“การเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) เปรียบเสมือนการเลือกแฟน”
ประโยคด้านบนหลาย ๆ คนคงจะคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ทำการตลาดออนไลน์ก็คงจะพอรู้กันอยู่ว่าการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) เป็นเรื่องที่ยากด้วยตัวเลือกอยู่จำนวนมากในตลาดของเอเจนซี่ (Digital Agency) ซึ่งการเลือกให้ตรงกับความต้องการ และ เป้าหมายของเราที่มี จะทำให้ผลลัพธ์การตลาดออนไลน์ของเราดีมากขึ้น
แล้วการจะเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ใช่ มีหลักการเลือกใช้ยังไงได้บ้าง ?
ผมต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) นั้นไม่มีหลักการตายตัว ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย และ ความต้องการของบริษัทนั้น ๆ ว่าต้องการจะเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่มีลักษณะแบบไหน มีหลักการทำงานอย่างไร ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เหมือนกับการเลือกแฟนอย่างที่ได้พูดไว้ด้านบน
แต่การเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ก็พอจะมีเทคนิคที่หลาย ๆ คนสามารถทำตามได้
ใช่ครับ ถึงแม้ว่าจะไม่มีหลักการตายตัว แต่เราก็พอจะมีวิธีการดูเอเจนซี่ (Digital Agency) อยู่บ้าง ซึ่งผมได้เรียบเรียงมาให้ทุกคนได้ลองดูกัน เพื่อที่ทุกคนจะได้เลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ในฝันได้ตรงกับที่จินตนาการกันไว้
สิ่งที่ควรทำก่อนเริ่มเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency)
“เราต้องเข้าใจธุรกิจ และ ความต้องการของเราก่อน”
แน่นอนว่าแต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกัน ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงในเรื่องของสินค้า และ บริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมการทำงาน และ ความคาดหวัง อีกด้วย
สิ่งแรกที่เราจะต้องทำความเข้าใจนั่นคือ “เป้าหมาย” ที่ธุรกิจของเราต้องการ ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจปลายทางว่าสุดท้ายแล้วเราอยากได้อะไรจากการเลือกใช้เอเจนซี่ (Digital Agency)
ทั้งนี้เป้าหมายของแต่ละที่ก็มักจะแตกต่างกันครับ บางธุรกิจต้องการยอดขาย หรือบางรายก็ต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ และสำหรับใครที่เริ่มรู้เป้าหมายของธุรกิจตัวเองแล้ว อีกคำแนะนำก็คือการเขียนลิสต์ขึ้นมา เพื่อให้ง่ายต่อการทำให้เอเจนซี่ (Digital Agency) รู้ว่าสุดท้ายแล้วเราต้องการบริการอะไรจากพวกเขากันแน่
แล้วงานของเอเจนซี่ (Digital Agency) มีอะไรบ้าง ?
โดยรวมแล้วงานของเอเจนซี่ (Digital Agency) ไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้อย่างตายตัว บ้างก็ไปในด้านการผลิตคอนเทนต์ ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ หรือตัวงานบางอันก็อาจจะเน้นไปที่การซื้อโฆษณา ซึ่งเราก็ได้สรุปออกมาเป็นลิสต์ตัวอย่างในรูปด้านล่าง
ทั้งนี้ลิสต์ด้านบนเป็นแค่บางส่วนเท่านั้น ซึ่งคำถามสำคัญต่อมาก็คือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าบริการนั้น ๆ เป็นบริการที่ใช่สำหรับธุรกิจเรา ?
โดยการจะตอบคำถามนี้เราต้องเข้าใจก่อนว่าหลักการทำงานของการตลาดออนไลน์เป็นอย่างไร และ แต่ละบริการที่ทางเอเจนซี่ (Digital Agency) หยิบยื่นให้จะช่วยเราในด้านไหนบ้าง หรือถ้าหากเรายังไม่มั่นใจนัก ผมแนะนำให้ถามเอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้นตรง ๆ เพราะสำหรับเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ดี การอธิบายให้ลูกค้าฟังก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร
7 Tips สำหรับธุรกิจในการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ใช่
หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองกันไปแล้ว ขั้นต่อมาคือการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ใช่ ซึ่งวันนี้ผมมี 7 เทคนิคการดูว่าเอเจนซี่ (Digital Agency)
เทคนิคที่ 1 ดูแฟ้มผลงานของเขา และ ลูกค้าเก่า ๆ ที่ผ่านมา
เหมือนการจ้างงานบุคคลทั่วไป การจ้างเอเจนซี่ (Digital Agency) เราต้องใส่ใจดูผลงาน และ ลูกค้าเก่า ๆ ของเขา ซึ่งการดูงาน และ ลูกค้าเช่นนี้ (ในกรณีที่ดูได้) จะช่วยให้เรามีข้อมูลของเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้น ๆ มากขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะสามารถบอกเราได้ 3 อย่างด้วยกันได้แก่
“ความน่าเชื่อถือ” ซึ่งหลัก ๆ การดูผลงาน และลูกค้าเก่าของเขาก็คือ การตรวจเช็คว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไ้ม่ เขาเคยทำงานให้ใครมาแล้วหรือยัง แล้วลูกค้าเหล่านั้นเป็นลูกค้าที่มีชื่อชั้น ระดับไหน ยิ่งลูกค้าเก่าของเค้าเป็นรายใหญ่ ๆ ก็จะยิ่งทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น
“ลายเส้นผลงาน” โดยเราสามารถดูได้จากงานเก่า ๆ ของเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้น เพื่อดูว่ามันตรงกับภาพที่เราจินตนาการไว้หรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะดูได้ผ่านบริการด้านคอนเทนต์ หรือ โฆษณา เพราะจะเห็นภาพได้ชัดว่าลายเส้น และ ความถนัดของเขาเป็นแบบใด ซึ่งธุรกิจควรที่จะรู้ไว้ เพื่อให้แน่ใจว่างานที่ออกมาจะตรงกับที่ต้องการ
“ความถนัดของงาน” ทั้งผลงาน และ ลูกค้าเราสามารถดูได้ว่าเค้าผ่านการทำอะไรมาบ้าง สมมติเราเป็นธุรกิจร้านอาหาร เราก็ควรดูว่าเค้าผ่านลูกค้าในอุตสาหกรรมเดียวกันมาบ้างหรือเปล่า ? ซึ่งนี่จะช่วยบอกความถนัดของเอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้นได้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้นมีประสบการณ์ในการทำงานให้กับธุรกิจแบบเดียวกับเรา
ที่มา Uplers
เทคนิคที่ 2 ประสบการณ์ของบุคลากรในเอเจนซี่ (Digital Agency)
ถ้าลองสังเกตกันดี ๆ จะพบว่าหลาย ๆ เอเจนซี่ (Digital Agency) มีการใส่ข้อมูลของบุคลากรลงในเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูได้ว่าในบริษัทนั้น ๆ มีใครบ้าง และจะมีประสบการณ์ที่มากน้อยแค่ไหน
อีกช่องทางที่เราสามารถใช้ในการดูบุคลากรของเอเจนซี่ (Digital Agency) นั้น ๆ ได้นั่นคือแพลตฟอร์มการหา-จ้างงานออนไลน์อย่าง “Linkedin” ครับ ซึ่งเมื่อเราเข้าไปในบัญชีของบริษัทจะสามารถดูข้อมูลของบุคลลที่ทำงานอยู่ในนั้นได้ (เข้าหน้าบัญชีของบริษัท แล้วกด “People”) ทั้งนี้ใน Linkedin อาจจะไม่ตรง และ เป็นปัจจุบันเท่าในเว็บไซต์ ดังนั้นผมขอแนะนำว่าถ้าเอเจนซี่ (Digital Agency) รายไหนที่มีการระบุข้อมูลส่วนนี้ การเข้าไปดูนับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราควรทำครับ
เทคนิคที่ 3 ชื่อเสียง และ การเป็นที่ยอมรับในสังคม
เทคนิคนี้คือการดูชื่อเสียง และ การเป็นที่ยอมรับในสังคมของเอเจนซี่ (Digital Agency) หรือที่เรามักเรียกกันว่า “Social Proof” นั่นเอง
Social Proof ของเอเจนซี่ (Digital Agency) สำคัญอย่างไร ?
ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้เราสามารถมั่นใจได้ว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่เราเลือกเป็นเอเจนซี่ที่ได้รับการยอมรับจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากลูกค้าที่ผ่านการจ้างงานมาแล้ว ซึ่งนี่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้ ว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่เราใช้เชื่อถือได้อย่างแน่นอน
Social Proof ของเอเจนซี่ (Digital Agency) สามารถดูจากไหนได้บ้าง ?
เริ่มแรกเลยเราสามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ ซึ่งเอเจนซี่ (Digital Agency) ส่วนใหญ่มักจะใส่รีวิว หรือ การรับรอง (Testimonial) ต่าง ๆ อยู่
ที่มา SEO Discovery
นอกจากข้อมูลที่ถูกระบุในเว็บไซต์ เราสามารถดูได้จาก Search Engine ต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถดูได้ว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้น ถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง โดยปราศจากการคัดรีวิวมาเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอเจนซี่ (Digital Agency) เอง
โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถบอกเราได้ว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนี้มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร และมีโอกาสที่จะทำได้อย่างที่เราคาดหวังมั้ย ? นั่นเองครับ
เทคนิคที่ 4 วัฒนธรรมการทำงาน และ การให้คุณค่าของเอเจนซี่ (Digital Agency)
อย่างที่ผมได้บอกไปในขั้นตอนแรกก่อนการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) ว่าเราควรทำความเข้าใจให้ดีว่าวัฒนธรรมองค์กรของเราเป็นแบบไหน และ บริษัทของเราให้ความสำคัญกับอะไร ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้ในเทคนิคการเลือกเอเจนซี่ (Digital Agency) เทคนิคนี้นั่นเองครับ
เหมือนกับการทำงานทั่วไป ถ้าเราทำงานร่วมกับคนที่มีนิสัย และทัศนคติที่ให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกัน มักจะทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งสำหรับการทำงานร่วมกับเอเจนซี่ (Digital Agency) เรื่องนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่เราต้องดูให้ดีเช่นเดียวกัน
แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไร ?
สำหรับวัฒนธรรมในการทำงาน เราอาจจะดูได้บ้างเล็กน้อย (หากไม่ได้รู้จักกับคนที่เคยร่วมงานกันมาก่อน) แต่ในส่วนของคุณค่าที่เอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้นมีให้ หลัก ๆ แล้วเราสามารถดูได้จากเว็บไซต์ และ วิธีการนำเสนอของเอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้นครับ
โดยเราสามารถดูได้ว่าเอเจนซี่ (Digital Agency) เหล่านั้น ให้ความสำคัญในการนำเสนอที่จุดไหน หรือมากกว่านั้นบางเอเจนซี่ อาจมีการเขียนลงไปในเว็บไซต์ว่าอะไรที่องค์กรให้ความสำคัญด้วย
ที่มา Digital Next
เทคนิคที่ 5 ดูการออกแบบเว็บไซต์
ก่อนหน้านี้ผมอาจจะแนะนำให้มีการดูข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์บ้าง แต่ยังมีอีกอย่างที่สำคัญมาก ๆ ที่เราต้องดูซึ่งนั่นก็คือ “การออกแบบ” นั่นเอง
การออกแบบเว็บไซต์ของเอเจนซี่ (Digital Agency) สำคัญยังไง ?
เอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ดี จะรู้กันเลยว่าการออกแบบเว็บไซต์สำคัญแค่ไหน ดังนั้นถ้าเราเข้าไปยังเว็บไซต์แล้วเห็นความใส่ใจของเอเจนซี่ (Digital Agency) เจ้านั้น ๆ เราจะรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบ
นอกจากเรื่องความใส่ใจในองค์ประกอบต่าง ๆ แล้ว เว็บไซต์ของเอเจนซี่ (Digital Agency) ยังบ่งบอกได้ถึงความเป็นมืออาชีพอีกด้วย ดังนั้นในฐานะลูกค้าการดูเว็บไซต์ของเอเจนซี่ (Digital Agency) จะทำให้เรามีความมั่นใจได้มากขึ้น
เทคนิคที่ 6 สามารถติดต่อได้ เข้าถึงง่ายหรือเปล่า ?
เทคนิคนี้คือการดูวิธีการที่เราจะติดต่อกับเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้น ๆ ซึ่งไม่ควรที่จะถูกทำให้เป็นเรื่องยาก การออกแบบเว็บไซต์ หรือ การออกแบบการให้บริการ (Service Design) ที่ทำให้การจะติดต่อเอเจนซี่ (Digital Agency) รายนั้น ๆ เป็นเรื่องยาก ช่วยให้เราสามารถคาดเดาคุณภาพของการให้บริการได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเอเจนซี่ (Digital Agency) ที่ดี จะต้องรู้ว่าการทำให้ลูกค้าติดต่อ หรือ กระทำบางอย่างที่เราต้องการ (Conversion) จะต้องทำให้ง่ายภายในไม่กี่คลิก และมีการจัดวางปุ่ม “Call to Action” ที่ชัดเจน
เทคนิคที่ 7 ดูว่ามีการโฆษณาเกินจริงหรือไม่ ?
แน่นอนว่าหลาย ๆ เว็บไซต์ของเอเจนซี่ (Digital Agency) หรือแม้แต่ตอนที่นำเสนอบริการ จะต้องมีการพูดถึงถึงผลลัพธ์ที่ลูกค้ามักจะได้ ซึ่งหน้าที่ของเราก็คือต้องดูว่าผลลัพธ์เหล่านั้นมีความเป็นไปได้ หรือ เกินจริงไปหรือเปล่า ?
โดยเทคนิคข้อนี้อาศัยความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) อยู่ระดับหนึ่ง เพื่อที่จะดูว่าสิ่งที่พวกเขาแอบอ้างมาเป็นไปได้จริงหรือ ? ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านการวัดผลลัพธ์ว่าตัวเลขที่กล่าวอ้างขึ้นมามีสูงเกินไปมั้ย หรือ จะเป็นการทำ SEO ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลา ซึ่งถ้ามีการกล่าวอ้างว่าจะทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็เป็นไปได้ที่คำพูดเหล่านั้นจะเกินจริง
ดังนั้นการเตรียมตัวเพิ่มเติมความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) จึงเป็นเรื่องที่่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเรากำลังจะเสียเงินให้กับการจ้างเอเจนซี่ (Digital Agency) และวันนี้ STEPS Academy เราก็มีหลักสูตรที่ชื่อว่า Digital Marketing Specialist Certification หลักสูตรที่จะทำให้คุณรอบรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ของการทำการตลาดออนไลน์ ให้คุณได้กลายเป็นหนึ่งในผู้วางกลยุทธ์ที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเทคนิคการสร้างทีม และ ร่วมงานกับเอเจนซี่ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
ที่มา Niel Patel และ Stargazerdigital