เทรนด์ Search Marketing ครึ่งปีหลัง ของปี 2018-2019

เทรนด์ Search Marketing ครึ่งปีหลัง ของปี 2018-2019

ต่อจากเครื่องมือโซเชี่ยลมีเดียที่หากธุรกิจไหนมีการวางแผนการตลาดบนโลกดิจิทัลแล้ว

ส่วนใหญ่จะทุ่มงบประมาณให้กับฝั่งโซเชี่ยลมีเดียเป็นหลัก เพราะคิดว่าการเข้าถึงจำนวนคนมากๆ จะนำพามาสู่ยอดขายด้วย แต่การเข้าถึงจำนวนคนมากๆ แล้วสุดท้ายได้คนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายจริงๆ เพียงไม่กี่คน ก็จะมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามจำนวนคนที่เราเข้าถึง

Search Engine Marketing เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราเจอลูกค้าที่ใช่ในจำนวนที่เราต้องการ เพราะถือว่าเป็นช่องทางที่คัดกรองความต้องการลูกค้ามาแล้วหนึ่งขั้น ลูกค้ามีความต้องการจึงค้นหาและการค้นหาผ่านแพลตฟอร์ม Search Engine สำหรับบ้านเราและอีกหลายๆประเทศแพลตฟอร์มการค้นหาข้อมูลอันดับหนึ่งของโลกก็คือ Google นั่นเอง

ซึ่งมีสถิติว่าการค้นหาข้อมูลต่างๆ ผ่าน Google เพิ่มขึ้นในทุกๆปีตั้งแต่การค้นหาสินค้าที่ต้องการซื้อไปจนปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่มีเรียกว่าผู้บริโภคพึ่ง Google ก่อนหมอด้วยซํ้าไป

บทความนี้เราจึงมีโอกาสได้สัมภาษณ์

Monlamai Vichienwanitchkul

ผู้มีประสบการณ์ทางด้าน Search Engine Marketing มามากกว่า 11 ปี และพร้อมด้วยประสบการณ์เกี่ยวกับอุตสากรรมเทคโนโลยีทางด้าน Digital Marketing มามากกว่า 14 ปี คุณมลมัย วิเชียรวนิชกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Enabler Space ( Performance Digital Marketing Educator, Consultant and Implementer Team )

เราจะเริ่มจากพาทุกท่านไปสู่ภาพรวมก่อนเลยค่ะว่า เทรนด์ถัดไปสำหรับ Search Marketing ในครึ่งปีหลังจาก 2018 ถึงปี 2019 มีอะไรบ้างที่น่าติดตาม และเราต้องเตรียมพร้อมอย่างไรบ้าง เพื่อให้ธุรกิจเราเคลื่อนไหวได้ไวขึ้น และ มีประสิทธิภาพ พร้อมยอดขายได้มากขึ้น ….

 

Q (คุณเอ็มมี่) :  เทรนด์ถัดไปของ Search Marketing ที่จะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังของ 2018 จนถึง 2019 มีอะไรที่น่าสนใจและเราควรเตรียมพร้อมรับมือบ้างคะ ?

A (คุณนิด)  : ถ้าพูดถึง Search Marketing อาจจะกว้างไปซักหน่อย อยากจะแบ่งปันในมุมของ SEO (Search Engine Optimization หรือการทำให้หน้าเว็บไซต์ของคุณติดอันดับในการค้นหา) ก่อนละกัน ซึ่งจะประกอบด้วย

1.การเข้ามาของ A.I. (Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ หรือการทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานหรือคิดได้เหมือนมนุษย์)
ตัวนี้สามารถเห็นได้ชัดจากยักษ์ใหญ่ในวงการทั้ง Google มีระบบ RankBrain และ Bing มี Rank Net ซึ่งเป็น Algorithm แบบ Machine Learning ได้ถูกนำมาใช้

Rank Brain เป็น A.I.ล่าสุดที่ทาง Google พัฒนาขึ้นมาเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดของ ที่ช่วยพัฒนาเรื่องของ SEO ให้มีคุณภาพมากขึ้นเหมือนกับมีมนุษย์ที่เชี่ยวชาญทั้งด้านคอนเทนต์ ด้านภาษา และจิตวิทยา คอยให้คะแนนเว็บไซต์ต่างๆ บนโลกออนไลน์

แม้ว่า RankBrain จะไม่มีสมการตายตัวและไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้ แต่สิ่งสำคัญที่เราควรเข้าใจคือเราต้องวางและดำเนินตามแผนกลยุทธ์ SEO ให้ตรงกับวิสัยทัศน์ของ google ที่ต้องการเป็นแพลตฟอร์มการค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ที่สามารถตอบคำถามผู้ใช้ได้อย่างตรงประเด็น แม่นยำ ให้ประโยชน์และเป็นมิตร ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก เพราะฉะนั้นแล้วหากใครจะไม่ได้รีบศึกษาเรื่องของ SEO ในเชิงขาวสะอาดหรือเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า ก็อยากให้รีบเร่งในส่วนนี้มากขึ้น เพราะ Google ก็จะมีปัจจัยที่พิจารณามากขึ้น เรียกว่าการทำ SEO ต่อจากนี้ก็จะเปลี่ยนไปจากเดิม และมีความท้าทายเพิ่มขึ้นแน่นอน

2.เทรนด์ที่สองคือ  Machine Learning ของ Search Engine
ที่สำคัญก็จะมีเรื่องของ Voice Search เข้ามาหรือที่เรียกว่า การค้นหาผ่านเสียง ซึ่งเป็นการค้นหาประเภทหนึ่งที่หลายๆคนมองข้าม และไม่พยายามที่จะศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าสถิติการใช้ voice search มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเราเพิ่งเริ่มจากการค้นหาแผนที่ด้วยเสียง แต่อีกไม่นาน เราจะเริ่มคุยกับเทคโนโลยีและค้นหาข้อมูลต่างๆด้วยเสียง และแน่นอน คำสั่งเสียงต่างจากคำสั่งผ่านการพิมพ์ ในส่วนนี้ก็จะเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ต้องคอยติดตามกันค่ะว่า เราจะต้องเริ่มทำ SEO ให้เข้าคู่กับคำสั่งเสียงของผู้บริโภคได้อย่างไร

3.เทรนด์ส่วนที่ 3 เทคโนโลยี Image Recognition (การค้นหาด้วยรูปภาพที่มีความแม่นยำเพิ่มมากขึ้น)
เรื่องของภาพก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ข้อมูลคอนเทนต์ที่เป็นตัวอักษรเลยและโดยส่วนใหญ่เราจะใช้ภาพจากแพลตฟอร์มกลาง หรือบางครั้ง เรานำภาพที่ใช้งานประกอบคอนเทนต์ จากแหล่งรวบรวมภาพฟรีให้ดาวน์โหลดกัน แต่หากอยากปักธงเมื่อมีลูกค้าที่ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของเรา และต้องการเห็นภาพเป็นหลักฐานการยืนยันความน่าเชื่อถือของธุรกิจ มาถึงตรงนี้ประเด็นที่อยากจะสื่อคือเราอาจจะต้องเริ่มผลิตสื่อภาพด้วยตัวของเราเอง เพื่อสร้างเอกลักษณ์ และสร้างพื้นที่อาณาเขตของเราในโลกของ การค้นหาข้อมูลทางภาพ(Image Search) บนแพลตฟอร์ม search engine

 

Q (คุณเอ็มมี่) : พอจะมีตัวอย่างง่ายๆ สำหรับ Machine Learning ให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจได้มากขึ้นไหมคะ ว่าเราสามารถเรียนรู้และนับมาปรับใช้กับเรื่องของกลยุทธ์ Search Marketing ได้อย่างไรบ้าง ?

A (คุณนิด) : ถ้าเกิดเราพูดถึง gmail  ทุกคนใช้ gmail หากเราได้ อีเมลที่เป็นขยะ ค่อนข้างเยอะ แล้วเราระบุว่านี่คือ spam ตัว gmail จะเรียนรู้ว่าอีเมล ประเภทนี้ มาจากคนนี้ เจ้าของอีเมลถือว่าเป็น spam ถึงวันหนึ่งที่เมลนี้จะไม่ถูกแสดงให้เห็น

แปลว่า gmail เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้งานไปเรียบร้อยแล้ว

ในแง่ของ machine learning จะเป็นเรื่องของผลลัพธ์ในการค้นหา โดยปกติในการค้นหาของ Google จะแสดงผลลัพธ์ตามคุณภาพของเว็บไซต์ตามเงื่อนไขที่ Google กำหนดมา ถ้าผลลัพธ์ที่อยู่อันดับต้นๆแต่ไม่มีคนคลิก หรือ คนคลิกน้อย

ทางระบบ Machine Learning ของ Google จะเริ่มทำการศึกษาและบันทึกพฤติกรรมของเราโดยทันที เว็บเหล่านั้นจะมีสิทธิ์ที่ไม่แสดงผลเป็นอันดับต้นๆหลังจากการค้นหาในครั้งต่อไป

แต่ในครั้งต่อไป google จะทำการจัดหาข้อมูลที่ตรงกับใจเรามากที่สุด และ เร็วขึ้นเนื่องจาก Machine Learning ของ google ได้ทำงานและพร้อมแสดงผลลัพธ์จากการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

Q (คุณเอ็มมี่) :ในส่วนของเทรนด์ที่เราพูดถึงเบื้องต้น 3 เทรนด์นี้จะมีผลอย่างไรบ้างคะต่อการทำงานของทั้งผู้ประกอบการและนักการตลาดบนโลกดิจิทัล ?

A ( คุณนิด) :ไม่ว่าจะสำหรับทั้งนักการตลาด หรือผู้ประกอบการเองก็ตาม สิ่งที่เราควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอคือการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ละวัน

ทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์ วิธีการตัดสินใจของลูกค้า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ  เป็นตัวกำหนดทิศทางของการวางกลยุทธ์ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตาม ส่วนของ search engine marketing เป็นส่วนที่ทั้งนักการตลาดและผู้ประกอบการควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของงบประมาณที่เราลงทุน

ว่าได้ ROI ( Return on investment) ผลลัพธ์จากการลงทุนไปเท่าไหร่ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการจัดสรรปันส่วนงบประมาณในช่องทางแต่ละช่องทางบนโลกออนไลน์ให้เกิดผลลัพธ์มาที่สุด

ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดปัญหาการหลงทางก็ต่อเมื่อ เราไม่รู้ข้อมูลสถิติในแต่ละช่องทางว่างบประมาณที่ลงไป ได้กลับมาเท่าไหร่ เข้าถึงกลุ่มคนเท่าไหร่ มีคนมองเห็นเท่าไหร่ มีคนคลิกเท่าไหร่ ทำให้เราไม่สามารถวางแผนต่อได้ว่าช่องทางไหนที่เราควรไปต่อ ช่องทางไหนควรพอ จนในที่สุดอาจจะเกิดเป็นวิกฤตว่าทำ Digital Marketing แล้วไม่ได้ผลลัพธ์ให้กับธุรกิจก็เป็นได้

 

Q (คุณเอ็มมี่) : หากผู้อ่านอยากศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Search Marketing อยากให้คุณนิดแนะนำแหล่งข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อ่านได้ต่อยอดได้ในอนาคตค่ะ

จะมี 2 เว็บไซต์ที่แนะนำค่ะ ได้ทั้งข้อมูลและข่าวอัพเดทเชิงลึก คือ
1. https://searchengineland.com
2. https://searchenginewatch.com

 

ทางทีม STEPS หวังว่าบทความสัมภาษณ์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อยนะคะ ในบทความสัมภาษณ์ต่อไปเราจะมาเริ่มเจาะลึกเรื่องของ voice search หรือการค้นหาด้วยเสียงมากขึ้นว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจไทยอย่างไรบ้าง อย่าลืมติดตามเราด้วยการ subscribe ผ่านอีเมล เฟสบุ๊ค และ line@ นะคะ

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

Voice Search เทรนด์การค้นหาที่สำคัญ สำหรับการทำ SEO ปี 2021
4 ขั้นตอนการเตรียมตัวง่ายๆ ก่อนทำโฆษณาผ่าน Search Engine