นว่าเมื่อไรจะมีลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ เพราะบนโลกออนไลน์เราสามารถนำสินค้าหรือบริการของเราไปสู่สายตาผู้คนนับล้านได้ง่าย ๆ ไม่เพียงแต่สามารถนำเสนอให้ผู้คนเห็น แต่ผู้คนยังสามารถค้นหาเราจากที่ไหนก็ได้เช่นกัน 

ภาพจาก https://goodordering.com/

ในหัวข้อถัดไปจะเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากสถานการณ์ Covid-19 ในปัจจุบันทำให้ธุรกิจและผู้บริโภคไม่สามารถที่จะเจอกันได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการ…

2.มีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ

หากจะปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สามารถเข้าสู่โลกของ Digital Marketing สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้อยู่เสมอคือ ธุรกิจที่ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคอยู่เสมอ เพราะการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคจะช่วยให้ธุรกิจได้รับความน่าเชื่อถือและความประทับใจ อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจผ่านหน้าร้านส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้มากเท่าแต่ก่อน จึงทำให้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางเดียวที่จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภค และมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับพวกเขาได้ 

ผู้อ่านอาจจะกำลังสงสัยว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่ผู้เขียนได้กล่าวไปต้องทำอย่างไร และต้องทำมากน้อยแค่ไหน จริง ๆ แล้วการจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ แต่ในครั้งนี้ผู้เขียนจะขอแนะนำวิธีการมีปฏิสัมพันธ์รูปแบบที่ง่ายที่สุด ซึ่งวิธีนั้นคือการ

 

2.1 แท็กข้อความพูดคุยภายในโพสต์กับผู้บริโภค 

เพียงแค่การแท็กข้อความพูดคุยภายในโพสต์กับผู้บริโภค ก็สามารถทำให้ธุรกิจกับผู้บริโภคได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันแล้ว ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ การแท็กข้อความพูดคุยกับผู้บริโภคจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าธุรกิจของเราเป็นมิตรกับพวกเขา สามารถพูดคุยและสอบถามได้ คำถามที่ว่าแล้วธุรกิจจำเป็นที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์มากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนแนะนำว่ายิ่งเกิดการพูดคุยหรือสอบถามมากเท่าไร โอกาสในการปิดขายก็จะมีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น 

ภาพจาก https://blog.hootsuite.com

หลังจากเราทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้ หัวข้อถัดไปเรามาเรียนรู้ถึงวิธีที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค พร้อมกับสร้างการรับรู้แบรนด์ไปในคราวเดียวกันดีกว่าครับ ซึ่งวิธีนั้นคือการ…

 

3.ติด Hashtag เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ให้ดีที่สุด 

การติดแฮชแท็ก(Hashtag) จะสามารถช่วยให้การทำธุรกิจมีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อย่างไร เคยตั้งคำถามกันไหมครับ 

ทุกธุรกิจสามารถใช้วิธีการติดแฮชแท็กเพื่อการทำกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียได้ อาจจะใช้ในกรณีที่ต้องการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์โดยการติดแฮชแท็กที่กำลังเป็นกระแสอยู่ใน ณ ขณะนั้น เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้คน หรือมุ่งเน้นไปที่การสร้างการรับรู้แบรนด์เพื่อให้ผู้คนรับรู้ 

ส่วนอีกวิธีหนึ่ง อาจจะเลือกใช้การติดแฮชแท็กเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งวิธีนี้ทางผู้เขียนได้เตรียมตัวอย่างมาเพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตามรูปภาพด้านล่างนี้ ซึ่งตัวอย่างที่นำมาเสนอในหัวข้อนี้จะเกี่ยวกับแคมเปญหนึ่งของบริษัท Burger King ซึ่งเป็นธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีชื่อเสียง เป็นแคมเปญที่เกิดขึ้นช่วงสถานการณ์ Covid-19 ที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์ของแคมเปญคือต้องการช่วยเหลือร้านอาหารขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19 เพียงแค่โพสต์รูปอาหารที่เป็นเมนูเด็ดของร้าน พร้อมติดแฮชแท็ก #WhopperAndFriends ทาง Burger King ก็จะแชร์โพสต์ที่ติดแฮชแท็กบน Instagram ของธุรกิจ ซึ่งวิธีนี้ถือตอบโจทย์แคมเปญที่ต้องการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้คนอีกมากมายด้วย 

ภาพจาก https://www.brandinginasia.com

สำหรับหัวข้อถัดไปจะเป็นการนำทั้ง 3 วิธีที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้นมาประยุกต์ใช้รวมกันจนเกิดเป็นวิธีใหม่ที่จะช่วยทำให้ธุรกิจได้ผลลัพธืที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยวิธีดังกล่าวคือการ….

 

4.เขียน Blog เพื่อโปรโมตธุรกิจ

การทำบล็อกหรือการเขียนบทความที่เป็นประโยชน์ลงในเว็บไซต์จะช่วยสร้างการรับรู้ให้กับธุรกิจ อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมกับเนื้อหาที่ได้เขียนลงไปในคอนเทนต์ ทำให้พวกเขารู้จักธุรกิจของเรามากยิ่งขึ้น และถ้าหากธุรกิจของเราสามารถเพิ่มจำนวนบล็อกหรือบทความมากเท่าไร ก็จะสามารถทำให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำไปตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการธุรกิจของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นอกเหนือจากการช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจอีกด้วย

ภาพจาก https://www.sonimix.com

ผู้เขียนแนะนำว่า สำหรับธุรกิจ SME ที่เพิ่งเริ่มปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจเป็นรูปแบบ Digital Marketing ควรที่จะมีคอนเทนต์ในรูปแบบบล็อกหรือบทความ เพราะเป็นหนึ่งในรูปแบบการทำ Digital Marketing ที่สามารถทำได้ง่าย และได้ผลลัพธ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ การเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค รวมถึงไปการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ 

 

สรุป

จบไปแล้วครับกับบทความ วิธีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ SME ให้ทันโลกและตอบโจทย์กับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ผู้อ่านทุกท่านคงได้รับรู้ถึงปัญหาและวิธีการดำเนินธุรกิจให้สามารถเอาตัวรอดในช่วงสถานการณ์ Covid-19 กันแล้วใช่ไหมครับ 

ผู้เขียนต้องการแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านรับรู้ถึงความสำคัญของการปรับรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ธุรกิจ SME สามารถปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ Covid-19 ได้อย่างมั่นใจ และไม่พลาดโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตมากยิ่งขึ้น 

เนื้อหาในบทความ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจ SME ที่กำลังทำ Digital Marketing อยู่แล้ว หรือธุรกิจ SME ที่ยังไม่ได้ปรับตัวได้นำไปปรับใช้กับธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจ SME ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน

 

อ้างอิง

https://www.wordstream.com

https://www.oberlo.com

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

เทคนิคการใช้ Hashtag บน Social Media ช่องทางต่าง ๆ
ส่องโฆษณาคู่แข่งด้วยเครื่องมือ Facebook Ad Library