YouTube หนึ่งในแพลตฟอร์มที่ใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผู้ทำการตลาดหรือผู้สร้างโฆษณา
สถิติจาก Hootsuite ได้บอกว่า YouTube เป็นเครื่องมือค้นหาที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Google ด้วยจำนวนผู้ใช้งานอยู่ 1.9 พันล้านรายต่อเดือน ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ใช้งานถึง 50 ล้านราย ที่เป็นผู้สร้างคอนเทนต์วิดิโอ อัปโหลดขึ้นไปยัง YouTube รวมเป็นเวลากว่า 576,000 ชั่วโมงในทุกวัน หลายท่านคงเห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่าตลาดของ YouTube นั้นมีกลุ่มผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ในการทำการตลาด หรือสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้แก่สินค้าหรือแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนักการตลาดหลายๆท่าน ในการเข้ามาแข่งขันในสนามนี้
รูปแบบของโฆษณาวิดีโอ YouTube Ads
- TrueView Ads หรือ Skippable Video Ads (โฆษณาที่กดข้ามได้)
- Non-Skippable Video Ads (โฆษณาวิดีโอที่กดข้ามไม่ได้)
- Bumper Ads (โฆษณาที่แสดงเพียง 6 วินาทีและไม่สามารถกดข้ามได้)
1. โฆษณา YouTube Ads แบบ TrueView Ads หรือ Skippable Video Ads
โฆษณารูปแบบ TrueView เป็นโฆษณา YouTube Ads ที่ผู้ชมสามารถกด Skip Ad (ข้ามโฆษณา) หากไม่ต้องการที่จะรับชมต่อ โดยจะสามารถ “กดข้ามได้หลังจากที่โฆษณาเล่นไป 5 วินาที” ซึ่งโฆษณาจะปรากฏอยู่ในจุดเริ่มต้นของวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังวิดีโอทั่วไป และสามารถปรากฏได้ในที่อื่น ๆ ในเครือข่ายดิสเพลย์หรือตำแหน่งโฆษณาต่าง ๆ บนเว็บไซต์และธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google เช่น แอปพลิเคชั่น หรือ เกม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มทำโฆษณาผ่าน YouTube Ads
รูปแบบของโฆษณาYouTube Ads แบบ TrueView
1.TrueView In-Stream Ads
โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView In-Stream Ads นั้นเป็นโฆษณา YouTube Ads ที่สามารถกดข้ามได้ โดยจะปรากฏในหน้าที่แสดงวิดีโอของ YouTube เว็บไซต์และธุรกิจที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google เช่น แอปพลิเคชั่น หรือเกม โดยลิงก์ในวิดีโอจะนำไปสู่เว็บไซต์ของผู้โฆษณา
เป้าหมายในการทำโฆษณา YouTube Ads แบบ TrueView In-Stream Ads
- เพิ่มโอกาสในการขาย
- การเข้าชมเว็บไซต์
- การรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง
- การพิจารณาผลิตภัณฑ์และแบรนด์
ควรใช้งานเมื่อ
ใช้โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView In-Stream Ads เมื่อคุณมีคอนเทนต์วิดีโอที่ต้องการโปรโมตก่อนวิดีโออื่น ๆ บน YouTube และเครือข่าย Display ต่าง ๆ เพราะโฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView In-Stream Ads นั้นมีการคิดค่าใช้จ่ายเมื่อผู้ชมดูโฆษณาไปจนถึง 30 วินาที แต่ผู้ชมสามารถกดข้ามได้ตั้งแต่ 5 วินาทีแรกทำให้เราสามารถคัดกรองลูกค้าที่มีแนวโน้มสนใจได้อย่างชัดเจน
วิธีการทำงาน
โฆษณาของคุณจะเล่นก่อนวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังจากวิดีโอทั่วไป ผู้ชมจะสามารถเลือกกดข้ามโฆษณาได้หลังจาก โฆษณาเล่นไป 5 วินาที
ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ
- หน้าสำหรับดู YouTube
- วิดีโอในเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์
- แอปพลิเคชั่นในเครือข่าย Display ต่าง ๆ
การคำนวนค่าใช้จ่าย
- CPV (Cost Per View) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง เมื่อผู้ชมชมวิดีโอครบตามเวลาที่กำหนดคือ 30 วินาที (หรือช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที) หรือโต้ตอบกับวิดีโอของคุณ ขึ้นอยู่กับว่ากรณีใดเกิดขึ้นก่อน
- CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณา ต่อเมื่อมีการแสดงผลโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง โดยไม่สนใจว่าจะมีการคลิกโฆษณากี่ครั้ง
2.TrueView Discovery Ads
โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Discovery Ads เป็นเหมือน Display Ads อันที่จริงแล้วโฆษณา YouTube Ads เหล่านั้นเคยเรียกว่า Display Ads วิดีโอเหล่านี้เป็นวิดีโอแนะนำที่ขึ้นอยู่บนหน้า Homepage ของ YouTube หรือ ปรากฏจากการค้นหาของผู้ชมแล้วอยู่ด้านบนของวิดีโอที่แนะนำซึ่งมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับเรื่องที่ผู้ชมค้นหา เนื่องจากโฆษณาเหล่านี้เป็น “การค้นหา” จึงไม่จำกัดความยาวของวิดีโอเนื่องจากผู้ชมสามารถคลิกได้อย่างเต็มใจ
ถ้าคุณอยากให้วิดีโอโฆษณา (Video advertising) ของคุณ สามารถแทรกอยู่ระหว่างกลางของวิดีโออื่น ๆ ได้ ความยาวของวิดีโอที่คุณต้องการแทรกโฆษณาลงไป จะต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 10 นาที
เป้าหมายในการทำโฆษณา YouTube Ads แบบ Discovery Ads
- การพิจารณาผลิตภัณฑ์และแบรนด์
ควรใช้งานเมื่อ
ใช้โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Discovery Ads เพื่อโปรโมตวิดีโอในตำแหน่งที่อยู่ถัดจากวิดีโอที่เกี่ยวข้อง เป็นส่วนหนึ่งของผลการค้นหาใน YouTube หรือในหน้าแรกของ YouTube บนมือถือ
วิธีการทำงาน
โฆษณา YouTube Ads ของคุณจะประกอบไปด้วยภาพหน้าปกของวิดีโอคุณกับข้อความบางส่วน แม้ว่าขนาดและลักษณะจริงของโฆษณา YouTube Ads อาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ปรากฏ แต่โฆษณา Discovery Ads ก็เชิญชวนให้ผู้ชมคลิกเพื่อดูวิดีโออยู่เสมอ
ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ
- บนผลการค้นหาของ YouTube
- แสดงพร้อมกับวิดีโอ YouTube ที่เกี่ยวข้อง
- หน้าแรกของ YouTube ที่แสดงผลบนมือถือ
การคำนวนค่าใช้จ่าย
ระบบจะคิดค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อผู้ชมเลือกที่จะดูโฆษณาของคุณโดยการคลิกที่ภาพปกวิดีโอขนาดข่อของคุณเท่านั้น
ข้อดีของโฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView
1. ความอเนกประสงค์
โฆษณารูปแบบ TrueView ช่วยให้คุณสามารถโฆษณาสินค้าและบริการของคุณ ผ่านวิดีโอรูปแบบ How to (การสาธิตวิธีการ)
ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แบรนด์ Superdry ผู้ผลิตเสื้อแจ๊กเก็ตจากอเมริกาได้รับรางวัล “YouTube Works for Brands” ด้วยแคมเปญโฆษณา YouTube Ads แบบ TrueView ที่ชื่อว่า “This is the Jacket” ซึ่งได้ผลตอบรับและในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แบรนด์ Superdry ผู้ผลิตเสื้อแจ๊กเก็ตจากอเมริกาได้รับรางวัล “YouTube Works for Brands” ด้วยแคมเปญโฆษณาแบบ TrueView ที่ชื่อว่า “This is the Jacket” ซึ่งได้ผลตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ยอดขายทางช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 37%
2. มีความเสี่ยงต่ำ
โฆษณา YouTube Ads รูปแบบ TrueView เป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนในการเข้าถึงผู้ชมที่เกี่ยวข้อง เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด คุณจะเสียค่าใช้จ่ายเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไข แต่เนื่องจากโฆษณา YouTube Ads ของ TrueView สามารถกดข้ามได้ หลังจากที่แสดงขึ้นมา 5 วินาที คุณแทบจะไม่เสียเงินจากกลุ่มผู้ชมที่ไม่สนใจสินค้าหรือแบรนด์ของคุณเลย
- CPV (Cost Per View) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อการชมวิดีโอ 1 ครั้ง เมื่อผู้ชมชมวิดีโอครบตามเวลาที่กำหนดคือ 30 วินาที (หรือช่วงเวลาหนึ่ง ถ้าวิดีโอสั้นกว่า 30 วินาที)
- CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง โดยไม่สนใจว่าจะมีการคลิกโฆษณากี่ครั้ง
3. เข้าถึงผู้ชมจำนวนมาก
โปรดจำไว้ว่า YouTube คำนึงถึงประวัติการค้นหาบน Google ของเราในการแสดงโฆษณา เช่น วิดีโอรูปแบบไหนที่คุณชอบชม เว็บไซต์ที่คุณเข้า สถานที่ที่คุณอยู่ เพศ อายุ เป็นต้น ดังนั้นแปลว่าเรากำลังเข้าถึงสองกลุ่มผู้ชมขนาดใหญ่ใน Search Engines หรือเครื่องมือการค้นหาบนเว็บไซต์
2.Non-Skippable Video Ads
คือรูปแบบของโฆษณา YouTube Ads ในสตรีมที่ไม่สามารถกดข้ามได้โดยมีความยาว 15 วินาที เป็นรูปแบบโฆษณา YouTube Ads ที่ออกแบบมาเพื่อให้ข้อความทุกอย่างที่เราต้องการสื่อสารนั้นเข้าถึงลูกค้าได้ทั้งหมด โดยเราสามารถวางไว้ทั้งก่อน ระหว่าง หรือหลังวิดีโอ
ผู้โฆษณาสามารถคิดคำที่กระตุ้นการตัดสินใจ CTA (Call to Action) ในโฆษณา เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถกดข้ามได้ แต่มีโอกาสที่เราจะสามารถทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจได้ นั้นทำให้ Non-Skippable Video Ads มีความเหมาะสมสำหรับการส่งเสริมสินค้าที่เปิดตัวใหม่ หรือการจัดโปรโมชั่นครั้งใหญ่
เป้าหมายในการทำโฆษณาแบบ Non-Skippable Video Ads
- การรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง
ควรใช้เมื่อใด
ใช้รูปแบบนี้เมื่อคุณต้องการให้ผู้ชมได้เห็นข้อความทั้งหมด ที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสารออกไป การเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือการจัดโปรโมชั่น
วิธีการทำงาน
โฆษณา YouTube Ads ในสตรีมแบบข้ามไม่ได้มีความยาวไม่เกิน 15 วินาที และเล่นก่อนวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังจากวิดีโออื่น โดยผู้ชมจะข้ามโฆษณานี้ไม่ได้
ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ
- ในวิดีโอ YouTube
- เว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์
- แอปพลิเคชั่นในเครือข่าย Display ของ Google
การคำนวนค่าใช้จ่าย
คุณจะจ่ายเงินตามการแสดงผล โฆษณาแบบ Non-Skippable Video Ads คำนวนค่าใช้จ่ายแบบ CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณา ต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง
รูปแบบของโฆษณา Non-Skippable Video Ads
- Pre-Roll Ads โฆษณาที่ปรากฏก่อนวิดีโอเล่น
- Mid-Roll Ads โฆษณาที่ปรากฏที่จุดกึ่งกลางของวิดีโอ
ถ้าอยากให้วิดีโอโฆษณา (Video advertising) ของคุณ สามารถแทรกอยู่ระหว่างกลางของวิดีโออื่น ๆ ได้ ความยาวของวิดีโอที่คุณต้องการแทรกโฆษณาลงไป จะต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 10 นาที
ข้อดีของโฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Non-Skippable Video Ads
1.บอกเล่าเรื่องราวได้อย่างละเอียด
โฆษณา YouTube Ads แบบ Non-Skippable Video Ads เราไม่สามารถกดข้ามได้ ดังนั้นโฆษณารูปแบบนี้สามารถบอกเล่าเรื่องราวของคอนเทนต์ที่คุณต้องการสื่อสารได้อย่างละเอียดและลึกซึ้ง โดยที่คุณสามารถแสดงคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ ให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างชัดเจน
2.สามารถสื่อสารไปยังผู้ชมได้อย่างครบถ้วน
เนื่องจากผู้ชมไม่สามารถกดข้ามโฆษณาได้ นั่นแปลว่าทุกข้อมูลที่เราต้องการสื่อสารไปยังผู้ชมนั้น ผู้ชมจะได้รับอย่างครบถ้วนแน่นอน แต่เราต้องกำหนดข้อความที่ชัดเจนและเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับเป้าหมายในการสื่อสาร เพื่อให้โฆษณานั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด และต่อให้ผู้ชมไม่อยากดูโฆษณาของคุณ แต่เขาก็จะได้ยินในสิ่งที่คุณต้องการจะบอก
3.ควบคุมค่าใช้จ่ายโฆษณาได้มากขึ้น
อีกหนึ่งข้อดีของโฆษณา YouTube Ads แบบ Non-Skippable Video Ads คือ มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เจาะจง และคิดค่าใช้จ่ายตาม CPM (Cost Per Thousand Impression) นั่นหมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง ซึ่งทำให้คุณสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
3.Bumper ads
โฆษณา YouTube Ads แบบ Bumper ads เป็นรูปแบบโฆษณาวิดีโอสั้น ๆ ที่มีความยาวเพียง 6 วินาที ไม่สามารถข้ามได้เช่นกัน ผู้ชมสามารถคลิกลิงก์เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของธุรกิจหรือวิดีโอต่อไปได้ โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์
เป็นเรื่องยากที่เราจะสร้างความประทับใจผู้ชม ด้วยเวลาเพียง 6 วินาที แต่จากผลสำรวจของ Google โฆษณา YouTube Ads แบบ Bumper Ads มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มการเข้าถึงวิดีโอยาวเพราะหลังจากที่โฆษณา Bumper ads แสดงผลไป 6 วินาทีแล้วสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้จะทำให้ผู้ชมอาจคลิกเข้าไปดูวิดีโอตัวเต็ม ที่เป็นแคมเปญส่งเสริมการขาย
เป้าหมายในการทำโฆษณาแบบ Bumper Ads
- การรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง
ควรใช้เมื่อใด
ใช้การโฆษณา YouTube Ads รูปแบบนี้เมื่อคุณต้องการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง ด้วยข้อความสั้น ๆ ที่น่าจดจำ
วิธีการทำงาน
โฆษณาแบบ Bumper Ads มีความยาวไม่เกิน 6 วินาที และเล่นก่อนวิดิโอ ระหว่างวิดิโอ หรือหลังจากวิดีโออื่น โดยผู้ชมจะไม่สามารถกดข้ามโฆษณาได้
ตำแหน่งโฆษณาที่ปรากฏ
- ในวิดีโอ YouTube
- วิดีโอในเว็บไซต์ของพาร์ทเนอร์
- แอปพลิเคชั่นในเครือข่าย Display ของ Google
การคำนวนค่าใช้จ่าย
คุณจะจ่ายเงินตามการแสดงผล โฆษณาแบบข้ามไม่ได้ใช้การเสนอราคาแบบ CPM (Cost Per Thousand Impression) หมายถึงจะมีการคิดค่าโฆษณาต่อเมื่อมีการแสดงโฆษณาครบ 1,000 ครั้ง
ข้อดีของโฆษณารูปแบบ Bumper ads
1.ลดการรบกวน
คุณสามารถสร้างโฆษณา YouTube Ads รูปแบบ Bumper Ads ที่แสดงผลเพียงแค่ 6 วินาที โดยตัดจากโฆษณาแบบ Non-Skippable Video Ads จากนั้นทำการส่งโฆษณาในรูปแบบที่สั้นลง ไปยังกลุ่มผู้ชมเดิม ด้วยวิธีนี้คุณสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ของคุณ โดยที่ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอารมณ์เสีย
2. สามารถนำคอนเทนต์เก่ามาใช้งานใหม่
โฆษณา YouTube Ads แบบ Bumper Ads แสดงผล 6 วินาที เราจึงสามารถนำโฆษณาหรือนำคอนเทนต์เก่ามาใช้ในการทำโฆษณาได้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือลงทุนในการสร้างโฆษณาขึ้นมาใหม่
ซึ่งรูปแบบของโฆษณาบน YouTube นั้นไม่ได้มีเพียงแต่โฆษณารูปแบบวิดีโอเท่านั้น หากใครที่ไม่พร้อมจะผลิตโฆษณารูปแบบวิดีโอของคุณเองคุณสามารถเลือกใช้โฆษณารูปแบบอื่น ๆ ซึ่งโฆษณาในแต่ละรูปแบบก็มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป วันนี้ทางทีมงาน STEPS Academy ได้มี อีก 3 รูปแบบของโฆษณาบน YouTube มาฝากกันค่ะเพื่อเป็นทางเลือกอื่นแก่ทุกท่านที่อยากทำโฆษณาบน YouTube มี 3 รูปแบบดังนี้
รูปแบบของโฆษณาที่ไม่ใช่วิดีโอบน YouTube
- Overlay Ads
- Display Ads
- Cards and Sponsored Cards
1.Overlay Ads
โฆษณา YouTube Ads แบบ Overlay Ads สามารถดูได้ที่ด้านล่างของวิดีโอหรือที่มุมขวาของวิดีโอ นี้คือแบนเนอร์ (Banner) ชนิดหนึ่งที่ครอบคลุมหน้าวิดีโอ 20% โดยโฆษณารูปแบบ Overlay Ads จะปรากฏเฉพาะบนเดสก์ท็อป ไม่มีการแสดงโฆษณาบนอุปกรณ์มือถือ เป็นโฆษณารูปภาพขนาด 480px X 70px ปรากฏซ้อนอยู่บริเวณด้านล่างของวิดีโอ YouTube โฆษณาจะปรากฏเมื่อผู้ชมเริ่มเล่นวิดีโอ
2.Display Ads
โฆษณา YouTube Ads แบบ Display Ads ปรากฏทางด้านขวามือของวิดีโอ และอยู่บนรายการวิดีโอที่แนะนำ ที่สำคัญโฆษณาแบบ Display Ads เป็นรูปภาพจะต้องแสดงข้อมูลคำพูดที่ต้องการสื่อสารอย่างชัดเจน โฆษณาจะปรากฏในทุกส่วน ยกเว้นหน้าแรกของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น YouTube
3.Cards and Sponsored Cards
การ์ดเป็นป๊อปอัป CTA (Call to Action) กระตุ้นให้เกิดการคลิก ซึ่งจะมีขนาดเล็กปรากฏอยู่บนวิดีโอ YouTube โดยเราสามารถใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเพิ่มการโต้ตอบระหว่างวิดีโอของคุณ โดยการโฆษณารูปแบบ Cards and Sponsored Cards นั้นจะไม่เป็นการรบกวนผู้ชมและขณะเดียวกันก็จะผลักดันการกระทำจากผู้ชม การ์ดจะขยายขนาดเมื่อคลิกเท่านั้น
ขนาดและข้อกำหนดของโฆษณา YouTube Ads
1.True view in stream ads
2.TrueView discovery ads
3.Non-skippable video ads
4.Bumper ads
5.Overlay ads
6.Display ads
7.Cards and Sponsored Cards