โฆษณาประเภท Banner ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก และผมเชื่อว่าทุกคนเคยเห็น Banner โฆษณา ตามเว็บไซต์ต่างๆกันอยู่พอสมควร แล้วคุณคลิก Banner โฆษณามั่งหรือเปล่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้คลิก เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่คลิก เพราะ รู้สึกว่า Banner คือการโฆษณาตรงจนเกินไป จึงทำให้หลายคนก็เลื่อนผ่านไป ไม่ได้สนใจ ทำให้โฆษณาประเภท Banner ไม่ค่อยได้ผล เพราะลูกค้าไม่ค่อยคลิก
นี่คือตัวอย่าง Banner ในเว็บ pantip.com (ตรงกรอบสีแดง)

นี่คือตัวอย่าง Banner ในเว็บ sanook.com (ตรงกรอบสีแดง)

พฤติกรรมคนของคนในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเลื่อนข้าม Banner ไปเลย บางทีไม่ได้สนใจมองด้วยซ้ำ คราวนี้นักการตลาดและผู้ประกอบการควรทำอย่างไร ปัจจุบันเริ่มมีการใช้ Native Ads เข้ามาในการทำการตลาดยุคดิจิตอลมากขึ้น
Native Ads คืออะไร ??
Native Ads คือ การโฆษณารูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของ คอนเทนต์ที่เน้นให้ประโยชน์มากกว่าการขายตรงๆ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกอยากเข้าใกล้แบรนด์มากที่สุด ทำให้ไม่รู้สึกเหมือนกับโฆษณา แบบ Banner ครับ โดย Native Ads จะอยู่ในรูปแบบของ Recommended Content , เรื่องที่คุณน่าจะสนใจ เป็นต้น
Native Ads ต่างจาก Banner อย่างไร ??
Native Ads จะอยู่ในรูปแบบของ Content ซึ่งอาจจะเป็นคอนเทนต์แนะนำ แต่ Banner นั้น จะเป็นป้ายโฆษณาของสินค้าหรือบริการติดอยู่ที่หน้าเว็บอาจจะเป็นด้านบนหรือด้านข้างก็ได้ครับ ดังตัวอย่างด้านบน ซึ่งคนทั่วไปที่พบเห็นก็จะรู้ทันทีเลยครับว่าเป็นพื้นที่โฆษณาครับ
นี่คือตัวอย่างของ Native Ads ในเว็บ sanook.com (ตรงกรอบสีแดง)

Content ที่จะนำมาใช้ในการทำ Native Ads อาจจะเป็นทั้ง sale content หรือ non-sale content ก็ได้ ในตัวอย่าง 2 content แรก คือ non-sale content ส่วน content ที่ 3 คือ sale content
Sale Content คือ คอนเทนต์ที่ขายโดยตรง คนคลิกเข้ามาแล้วก็จะมีรายละเอียดของสินค้าหรือบริการของเราเลยครับ แต่ต้องระวัง บางทีลูกค้าอาจจะรู้สึกว่า hard sale เกินไป
Non-Sale content คือ คอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย แต่เราจะสอดแทรกสินค้าหรือบริการเข้าไปด้วยในคอนเทนต์นั้นๆ คอนเทนต์ประเภทนี้มักจะส่งผลให้คนคลิกมากกว่า เพราะลูกค้าจะเข้าไปอ่านข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตัวลูกค้าเอง
จากภาพในข้างต้น เห็นหรือป่าวครับว่า Native Ads แบบ non-sale content นั้นดูเนียนมากๆ ถ้าเราลองคลิกเข้าไปอ่านดู ก็จะเป็นบทความปกติที่ให้ประโยชน์แต่จะมีการแทรก สินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้นๆเข้าไปด้วย
ประโยชน์และข้อดีของ Native Ads
- การทำ Native Ads นั้นมีอัตราการคลิกที่สูงกว่า Banner มาก ทำให้ลูกค้ามีโอกาสที่จะเห็นคอนเทนต์ของเรามากขึ้น
- สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า Banner เพราะเนื่องจากผู้บริโภคตั้งใจเข้าไปอ่านโดยตรง
- การทำ Native Ads คิดค่าใช้จ่ายตามจริงที่คนคลิก ถ้าคนไม่คลิกเราก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- เมื่อมีคนคลิกเข้ามา สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้ เก็บสถิติได้
- เป็นช่องทางใหม่ ที่เราสามารถทำได้ก่อนคู่แข่งจะรู้ตัว ทำให้เราก้าวข้ามคู่แข่งไปอีกหนึ่งขั้น
- ผู้บริโภคไม่รู้สึกเหมือนว่าเป็นการโฆษณา ถ้าเราเลือกใช้ Non-Sale Content
ถ้าอยากจะทำ Native Ads ต้องทำอย่างไร
ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการนอกจากเจ้าใหญ่ๆ ตัวอย่างเช่น Yengo และ Taboola แล้ว ยังมีอีกหลายเจ้าที่ให้บริการ ถึงตรงนี้ทางทีมคอนเทนต์ขอแนะนำว่าลองพิจารณาและเปรียบเทียบประโยชน์ที่จะได้รับจากแต่ละเจ้าว่าเหมาะสมกับธุรกิจของเรา หรือ ผู้ให้บริการนั้นๆ ได้มีเครือข่ายหรือช่องทางตรงกับลูกค้าที่เราต้องการหรือไม่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพกับผลลัพธ์ในการโฆษณามากที่สุดครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับความรู้เรื่อง Native Ads นักการตลาดและผู้ประกอบการทุกท่าน คงจะเริ่มสนใจกันมากขึ้นแล้ว หวังจะนำอาวุธใหม่ชิ้นนี้ ไปปรับใช้กับกลยุทธ์ของท่านในการทำการตลาด เพื่อต่อยอดธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จกันมากขึ้นนะครับผม