เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เรื่องการตลาดบนโลกดิจิทัล กลายเป็นเรื่องธรรมดาไม่แปลกใหม่อีกต่อไป ธุรกิจไหนที่ไม่ตัดสินใจก้าวเข้าสู่พื้นที่บนโลกดิจิทัล ก็มีอันต้องเสียแต้มพ่ายให้กับคู่แข่งไม่มากก็น้อย ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการหรือนักการตลาด ความท้าทาย 5 สิ่งที่คุณจะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยเมื่อตัดสินใจกระโดดเข้ามาในตลาดนี้แล้วคือ …
1.ระดับการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
พร้อมทั้งการไม่มีกำแพงแบ่งแยกสำหรับผู้เริ่มต้นหรือคนที่เข้ามาในตลาดก่อน การเปิดหน้าร้านบนโลกออนไลน์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ใครๆก็สามารถมีพื้นที่บนโลกออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก รวมไปถึงบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ ช่องทาง แพลตฟอร์มการทำการตลาดก็มีมากมายหลายช่องทาง
2.ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาบนโลกออนไลน์สูงขึ้นปีละ 20% อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราคาค่าโฆษณาที่สูงขึ้นก็กลายเป็นวิกฤตการณ์สำหรับหลากหลายธุรกิจที่บอกว่าการสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง อาจจะยากมากขึ้น แล้วช่องทางที่เคยยิงโฆษณาแล้วได้ผลอย่าง Facebook ก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป
3.การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เร็วขึ้น เกิดขึ้นไวแต่ก็หายไปเร็ว
การวางแผน Marketing Communication แบบฉบับเดิมหรือการวางแผน Digital Marketing แบบคร่าวๆ ไม่มีการแบ่งแยกแคมเปญ ก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะพฤติกรรมที่หลากหลายเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค แต่ละช่วงวัยมีผลกระทบต่อการวางแผนแต่ละช่องทาง และกลยุทธ์ทางด้านคอนเทนต์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ กลุ่มวัยรุ่น GenMe ที่เริ่มเล่น Facebook น้อยลง และ หันไปให้เวลากับ Instagram , Twitter , Youtube และ Netflix ตามลำดับ
4.ความยากในการหาบุคลากรคุณภาพมารวมทีม
ความยากนี้เป็นอุปสรรคที่มีผลกระทบกับหลายองค์กรมานักต่อนัก ทำให้หลายองค์กร โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ต้องทุ่มงบประมาณในการแย่งกันซื้อคนเก่งมาเสริมทัพกันอย่างเร่งด่วน บางที่เริ่มสร้างระบบฝึกอบรมของตัวเองขึ้นมาด้วยแต่อาจจะสร้างผลลัพธ์ที่ช้ากว่าทางเลือกที่ 1 อย่างเห็นได้ชัด เพราะจำเป็นต้องมีการวางระบบ หลักสูตร วิธีการสอบ และ เกณฑ์การทำงานใหม่ เพื่อปรับให้ตรงกับยุคกับสมัยมากขึ้น
5.รายละเอียดงานเยอะ บนเวลาทำงานอันน้อยนิด
งานเร่งงานด่วน มาคู่กับคนทำงานบนโลกดิจิทัลแบบไม่ต้องคาดเดา รายละเอียดงานมากขึ้นตามจำนวนช่องทางในยุคของ Omni Channel ที่ไม่ได้มีเพียงฝั่งออฟไลน์ หรือ ออนไลน์เพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่ง
แต่หมายถึงการรวบรวม และ วางแผน คอนเทนต์อย่างไร ให้ตรงกับสิ่งที่ลูกค้ามองหา และ นำเสนอรูปแบบคอนเทนต์ได้เหมาะสมกับช่องทางอีกด้วย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งช่องทางเยอะ ยิ่งต้องหาเครื่องมือต่างๆมาช่วยประหยัดเวลา แต่ยังคงสร้างผลลัพธ์ให้กับองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง

5 เทรนด์การวางแผนกลยุทธ์การตลาดดิจิทัล
ความท้าทาย Top 5 ที่เราต้องเจอเมื่อเราตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่เมื่อมีอุปสรรค ก็ต้องมีโอกาสและหนทางในการอยู่รอด แบบสำเร็จได้อย่างแน่นอน เทรนด์ 5 ข้อดังต่อไปนี้ที่เราจะนำเสนอ จึงเปรียบเสมือนหนทางที่จะทำให้อุปสรรคกลายเป็นโอกาสได้บนโลกดิจิทัลโดยเริ่มต้นจาก
1.Brand Value Proposition
หนึ่งในขั้นตอนที่หลายธุรกิจลืมเริ่มต้นทำกัน คือการวิเคราะห์จุดแข็งของธุรกิจตนบนโลกออนไลน์
คำถามคือ มีจุดยืนของแบรนด์อยู่แล้วต้องทำอีกหรอ ?
คำตอบก็คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคบนโลกออฟไลน์ก็ต่างจากออนไลน์โดยสิ้นเชิง เราเริ่มต้น โดยที่ไม่ได้วางปลายทางเลยว่าเราอยากให้ผู้บริโภคมองเราเป็นอย่างไรบนโลกออนไลน์
เพราะฉะนั้นเราควรกลับไปวิเคราะห์และลองเริ่มต้นถามตัวเอง ถามทีมงาน ว่าจุดยืนที่เราอยากให้ลูกค้ามองเราบนโลกออนไลน์คืออะไรภายใต้ 1 คำ และแบรนด์ของเราบนโลกออนไลน์ จะนำเสนอคอนเทนต์ที่ช่วยให้เขาได้รับประโยชน์ด้านไหน ระหว่างเวลา หรือ รายได้ เช่นเราให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาเรื่องระบบ ซอฟท์แวร์ ในส่วนของการดูแลบัญชี เราอยากให้คนเข้ามาอ่านคอนเทนต์ในเว็บ และ แพลตฟอร์มอื่นๆของเราแล้วรู้สึกว่า ความรู้ที่อ่านเข้าใจง่าย ประหยัดเวลาไม่ซับซ้อน ไม่ปวดหัว หลังจากอ่านแล้วสามารถนำไปใช้ก็ใช้ได้จริง และช่วยให้ประหยัดเวลาในการค้นหาข้อผิดพลาด พร้อมลดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นโดยใช่เหตุอีกด้วย
ถ้าดูจากกรณีศึกษานี้เราจะเห็นได้ชัดว่า Brand Value Proposition สำหรับคอนเทนต์นี้มีจุดสำคัญที่เรียงลำดับได้ดังต่อไปนี้
- ประหยัดเวลา ในการค้นหาข้อมูล
- ประหยัดเวลาการลองผิดลองถูก
- ประหยัดเวลาในการสร้างผลลัพธ์
- ประหยัดค่าใช้จ่าย
พอจุดยืนเราชัด เราสามารถกำหนดรูปแบบในการสื่อสารไม่ว่าจะช่องทางใด ลูกค้าจะรู้สึกถึงสิ่งที่เรามอบให้คือ Value of time คุณค่าของเวลาที่เราได้กลับมา แค่คอนเทนต์ที่อ่านก็ประหยัดเวลาแล้ว แล้วบริการจริงละจะช่วยประหยัดเวลาได้มากแค่ไหน

2.Consumer Insight เจาะลึกพฤติกรรมลูกค้าบนโลกออนไลน์
เรื่องคลาสสิกที่ทุกคนพูดถึง ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย การทำการตลาดในยุคก่อนหน้านี้ เราจะได้ยินคำว่าเราต้องทำวิจัย จะได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร สำหรับธุรกิจรายย่อยระดับ SME การจ้างบริษัททำวิจัยอาจเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินงบ แต่หากพูดง่ายๆก็คือการสำรวจ ลองถาม สังเกตุสิ่งที่ลูกค้าต้องการตลอดมา สิ่งไหนลูกค้าซื้อบ่อย ลองตั้งคำถามว่า “ทำไม?” ก็เป็นการเริ่มต้นในการเก็บ Data ที่จะมีผลต่อการตลาดและการขายได้อย่างเห็นได้ชัดแล้ว และ ณ ปัจจุบัน ทาง Google เองก็มี Data Solution มากมายให้เราลองใช้ฟรีๆ เพื่อมาประกอบการช่วยให้เราศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Google Optimisation, Google 360 , Data Studio เป็นต้น
หรือสามารถเพิ่มเติมความรู้ผ่านหลักสูตร DMS – Digital Marketing Specialist Certificate Program ที่จะมีการสอนเรื่อง Digital Marketing จากผู้เชี่ยวชาญหลากหลายท่าน ซึ่งการเรียนของเรามีกิจกรรม Workshop ที่ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างง่ายดายและสามารถนำไปลงมือปฏิบัติได้จริง สามารถอ่านรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist
3.Holistic Digital Content Strategies การวางแผนกลยุทธ์คอนเทนต์แบบองค์รวม
การวางแผนคอนเทนต์ จะต้องกำหนดเป้าหมายให้มากกว่าการเข้าถึง และ คะแนนการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ผู้อ่านกับคอนเทนต์นั้นหมายถึง การตั้งเป้าหมายของการทำคอนเทนต์จะต้องมีการกำหนดเป้าหมายให้ถึงระดับยอดขาย หรือ Conversion
เพราะฉะนั้นการวางแผนกลยุทธ์คอนเทนต์สำหรับการทำการตลาดบนโลกดิจิทัล ณ ปัจจุบัน จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการศึกษา Customer Personas ที่ชัดเจน และแยกการสื่อสารแต่ละแคมเปญให้เฉพาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มรับรู้ถึงความใส่ใจของเรา ความพยายาม และ ความตั้งใจให้มากที่สุด
การเขียนคอนเทนต์ในยุคนี้ จึงมิใช่การนั่งเขียนตามอารมณ์ของผู้ผลิตอีกต่อไป แต่ต้องเกิดขึ้นจากข้อมูลของลูกค้าที่ถูกคัดกรอง และ วิเคราะห์มากเป็นอย่างดี จึงต้องอาศัยเครื่องมือ ในเชิง Big Data และ เครื่องมือที่ช่วยเรื่องของ SEO เข้ามาเสริมพลังในการสื่อสารให้ถึงใจลูกค้าได้ ไว เร็ว และ ตรงมากขึ้น
4.Marketing Funnels พัฒนากลยุทธ์การตลาดแบบ Funnel และการวัดผลการโฆษณา
หลายคนที่ทำการตลาดมักจะพลาดตั้งแต่เริ่มต้น นั่นคือการขายสินค้าให้กับคนที่เพิ่งเคยรู้จักกันครั้งแรก จริงอยู่ในยุคเริ่มต้นการโฆษณาผ่าน Social Media สามารถสร้างรายได้ให้กับองค์กรได้อย่างไม่ยากเย็นนักถ้าคุณมีสินค้าที่สามารถขายได้ด้วยตัวมันเองแล้ว ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่ค่าโฆษณาสูงขึ้นในทุกๆปี
ลูกค้าจะมีสถานะแตกต่างกันในแต่ละช่วง ตั้งแต่ไม่รู้จักแบรนด์ รู้จักแบรนด์ สนใจแบรนด์ ตัดสินใจซื้อสินค้า ชอบแบรนด์ ซื้อของซ้ำ บอกต่อแบรนด์ให้กับคนรอบตัว ซึ่งนักการตลาดต้องเข้าใจและสื่อสารผ่านข้อความ รูปภาพ/วิดีโอ และช่องทางให้เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละช่วง โดยในแต่ละช่วงการวัดผลก็จะแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึง Impression, Reach บน Social Media, Bounce rate, Time spent on website, การมีส่วนร่วม Like, Comment, Share, การให้ความสนใจ กดคลิกลิ้งค์ ส่งข้อความ หรือการรับชมวิดีโอ ไปจนถึงการซื้อ ยอดขาย และต้นทุนต่อการโฆษณาทั้งหมด การวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ดีรวมกับการวัดผลและพัฒนาวิธีการโฆษณา จะทำให้ประสิทธิภาพในการโฆษณาดีขึ้นอย่างแน่นอน

5.การพัฒนา Digital Transformation ให้กับองค์กร
คำว่า Digital Transformation กลายเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่องค์กรทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น อย่างต่อเนื่อง แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องของการสร้าง ทีม Digital Marketing การวางนโยบายขององค์กรจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เพื่อการทำงานที่รวดเร็วไม่ซับซ้อน และ การเตรียมรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นไวบนโลกดิจิทัลได้
การวางแผน นโยบายทางด้านดิจิทัลจึงไม่ใช่การวางนโยบายทางด้านการตลาดเพียงอย่างเดียวแต่หมายถึง ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
ทั้ง 5 ข้อข้างต้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ ที่กำลังเกิดขึ้นแต่เป็น Solutions ที่ทางทีม STEPS ก็เล็งเห็นความสำคัญและยังคงพัฒนาหลักสูตร Digital Knowledge ต่างๆ ให้เหมาะกับสถานกรณ์ ณ ปัจจุบัน อย่างไม่หยุดยั้งโดยเฉพาะหลักสูตร Digital Marketing Specialist ที่จะให้ความรู้กับคุณได้อย่างครบองค์ 5 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น
หากท่านสนใจเพิ่มเติมความรู้ หรือ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมก่อนจะเริ่มต้นพัฒนาทักษะทางด้าน Digital สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://stepstraining.co/digital-marketing-specialist