ในปัจจุบันการทำ Video Marketing มีความนิยมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ Youtuber Content Creator ต่างๆ ก็หันมาให้ความสนใจในการทำ Video บนแพลตฟอร์มมากขึ้น มีตัวอย่างจากทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายที่โด่งดังในช่วงค่ำคืน แต่ในอีกมุมนึงก็มีหลายคนที่ทำ Content มากมายแต่ไม่ประสบความสำเร็จ มีคนดูเพียงหลักสิบ หลักร้อย เท่านั้น
ข้อมูลจาก Responsive Inbound Marketing บริษัทจัดหาเครื่องมือทางการตลาดให้แก่ธุรกิจ ระบุว่า การใส่ VDO บนหน้า Landing page หรือ หน้าเว็บไซต์ที่ต้องการให้คนคลิกเข้ามา สามารถเพิ่ม Conversion ที่สามารถนำไปสู่การขายได้มากถึง 80% เราจึงเห็นสื่อที่อยู่ในรูปแบบวีดีโอเพิ่มมากขึ้น และ หากพูดถึงแพลตฟอร์มที่เป็นแหล่งรวบรวมสื่อรูปแบบวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแพลตฟอร์ม YouTube ใช่ไหมละคะ วันนี้ผู้เขียนจะมารวบรวมเทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้คลิปวิดีโอบนยูทูปของคุณมียอดผู้เข้าชม ยอดกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ และ กลายเป็นคอนเทนต์วิดีโออันดับต้น ๆ ของการค้นหามากยิ่งขึ้น บนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Youtube ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจความหมายของ Youtube SEO กันค่ะ
YouTube SEO คืออะไร
SEO หรือ Search Engine Optimization หมายถึง การเพิ่มประสิทธิภาพให้คอนเทนต์ติดอันดับบนหน้า SERPs (Search Engine Results Page) หรือ หน้าผลแสดงการค้นหา ด้วยการปรับปรุงเว็บไซต์ และรายละเอียดต่างๆ ของคอนเทนต์ เพื่อให้มีความใกล้เคียงกับ Keyword ที่จะมีคนเลือกเสิร์ชมากที่สุด เพื่อเพิ่มการมองเห็นเมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณใน Google หรือ เครื่องมือค้นหาอื่นๆ หากมีการแสดงผลที่ดีขึ้นในหน้าผลการค้นหาเท่าใด ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะดึงดูดความสนใจและดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามายังธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น
ในส่วนของการทำ YouTube SEO จึงเป็นการทำให้คลิปวิดีโอติดในอันดับบนๆ ของหน้าการค้นหาบน YouTube ด้วยการปรับปรุงเนื้อหาของวิดีโอ ชื่อคลิปวิดีโอ หรือคำบรรยายใต้คลิปเป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวิดีโอของผู้รับชมนั่นเองค่ะ
เทคนิคการทำ YouTube SEO
หลังจากทราบกันแล้วว่าการทำ YouTube SEO คืออะไร หลายท่านคงเริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่าแล้วจะทำยังไงให้วิดีโอของเราขึ้นอันดับต้นๆ เพื่อเป็นการเพิ่มยอดผู้รับชมที่มากกว่าเดิม เนื่องจากในการทำ YouTube SEO หรือ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวิดีโอบน YouTube ต้องอาศัยหลากหลายปัจจัยเพื่อให้ส่งผลต่อการจัดอันดับของ YouTube ค่ะ โดยผู้เขียนได้รวบรวมเทคนิคในการทำมาให้ทุกท่านดังนี้ค่ะ
1. เลือก Keyword สำหรับ VDO
ความคิดสร้างสรรค์ในการคิดชื่อของวิดีโอของคุณถือว่ามีส่วนสำคัญต่อคลิปวิดีโอ แต่ในปัจจุบันแค่เพียงความคิดสร้างสรรค์ในการคิดชื่ออย่างเดียวอาจไม่พอ แต่คุณจะต้องอาศัยเครื่องมือในการเลือก Keywords ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ โดยเครื่องมือต่างๆ จะช่วยให้คุณค้นหาข้อมูลเชิงลึกของ Keyword นั้นๆ เช่น Volume หรือ จำนวนครั้งที่มีการค้นหา Keyword นั้นๆ Cost per click หรือต้นทุนต่อการคลิก เป็นต้น โดยมีเครื่องมือมาแนะนำในการค้นหา Keyword ดังนี้ค่ะ
- Moz Keyword Explorer
- AdWords Keyword Planner
- UberSuggest
- VidIQ Vision
หากผู้อ่านท่านใดยังไม่อยากเสียเงินไปกับเครื่องมือต่างๆ ในการค้นหา Keyword สามารถใช้วิธีง่ายๆ เพียงเสิร์ชบนช่องการค้นหาบน Youtube โดยในช่องแนะนำด้านล่างนี้เองเป็นคำที่มีผู้กดเสิร์ชจำนวนมากค่ะ
ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนต้องการตั้งชื่อวิดีโอเกี่ยวกับขั้นตอนในการทำ YouTube SEO แต่การตั้งชื่อว่า “ขั้นตอนในการทำ YouTube SEO” คนอ่านคงรู้สึกเฉยๆใช่ไหมละคะ จากไอเดียที่ขึ้นแนะนำใต้ช่องการค้นหาก็สามารถนำมา Keyword เหล่านั้นมาปรับเปลี่ยนได้ค่ะ เช่น “Tips for YouTube SEO in 2021” ก็เป็นการเพิ่มความน่าสนใจว่าเนื้อหาของเรามีการอัพเดตเป็นในปี 2021 และมีการรวบรวมเทคนิคเข้าไปในวิดีโอด้วย
แค่เพียงเท่านี้ก็จะได้รับไอเดียดี ๆ ในการนำไปปรับใช้กับการเลือก Keyword ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแล้วค่ะ
ตัวอย่าง การหาไอเดีย Keyword ผ่านช่องการค้นหาบน YouTube
2. ตั้งชื่อ Video แฝงด้วย Keyword
แน่นอนว่าการตั้งชื่อวิดีโอบนยูทูปก็เปรียบเสมือนการตั้ง Headline หรือ หัวข้อให้แก่คอนเทนต์ของคุณ โดยภายในชื่อวิดีโอของคุณจะต้องประกอบไปด้วย Keyword เพื่อให้ส่งผลต่ออันดับของ YouTube SEO ที่ดีค่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่า แค่มีเพียง Keyword ในชื่อวิดีโออย่างเดียวจะเพียงพอนะคะ หากคุณอยากให้ผู้รับชมกดคลิกเข้ามาในวิดีโอของคุณก็อย่าลืมใส่ความคิดสร้างสรรค์เพื่อดึงดูดใจผู้รับชมลงไปในการตั้งชื่อ และ เป็นชื่อที่สามารถอธิบายเนื้อหาของคลิปวิดีโอได้อย่างชัดเจนด้วยความยาวที่เหมาะสมด้วยนะคะ
โดยในตัวอย่างตามรูปด้านล่างจะเห็นได้ว่า ชื่อคลิปนี้ไม่ได้เป็นเพียงการใส่ Keyword ลงไปเท่านั้น แต่ชื่อที่ตั้งขึ้นยังแสดงให้เห็นว่าผู้รับชมจะได้รับข้อมูลอัพเดทล่าสุดที่ต้องทราบก่อนไปสอบ TOFEL อีกด้วย ซึ่งสามารถดึงดูดผู้ชมได้ดีกว่าหากใช้ชื่อแค่เพียง การสอบ TOFEL หรือ ขั้นตอนการสอบ TOFEL ที่บ้าน เป็นต้น
ตัวอย่างการตั้งชื่อ Headline ด้วยการใช้ Keyword ที่เหมาะสม และ ตรงกับเนื้อหา
3. มี Closed Captions
ตัวอย่างวิดีโอที่มีการใส่คำบรรยาย
Closed Captions หรือปุ่ม CC ที่เราเห็นเวลาดูคลิปวิดีโอบนยูทูป คือ ปุ่มสำหรับคำบรรยายนั่นเองค่ะ โดยปกติแล้ว YouTube จะมีคำบรรยายให้โดยอัตโนมัติแต่จะมีความถูกต้องแค่เพียง 70% เท่านั้น ในการเพิ่มประสิทธิภาพบน YouTube จึงควรใส่คำบรรยายด้วยตัวเอง โดยในคำบรรยายนั้นจะเต็มไปด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอของคุณ และ Keyword เหล่านี้เองจะส่งผลต่อ YouTube SEO ของคุณ โดยมีขั้นตอนในการใส่ Closed Captions ดังนี้ค่ะ
3.1 เข้าไปที่ YouTube Studio
3.2 เลือกแทบคำบรรยายจากเมนูด้านซ้าย
3.3. คลิกวิดีโอที่ต้องการแก้ไข
3.4 คลิกเพิ่มภาษา แล้วเลือกภาษา
3.5 คลิกเพิ่มใต้คำบรรยาย โดยสามารถเลือกเป็นอัพโหลดไฟล์หรือพิมพ์คำบรรยายด้วยตนเองบน YouTube ได้เลยค่ะ
4. Thumbnail ที่ทำให้คนอยากกดเข้ามาดู
ตัวอย่างการทำ Thumbnail ที่สามารถสื่อสารเนื้อหาภายในวิดีโอได้
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายท่านเคยกดเลื่อนไปมาบนหน้า Youtube เพื่อหาวิดีโอที่ถูกใจกันใช่ไหมคะ และ สิ่งที่ดึงดูดใจให้เราสามารถคลิกเข้าไปดูได้นั่นก็คือ รูป Thumbnail ของวิดีโอนั่นเองค่ะ รูป Thumbnail ที่ดีจึงต้องเป็นรูปที่สามารถสื่อสารได้ว่า เนื้อหาในคลิปเกี่ยวข้องกับเรื่องใด โดยข้อความที่ใส่ในรูป Thumbnail จะต้องมีขนาดใหญ่มากพอที่จะทำให้ผู้ชมสามารถอ่านข้อความนั้นได้ หากเลือก Thumbnail ได้ดีจะส่งผลต่อการคลิกที่เยอะขึ้นและ ส่งผลต่อ SEO ที่ดีขึ้นเช่นกันค่ะ
โดย Thumbnail จะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาของวิดีโอ หาก Thumbnail สะดุดตาและมีความน่าสนใจแต่ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาของวิดีโอ อาจจะทำให้ผู้ชมเลือกคลิกแต่เลือกที่จะกดออกจากคลิปในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีของการรับชมค่ะ
5. เริ่มต้นการเขียน Description ที่แฝงด้วย Keyword
ตัวอย่างการเขียน Description ที่มีการใส่ Keyword
ในตอนต้นของ Description ควรแฝงไปด้วย Keyword เช่นเดียวกับชื่อคลิปวิดีโอ เช่นเดียวกับตัวอย่างตามภาพ เลือกใช้ Keyword ด้วยคำว่า Full Body Flow และ Yoga ในส่วนของ Description ก็ได้นำ Keyword ดังกล่าวแฝงลงไปด้วย ซึ่งใน 2-3 ประโยคแรกของ Description จะส่งผลต่อ YouTube SEO มากที่สุดค่ะ
นอกจากการแฝง Keyword ในส่วนแรกแล้ว Description ยังช่วยให้คุณสามารถอธิบายรายละเอียดของคลิปวิดีโอเพิ่มเติม ได้ดังนี้ค่ะ
- ใส่เนื้อหาคร่าวๆ เกี่ยวกับวิดีโอ
- ใส่ Link ของ website หรือช่องทางในการติดตามอื่นๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการเข้าสู่เว็บไซต์หรือเพิ่มผู้ติดตามในช่องทางอื่นๆ มากยิ่งขึ้น
- ติด # ที่สอดคล้องกับคลิปวิดีโอ เพื่อทำให้ผู้ชมสามารถค้นหาเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
6. ดู Reports เพื่อคอยพัฒนาประสิทธิภาพของวิดีโออย่างสม่ำเสมอ
คุณสามารถเข้าไปดูข้อมูลหลังบ้านของ YouTube Channel โดยเข้าไปที่ Youtube Studio และเลือกเครื่องมือ Analytics โดยสามารถดู Watch Time หรือ ความยาวที่ผู้ชมรับชมวิดีโอของเราได้ ซึ่งในส่วนนี้เองจะทำให้เราสามารถดูประสิทธิภาพของวิดีโอ และ ถ้าหากตัวเลข Watch time มีค่าลดลงก็แปลได้ว่าวิดีโอของคุณอาจมีคุณภาพไม่ดี ใช้ Keyword ไม่เหมาะสม หรือ Description ตกหล่น เป็นต้น โดยมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ
6.1 เข้าไปที่ YouTube Studio
6.2 เลือกแทบการวิเคราะห์จากเมนูด้านซ้าย
6.3 เลือกแทบภาพรวม
6.4 ดูที่ตัวเลข Watch time
วิธีเข้าไปดูข้อมูล Watch Time
นอกจากข้อมูลของ Watchtime แล้ว ยังมีอีกข้อมูลที่น่าสนใจคือตัว Returning viewers ซึ่งหมายถึง ผู้ชมที่เมื่อดูคลิปวิดีโอของคุณแล้ว และยังไปดูคลิปอื่นๆ ในช่องของคุณด้วย จึงเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ช่วยทำให้คุณสามารถพัฒนาของวิดีโอให้ตรงใจกับผู้รับชมมากที่สุด
วิธีเข้าไปดูข้อมูล Returning viewers
ทั้งนี้ YouTube ยังมีข้อมูลตัวอื่นๆ อีกมากมาย ใน YouTube Studio ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถช่วยคุณในการพัฒนา Youtube SEO และ แสดงถึงรายละเอียดต่างๆ ในช่องของคุณเพื่อให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพช่องของคุณให้ดีขึ้นต่อไปค่ะ
7. ทำ Playlists ของวิดีโอ
หลายท่านอาจคิดว่าการสร้าง Playlist เป็นแค่เพียงการแยกประเภทของวิดีโอเพื่อความสะดวกสบายต่อผู้รับชมเพียงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วการสร้าง Playlist บน Youtube ด้วยการตั้งชื่อ Playlist โดยใช้ Keyword ที่เหมาะสม สามารถส่งผลต่อ YouTube SEO เช่นเดียวกันค่ะ อีกทั้งยังมีผลต่อเวลาที่ผู้ชมดูคลิปวิดีโอของเรา และ Retention หรือ การที่ผู้รับชมกดดูคลิปวิดีโออื่นๆ ต่อภายในช่องอีกด้วย
ตัวอย่างการสร้าง Playlist
โดยขั้นตอนในการสร้าง Playlist บน YouTube มีดังนี้ค่ะ
7.1 เข้าไปที่ YouTube Studio
7.2 เลือกแทบ Playlist จากเมนูด้านซ้าย
7.3 เลือก Add new playlist
7.4 เข้าไปใน Playlist และเลือก Add video ที่ต้องการ
8. เพิ่ม Tags ที่เกี่ยวข้อง
เพิ่ม Tags ที่เกี่ยวข้องเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับของ YouTube SEO เพื่อเป็นการกำหนด Keyword ที่เกี่ยวข้องให้ YouTube ทราบ โดยสามารถเข้าไปที่
Setting>Upload default > Basic info > Tags
โดยสามารถเพิ่มด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอ โดยควรมีจำนวน Tags อยู่ที่ 10-12 อันค่ะ
วิธีเพิ่ม Tags ที่เกี่ยวข้อง
9. แก้ไขชื่อ File
เคล็ดลับข้อสุดท้ายในการทำ Youtube SEO แบบง่ายๆ ที่หลายท่านอาจไม่รู้คือ การแก้ไขชื่อ File ด้วย Keyword ของวิดีโอค่ะ ซึ่งเปรียบเสมือนการบอก Youtube ว่า File ที่เราอัพโหลดลงไปมีความเกี่ยวข้องกับอะไรนั่นเองค่ะ ตัวอย่างเช่น “How _YouTube_SEO_Work.mp4” ก็จะทำให้ YouTube ทราบไว้ว่า File ที่เราอัพโหลดลงไปเกี่ยวข้องกับ Youtube SEO นั่นเองค่ะ
อ้างอิง
https://neilpatel.com
https://www.forbes.com
https://www.3playmedia.com
https://www.infidigit.com
https://www.responsiveinboundmarketing.com