เมื่อไม่นานมานี้ ทางทีม STEPS ได้มีโอกาสจัดอบรมให้กับสมาคมการท่องเที่ยวเพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการได้เข้าใจวิธีการนำ Digital Marketing ไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผลตอบรับค่อนข้างเป็นบวก ซึ่งเจ้าของหรือผู้มีส่วนร่วมกับการตลาด รับรู้ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล และเล็งเห็นว่า Digital Marketing เป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลง หลายๆคน เริ่มนำ Digital Marketing มาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง เน้นทำ Facebook Fanpage, ทำโฆษณาบ้าง, หรือให้ Influencer มาพักบ้าง ได้ผลดีหรือไม่มีผลลัพธ์มากเท่าการลงทุนที่ใช้ไปบ้าง แต่ในระยะหนึ่งก็จะมีคำถามต่อมาว่า . . .
Digital Marketing ที่ทำนั้น ถูกหรือผิดจากสิ่งที่ตนคิดหรือไม่ และจะพัฒนาได้อย่างไร??
สำหรับการเริ่มต้น ผมขอเริ่มจาก ทำความเข้าใจ Digital Marketing คืออะไร ?
ขอเริ่มต้นที่ Marketing ก่อน Marketing(การตลาด) นั้นคือการนำสินค้าที่ใช้มาเจอกับลูกค้าที่ใช่
หน้าที่ของผมในวันนี้คือทำให้ภาพลูกค้าของคุณชัดขึ้นบ้าง ส่วนหน้าที่ของคุณเมื่อได้ข้อมูลลูกค้ามาแล้ว คำถามต่อไปที่คุณต้องตอบกับตัวเองคือว่า สินค้าหรือบริการของคุณสามารถตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าของคุณได้มากน้อยเพียงใด และสามารถพัฒนาได้อย่างไรบ้าง ??
มาเริ่มกันเลยดีกว่า ลูกค้าคุณคือใครและเขาต้องการอะไร ? ถ้าในกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว น่าจะแบ่งออกได้เป็น กลุ่มประมาณนี้
-
- คู่รักวัยทำงาน อายุประมาณ 27 – 40 ปี
- ชื่นชอบการถ่ายภาพวิว บรรยากาศสวยๆ เพื่ออวดลง Social Media
- กิจกรรมเติมความรัก ที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับคู่รัก
- เจ้าของกิจการหรือพนักงานเอกชนที่มีรายได้สูง ไม่มีครอบครัว อายุประมาณ 27 – 35
- ชื่นชอบการถ่ายภาพวิว ประสบการณ์ดีๆ เพื่ออวดลง Social Media
- ชอบกิจกรรมที่สนุก ตื่นเต้น
- เจ้าของกิจการหรือพนักงานเอกชนที่มีรายได้สูง มีครอบครัวอายุประมาณ 36 – 55
- ชอบความเป็นส่วนตัว
- ต้องการการบริการที่มีคุณภาพ
- อาหารอร่อย
- ผู้ใหญ่ หรือกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่
- มีกิจกรรมร่วมกัน ที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กและผู้ใหญ่
- ปลอดภัยไม่มีเสียงดัง
- ความสะดวกของสถานที่
- คู่รักวัยทำงาน อายุประมาณ 27 – 40 ปี
ถ้าคุณตีโจทย์ลูกค้าของคุณออก ว่าคุณสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของคุณได้บ้าง?
กลับมาที่ส่วน “DIGITAL” Marketing กันบ้าง
แล้วการเข้ามาของ Digital Marketing ส่งผลกระทบกับเราอย่างไรบ้าง ?
ย้อนกลับไป 10 – 20 ปีที่แล้ว
ถ้าคุณอยากไปเที่ยวคุณทำอย่างไร
เปิดนิตยสารท่องเที่ยว -> โทรไปสอบถามข้อมูล -> ตัดสินใจจอง
แต่ปัจจุบัน ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว
- นิตยสารท่องเที่ยว บางเล่มก็เริ่มถอนตัวไปแล้วบ้าง เนื่องจากพฤติกรรมคนเปลี่ยนมาเสพสื่อบนเว็บไซต์ได้ ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายและที่สำคัญ ฟรี!!
- ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้โทรเข้ามาคุยกับโรงแรมก่อนที่จะตัดสินใจจองที่พัก แต่เปลี่ยนจากฟังคนของโรงแรมมาเป็นฟังคนอื่นที่อยู่ในมุมมองของลูกค้าเหมือนกัน เช่น เว็บไซต์สื่อ, Facebook Fanpage เรื่องท่องเที่ยว, OTA (Online Travel Agency เช่น Agoda, Travelloca, Expedia) หรือ Pantip
ถ้าเป็นลูกค้าคนไทย เราอาจจะมีพฤติกรรมแบบนี้ ตัวอย่างเช่น
เข้า google พิมพ์ “ที่พัก พัทยา” เปิดดู ที่พัก Fan page ท่องเที่ยว -> ส่องเว็บไซต์ของโรงแรม -> เข้า google พิมพ์ “ชื่อที่พัก pantip” -> เข้า OTA (Agoda, Travelloca, Expedia)เพื่อเช็คราคา -> ตัดสินใจจองผ่าน OTA
หรือถ้าเป็นลูกค้าต่างชาติ พฤติกรรมอาจแตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น
เข้า OTA (Agoda, Travelloca, Expedia) เพื่อเช็คที่พักและราคา -> ส่องเว็บไซต์ของโรงแรม -> เข้า google พิมพ์ “ชื่อที่พัก tripadvisor” -> -> ตัดสินใจจองผ่าน OTA
เริ่มเข้าใจแล้ว แต่ทีนี้ จะเริ่มต้นอย่างไรดี ?
ในวันนี้ผมอยากจะพูดถึงส่วนหลักในเรื่องของ ช่องทางการทำ Digital Marketing ส่วนถ้าอยากอ่านเข้าใจเรื่องลูกค้ามากขึ้น ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความนี้ดู link
สำหรับลูกค้า | Awareness | Discovery | Consideration | Conversion | Customer Relationship | Retention |
รายละเอียด | พบเห็นโดยบังเอิญ | ค้นหาข้อมูลเบื้องต้น เช่น โรงแรมเราสวยไหม ตำแหน่งอยู่ที่ไหน มีอะไรทำบ้าง | คนอื่นพูดถึงเราอย่างไร, ดูรีวิว, เปรียบเทียบราคา | ตัดสินใจซื้อ | ประสบการณ์หลังการซื้อ | ประสบการณ์หลังการใช้บริการ |
คนไทย | พบเห็นจากสื่อ, ลูกค้าคนอื่น review | Facebook Fanpage, เว็บไซต์บริษัทเรา | OTA, Facebook Fanpage review, Pantip | OTA, เว็บไซต์ของเรา, หรือซื้อผ่านเอเจนซี่ |
|
|
Take your STEP – เริ่มเดินก้าวแรกของคุณ สิ่งที่คุณควรจะทำ
Awareness (พบเห็นโดยบังเอิญ) – ลูกค้าอาจจะบังเอิญพบเห็นโรงแรมเราผ่านสื่อต่างๆ เช่น แมกกาซีน, Facebook, หรือค้นหาใน Google มีคนอื่นพูดถึงโรงแรมเรา
Own media – สิ่งที่เราสร้างเองได้และเราควรจะมี เช่น
- เว็บไซต์ของโรงแรม
- Facebook Fanpage ของโรงแรม – มี Content แสดงจุดขายของคุณบ้าง เพื่อมีคนแชร์ออกไปเจอลูกค้าตัวจริง
- Google my business – เพื่อให้หาโรงแรมคุณเจอบน Google map
- SEO / Google Adwords – เพื่อให้ลูกค้าหาโรงแรมคุณเจอบน Google
PR – ทำให้คนอื่นพูดถึงคุณ(ในทางที่ดี) ไม่ว่าคุณจะจ่ายเงินซื้อหรือไม่ก็ตาม
- Facebook Fanpage ต่างๆ
- เว็บไซต์เกี่ยวกับ lifestyle หรือการท่องเที่ยว
Discovery (ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม) – คนมักจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก เว็บไซต์และ Facebook Fanpage ของโรงแรม อย่าลืมใส่จุดขายของคุณลงไปในนั้นด้วยนะ
Consideration – หมั่นตรวจสอบ Feedback จากลูกค้าว่าเขาพึงพอใจกับประสบการณ์ของเราหรือเปล่า มีอะไรบ้างที่เราสามารถพัฒนาได้
Conversion – ถ้าคุณมี Payment gateway ที่สามารถจองที่พักได้บนเว็บไซต์ของคุณ ลองตรวจสอบประสบการณ์ในการใช้งาน (User Experience) ดูว่า มันใช้งานได้ง่ายไหม? ให้คนต่างๆอายุกันลองเล่นดูว่า เขาสามารถทำการจองได้สำเร็จหรือเปล่า?
หลักๆ แล้ว สำหรับธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ช่องทางที่ควรโฟกัสมีทั้งหมด 3 ช่องทางด้วยกันคือ
โซเชี่ยลมีเดีย เว็บไซต์ และการรีวิวของผู้ที่เคยมาใช้บริการผ่าน OTA และกระทู้ต่างๆ
สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้จะมี 2 ช่องทางที่เป็น Own Media คือช่องทางเว็บไซต์ และ โซเชี่ยลมีเดีย ตามข้อมูลข้างต้นหลังจากที่เราวิเคราะห์ Customers Journey เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ผมอยากเน้นให้ผู้อ่านบทความนี้ เริ่มให้ความสำคัญ คือการพัฒนาคอนเทนต์ การจัดวาง และประสบการณ์การเดินทางเพื่อหาข้อมูลของลูกค้าผ่านทางเว็บไซต์
และเมื่อเราวิเคราะห์เป้าหมายของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการท่องเที่ยว จะมีอยู่ 2 อย่างหลักๆ ที่พวกเขาอยากได้
1. คือประสบการณ์ใหม่ ที่ประทับใจ
2.ความทรงจำที่ดี ที่เล่า และบอกต่อได้
เพราะฉะนั้นเหมือนทำให้ประสบการณ์ทั้งฝั่ง ออฟไลน์และออนไลน์ ในส่วนของเว็บไซต์ก็เป็นช่องทางที่มีไว้เพื่อถ่ายทอด ประสบการณ์ที่ทางโรงแรม หรือ รีสอร์ทมีด้วยเช่นกัน
หลายต่อหลายครั้งที่ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ได้ใช้ประโยชน์ของเว็บไซต์ แค่ด้านของ Informative หรือบอกเล่าเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรม แต่ลืมบอกเล่าความแตกต่างของโรงแรมไปทำให้ลูกค้ายิ่งต้องหาข้อมูลจากช่องทางอื่นๆมากขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจ และยิ่งทำให้ระยะเวลาการตัดสินใจยาวนานขึ้นอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น ที่พักบ้างที่ได้ให้บริการเกี่ยวกับ Localize Experience หรือการถ่ายทอดประสบการณ์ใช้ชีวิตเป็นอยู่แบบคนท้องถิ่น แต่ไม่ได้บอกเล่าออกไปในเว็บไซต์ รวมถึงโซเชี่ยลมีเดีย ว่ามีกิจกรรมเหล่านี้ที่จะสามารถสร้างประสบการณ์ ที่เขาจะสามารถนำไปถ่ายทอดต่อคนอื่นได้ในโลกออนไลน์และออฟไลน์
รวมถึงการสร้างระบบสมาชิกของที่พัก โดยตรงผ่านเว็บไซต์ และใช่ครับ เราจะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อ OTA ก็ได้ทำงานส่วนตรงนั้นแล้ว
คำตอบก็คือ สุดท้าย OTA ก็เป็นเพียงตัวกลางที่ส่งลูกค้า แต่หากเราต้องการศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจ และ คอยติดต่อลูกค้า หรือส่งโปรโมชั่นเพื่อปิดการขายโดยตรง ในเว็บไซต์ระบบการจอง และ ระบบสมาชิกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ และในส่วนของการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท พบจะถือโอกาสถ่ายทอดในคอนเทนต์ต่อๆไปครับ
ประเด็นนี้ที่ผมอยากจะเน้นยํ้าอีกครั้งคือ อย่าปล่อยเว็บไซต์เป็นเพียงเว็บ informative แต่ลองใส่ประสบการณ์ผ่านคอนเทนต์สร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่ออนไลน์ จะเร่งการตัดสินใจของลูกค้าให้เลือกคุณได้เร็วขึ้น
และอย่าลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อลูกค้ามาหาคุณแล้ว สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุด ให้เขาประทับใจ อยากกลับมาอีก และอยากบอกต่อให้กับคนรอบตัวได้มาใช้บริการโรงแรมของคุณ
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า ทำไม Digital มันช่างดูวุ่นวาย ดูยากขนาดนี้ . . .
. . . แต่นี่แหละครับ ถ้ามองอีกมุมนึงโอกาสมากมายสำหรับคนที่เริ่มต้นก้าวก่อนคนอื่น คุณจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าคนอื่นๆที่ยังใช้วิธีการเดิมๆอยู่