อัปเดทข่าวสารการตลาดกับ STEPS Academy ในยุคการตลาดแห่งอนาคตที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้กับ Marketing 4.0 ต้องหลบไป Marketing 5.0 คลื่นลูกใหม่กำลังจะมา พร้อมกับโอกาสที่มากด้วยความท้าทาย ต่างจากรูปแบบเดิม เพราะผู้ประกอบการจะต้องให้ผู้บริโภคมากกว่าการใช้ช่องทางออนไลน์ตอบโจทย์ความต้องการ พร้อมกับเข้าใจข้อมูลที่หลากหลายของผู้บริโภคให้มากกว่าเดิม
Marketing 5.0 คืออะไรกันแน่?
หากกล่าวถึงแนวคิด Marketing 5.0 ของจอห์น เอลเลียต (John Ellett) ซีอีโอแห่ง nFusion และยังเป็นนักเขียนหนังสือการวางแผนการตลาด The CMO Manifesto : A 100-Day Action Plan for Marketing Change Agents และเขายังเป็นคอลัมน์นิสต์นิตยสารฟอร์บ (Forbes)
อีกทั้ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดที่ผลักดันแนวคิด Marketing 5.0 ตั้งแต่ปี 2014 ด้วยคำนิยาม Marketing 5.0 ด้วยแนวคิดของจอห์นคือ
“Marketing 5.0 is both disruptive and additive to previous eras. Now, marketing clouds.
And Marketing 5.0 is winning in the Age of personalized Omni-channel experiences”
มีเพียงแค่ Marketing 4.0 ยังไม่พอ !! เนื่องจากที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ Accenture สำรวจพบว่า ลูกค้า 78% ไม่ได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกันในหลายช่องทางการตลาด
ดังนั้น Marketing 5.0 คือ “Age of personalized Omni-channel experiences” ที่ให้มากกว่า
Marketing 4.0 ที่มีโซเชียลมีเดีย (Social) นวัตกรรมการเข้าถึงผู้บริโภคและลูกค้าด้วย Digital Marketing ช่วยลดต้นทุนโฆษณา ลดต้นทุนธุรกิจได้มากกว่าที่เคย
การตลาด Marketing 5.0 มีแพลตฟอร์มอะไรที่ห้ามพลาด?
สำหรับการมา Marketing 5.0 นอกจากผู้ประกอบการและนักการตลาดควรมองหาแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์เก็บข้อมูล (DATA) ให้รับ Marketing 5.0 ควรเลือกช่องทางสื่อสารเชื่อมต่อกับลูกค้าให้เหมาะสมทั้ง เพื่อสร้างประสบการเชื่อมโยงที่สอดคล้องกันทั้งระบบ (Omni-Channel Experiences Require Synchronized Data) ตั้งแต่
- อีเมล์ไดเร็คมาร์เก็ตติ้ง (Email & Direct Mail : EDM) ส่งต่อลูกค้าด้วยข้อมูลที่ต้องการแบบเฉพาะตัว
- การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าบนเว็บไซต์ (CRM & Site) ให้มีความน่าเชื่อถือ และความไว้เนื้อเชื่อใจกันระยะยาว การซื้อซ้ำและสร้างความภักดีในตราสินค้า (Brand loyalty)
- โซเซียลมีเดีย (Social Media) ที่มาแรงเช่น ลิงค์อิน (LinkedIn), เฟซบุ๊ก (Facebook), ทวิตเตอร์ (Twitter)
- โมบายล์มีเดีย (Mobile Media) พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับโมบายล์มีเดีย ให้มีความหลากหลายใช้งานได้จริง
- ออนไลน์วิดีโอและโทรทัศน์ (Online Video and TV) เช่น Vimeo, BrightRoll เข้าถึงแบบเรียลไทม์
- พรีเมียมและพอร์ทัลเว็บดิสเพลย์ดีไซน์ (Premium & Portal Display) การโฆษณาในมุมมองที่ชัดเจน ช่วยการค้นหาให้ดีขั้น
- เครื่องมือการแสดงผล (Programmatic Display) ที่ครบครันมากขึ้น
เรียกได้ว่า Marketing 5.0 เกิดมาเพื่อแก้ไขปัญหาคอนเทนต์ซ้ำซาก และเปิดทางนำเสนอคอนเทนต์ผ่านประสบการณ์ของผู้ใช้งานโดยตรง พร้อมกับการวางแผนที่ชัดเจนทั้ง การบริหารแบรนด์ (Brand Management), ตลาดนักช้อป (Shopper Market), โฆษณา (Advertising), เว็บไซต์/อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) บริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM/LOYALTY), อีเวนต์ (Events) เนื่องจากการใช้งานที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ออนไลน์ พร้อมกับจัดการโครงสร้างแอปพลิเคชัน และการจัดการข้อมูลให้ดีเยี่ยม เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์อย่างต่อเนื่องไร้รอยต่อหรือที่เรียกว่า Seamless Experience ในทุกๆ ช่องทางบนโลกดิจิทัล
Marketing 5.0 ลูกค้าสำคัญที่สุด
จริงอยู่ว่าทุกยุคทุกสมัยลูกค้าก็คือสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ประกอบการและองค์กร ในยุค Marketing 5.0
ก็เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นโอกาสครั้งใหม่ของผู้ประกอบการและนักการตลาดที่จะต้องเชื่อมต่อประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่กับบริการ Omni-channel ใช้ตามความเหมาะสมของธุรกิจให้มีความเรียบง่ายเข้าถึงได้
และใช้ได้จริง
ด้วยเป้าหมายเอาใจพฤติกรรมนักช้อปสมัยใหม่ Shopper Marketing 5.0 ผู้คาดหวังความเฉพาะตัว และความประทับใจในการติดต่อและซื้อขาย ชนิดที่เน้นลูกค้าและแบ่งกลุ่มประเภทให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ขาช้อปยุค Shopper Marketing 5.0 มีอะไรเปลี่ยนบ้าง?
แน่นอนกว่าการตลาดเปลี่ยน ความต้องการของผู้บริโภคก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน และเกี่ยวกับการทำ Digital Marketing แบบเต็ม ๆ สิ่งที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดต้องมีคือ การตลาดที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาโน้มน้าวใจลูกค้าให้ดีที่สุด พร้อมกับมองหาโอกาสใหม่ ๆ ตามหลักการของ Booz & Company Analysis ดังนี้
- จัดโปรโมชันส่งเสริมการค้าที่มีประสิทธิภาพ (Trade Promotion Effectiveness) ให้มากกว่าด้วยโปรโมชันแบบบูรณาการ ยกระดับการเข้าถึง เพื่อสร้างโซลูชั่นส่วนร่วมและจัดเก็บข้อมูล
- แพลตฟอร์มข้อเสนอบนช่องทางดิจิทัล (Next-Generation Digital Deals Platforms) การเข้าถึงด้วยคอนเทนต์ สังคม ชุมชน และข้อเสนอที่เพิ่ม Engagement เป็นหลักให้มีการเข้าชมร้านค้า และมี Traffic มากขึ้น
- สร้างความสัมพันธ์ทางการตลาด (Relationship Marketing) ที่ลึกซึ้งกับผู้ซื้อบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เพิ่มประสิทธิภาพการพรีเซนต์ข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคล สร้างความสัมพันธ์แบบ ประสบการณ์ส่วนตัว (Personalized Experiences)
- อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ที่มากกว่าการวางจำหน่ายสินค้า คุณจะต้องเรียนรู้เส้นทางการเดินทางของลูกค้า Customer Journey สิ่งสำคัญที่นักการตลาดและผู้ประกอบการต้องรู้ !! มีส่วนร่วมของผู้ซื้อ เพื่อกระตุ้นยอดขายและการมีส่วนร่วมให้มากขึ้นในยุค Marketing 5.0 เช่นการมีปุ่มกด “Buy now” นำเสนอสินค้าให้ลูกค้า ฯลฯ
กรณีศึกษาน่าสนใจ : Case Study Interest
แคมเปญ Get Your Game Face On ของใบมีดโกน Gillette Premium ของ P&G ที่จัดขึ้นในร้านค้าปลีกวอลมาร์ต (Walmart) สหรัฐอเมริกา ตัวอย่างการปรับใช้ Marketing 5.0 ที่ทำงานร่วมกับค่ายเกม
- บนวัตถุประสงค์ให้ลูกค้ามองข้ามราคาสินค้า ด้วยการใช้เกมอเมริกันฟุตบอล NFL ดึงดูดใจนักชอปเกมเมอร์ให้รู้สึกแปลกใหม่
- พร้อมกับให้รหัสลับพิเศษกับผู้ที่ซื้อใบมีดโกน และเกมด้วยกัน กล่าวคือเป็นการแจกอุปกรณ์พิเศษสำหรับคนซื้อแพคเกจนี้เท่านั้น
- การวางขายหน้าร้านผสาน Omni-Channel ออฟไลน์และออนไลน์ให้เป็นหนึ่งเดียว แน่นอนว่าการตลาด 5.0 ได้สร้างประสบการณ์แคมเปญ Get Your Game Face On ออนไลน์ร่วมกับ Walmart.com และเว็บไซต์ทางการของ EA เห็นว่าแคมเปญนี้ ช่วยดันยอดขายสินค้าหมวดหมู่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 20% ให้วอลมาร์ต เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานการตลาด 5.0 ที่ลงตัวมาก ๆ
ทั้งหมดนี้ Marketing 5.0 แบบฉบับเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการไทยและนักการตลาดต้องรู้เท่าทันสถานการณ์ ควรมองหาทางรับมือเพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโต พร้อมกับเรียนรู้วางกลยุทธ์ Digital Marketing ที่เหมาะสมให้ไวเท่าทันกระแสโลก
Content Team (STEPS ACADEMY)
แหล่งข้อมูล:
forbes.com
gmaonline
slideshare