การหาหรือรับสมัครพนักงานบนโลกออนไลน์ หลาย ๆ อาจจะคิดว่าง่าย แค่เพียงลงรับสมัครในเว็บไซต์จัดหางานเท่านั้น แต่ความจริงแล้วการหาหรือรับสมัครพนักงานบนโลกออนไลน์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพื่อที่จะได้พนักงานที่ตรงกับความต้องการจริง ๆ
ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีสิ่งที่เรียกว่า “Digital Recruitment Marketing” หรือ “การตลาดออนไลน์เพื่อการสรรหาบุคลากร” ที่สามารถช่วยให้การค้นหา หรือรับสมัครพนักงานบนโลกออนไลน์ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Digital Recruitment Marketing คืออะไร ?
Digital Recruitment Marketing คือ การนำหลักการตลาดออนไลน์ มาใช้ในการหาหรือรับสมัครพนักงาน ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นการต่อยอดมาจาก Recruitment Marketing หรือการตลาดในการหาบุคลากรอีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการหาหรือรับสมัครพนักงานของแต่ละองค์กรให้ได้ตรงกับความต้องการ มีประสิทธิภาพ และ ดึงดูดคนเก่ง ๆ ได้
โดยหลักการของ Digital Recruitment Marketing ก็จะมีลักษณะเดียวกัน ซึ่งรวมทั้งการมี “Candidate Journey” หรือ “การเดินทางของผู้สมัครคุณภาพ” ด้วย
Candidate Journey คืออะไร ?
Candidate Journey หรือที่บางครั้งถูกเรียกว่า “The Stage of Talent Acquisition” คือการแบ่งขั้นของการค้นหาและรับสมัครพนักงานหนึ่งคนตามการเดินทางหรือ Journey ของผู้สมัคร โดย Candidate Journey จะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ขั้นตามหลักของ Digital Recruitment Marketing ดังนี้
ขั้นที่ 1 : Awareness หรือ ขั้นการรับรู้ คือ ขั้นการเดินทางของผู้สมัครงานที่เริ่มพบเห็นการเปิดรับสมัครของเรา หรือเริ่มรู้จักแบรนด์เรา ไม่ว่าจะเป็นจากทางโฆษณา หรือ การลงบนเว็บไซต์
ขั้นที่ 2 : Consideration หรือ ขั้นการตัดสินใจ คือ ขั้นของการตัดสินใจ ซึ่งผู้สมัครงานจะเริ่มทำการค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ มาประกอบ
ขั้นที่ 3 : Interest หรือ ขั้นความสนใจ คือ ช่วงเวลาที่ผู้หางานหรือตัว Candidate เริ่มมีความสนใจ ยกเราเป็นหนึ่งในบริษัทปลายทางที่ต้องการ
ทั้งนี้ Candidate Journey จะมีทั้งหมด 6 ขั้น ซึ่งอีก 3 ขั้นที่เหลือจะเกี่ยวข้องกับการรับสมัครพนักงานเข้าทำงาน ซึ่งได้แก่ การสมัคร (Application) การคัดเลือก (Selection) และ การว่าจ้าง (Hire) ซึ่งจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการตลาดมากนัก ดังนั้น Digital Recruitment Marketing จึงโฟกัสกับ 3 ขั้นตอนแรกเพื่อหาหรือรับสมัครพนักงานมากกว่า
Digital Recruitment Marketing เพื่อหาหรือรับสมัครพนักงานตาม Candidate Journey
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจ Candidate Journey ในเบื้องต้น ซึ่งทำให้รู้ว่าการจะเข้ามาสมัครงานครั้งหนึ่งต้องผ่านอะไรมาบ้าง มาถึงตรงนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะเริ่มมีการใช้ Digital Recruitment Marketing ในการเข้าไปทำการตลาดกันแล้ว
โดยในขั้น Awareness นั้น หน้าที่ของการทำ Digital Recruitment Marketing คือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ ซึ่งรวมทั้งการสื่อสารต่าง ๆ ที่เราต้องการจะสื่อออกไป เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ และสร้างภาพจำของบริษัท
ตัวอย่าง : การแสดงถึงตัวตนของแบรนด์ และ วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมทั้งผลงานต่าง ๆ ที่เคยทำสำเร็จเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ที่กำลังหางานในตลาด

ที่มา Nestle
ในขั้นถัดไปซึ่งก็คือขั้น Consideration จะเริ่มมีการนำ Digital Recruitment Marketing มาใช้ในการเพิ่มการมีส่วนร่วมกับผู้หางาน ซึ่งจะเริ่มมีการสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ ในด้านประโยชน์ที่ได้รับ สวัสดิการต่าง ๆ ที่มี
ตัวอย่าง : การสร้างมีส่วนร่วมกับผู้ที่กำลังหางานบนแพลตฟอร์มรับสมัครพนักงานต่าง ๆ เช่น Linkedin พร้อมกับการสร้างคอนเทนต์ที่ช่วยในการตัดสินใจ เช่น คอนเทนต์แสดงผลประโยชน์ที่จะได้รับในการทำงานกับบริษัทของเรา เป็นต้น

ที่มา Walt Disney World
สำหรับขั้น Interest ซึ่งตัวผู้หางานเริ่มมีความสนใจ ในจุดนี้เราจะเริ่มนำ Digital Recruitment Marketing มาใช้ช่วยให้พวกเขามองเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ว่าผู้ค้นหางานเหล่านั้นจะเหมาะกับตำแหน่งนั้น ๆ หรือ บริษัทอย่างไร ซึ่งจะทำให้พวกเขายิ่งตัดสินใจง่ายมากกว่าเดิม
ตัวอย่าง : การโพสต์ภาพ หรือ วิดีโอ บรรยากาศการทำงานในออฟฟิศบน Social Media เพื่อแสดงถึงวัฒนธรมองค์กร

ที่มา Google
ตัวอย่างการใช้ Digital Recruitment Marketing ในการหาหรือรับสมัครพนักงาน
ในปัจจุบัน หลาย ๆ บริษัททั่วโลกเริ่มมีการใช้ Digital Recruitment Marketing ในการหาหรือรับสมัครพนักงานมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการนำไปใช้ก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบ หลากหลายช่องทางด้วยกัน โดยในบทความนี้ผมได้นำตัวอย่างการทำ Digital Recruitment Marketing ที่น่าสนใจ จะกลายเป็นรูปแบบในการหาหรือรับสมัครพนักงานที่แต่ละบริษัทจะพลาดไม่ได้ในอนาคต
การใช้ Digital Recruitment Marketing ในการสร้างแบรนด์ของผู้ว่าจ้าง
จากสถิติของ Linkedin ระบุว่า 72% ของบริษัทจัดหาพนักงาน ยืนยันว่าการสร้างแบรนด์ที่ดีของผู้ว่าจ้างเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการสร้างแบรนด์นี้เป็นการทำการตลาดที่ต่างจากการสร้างแบรนด์สำหรับลูกค้า
โดยปัจจัยสำคัญอย่างแรกเลยนั่นคือ “ชื่อเสียง” ที่ธุรกิจเหล่านั้นมี ซึ่งจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือ ซึ่งหลาย ๆ บริษัทก็มีการใช้ Digital Recruitment Marketing ในการส่งเสริมภาพลักษณ์
สำหรับช่องทางที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมากได้แก่ช่องทาง Social Media ซึ่งเราอาจจะเริ่มเห็นกันในไทยบ้างแล้วที่บางแบรนด์มีการสร้าง Facebook Page แยกสำหรับการหาหรือรับสมัครพนักงานขึ้นมา พร้อมกับคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่บอกว่าทำงานกับบริษัทนั้นดีอย่างไร และบริษัทมีคาแรคเตอร์แบบไหน

ที่มา Facebook
Inbound Recruiting
การทำ Inbound Recruiting สำหรับ Digital Recruitment Marketing เพื่อหาหรือรับสมัครพนักงานนั้นมีหลักการคล้ายคลึงกันกับ Inbound Marketing ซึ่งเป็นดึงดูดผู้ที่กำลังสนใจ ผ่านการใช้คอนเทนต์ในช่องทางที่เรามีอยู่ อย่าง Blog, Social Media, LINE หรือ YouTube เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเข้ามาใน Talent Pool (ข้อมูลรายชื่อของ Candidate คุณภาพที่มีความสามารถ) ของเราเก็บเอาไว้ได้

ที่มา Facebook
โดยเหตุผลของการทำ Inbound Recruiting สำหรับ Digital Recruitment Marketing เช่นนี้ก็เพราะว่าในบางครั้ง พนักงานคุณภาพอาจจะยังไม่ได้ต้องการเปลี่ยนงานในทันที ซึ่งการทำคอนเทนต์เหล่านี้จะช่วยให้เราเป็นที่จดจำในระยะยาวมากขึ้น และช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ (ข้อมูลจาก Linkedin)
นอกจากนี้หลาย ๆ ครั้งที่พนักงานคุณภาพมักจะเริ่มค้นหางานด้วยการ Research ซึ่งการมีคอนเทนต์ดี ๆ มารองรับ ที่ช่วยบอกตัวตน วิสัยทัศน์ รวมไปถึง สิ่งที่จะได้รับ ในการทำงานกับบริษัทอีกด้วย
HR Analytics และ Data – Driven Recruiting
อีกหนึ่งข้อดีในการใช้ Digital Recruitment Marketing ในการหาหรือรับสมัครพนักงานบนช่องทางออนไลน์ คือการเก็บข้อมูลที่ง่ายขึ้น เป็นผลให้หลาย ๆ แบรนด์จึงเริ่มมีการใช้ Data ในการวิเคราะห์เพื่อวางกลยุทธ์ Digital Recruitment Marketing ในการหาพนักงาน
โดยในปัจจุบันการนำ data มาใช้ในการตัดสินใจกลยุทธ์ Digital Recruitment Marketing ก็มีมากขึ้น ด้วยความที่การเก็บข้อมูลเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายจากการใช้ Marketing Technology หรือ Application Tracking System (เครื่องมือติดตามและเก็บข้อมูลผู้สมัคร) ที่สามารถเก็บข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลต้นทุน เวลา ทรัพยากรที่ใช้ หรือ คุณภาพที่ได้ในการหาหรือรับสมัครพนักงานแต่ละครั้ง

ที่มา Manatal
Social Recruiting
อย่างที่ได้มีการยกตัวอย่างไป ในตัวอย่างก่อนหน้านี้ว่าในปัจจุบันเริ่มมีการนำ Social Media มาใช้ในการทำ Digital Recruitment Marketing เพื่อหาหรือรับสมัครพนักงานกันมากขึ้น
โดย Social Recruiting นั่นมีมากกว่าแค่การโพสต์ตำแหน่งงานที่ว่างภายในบริษัทบน social Media ต่าง ๆ แต่ยังรวมถึงการ ค้นหา และ ระบุตัวตนผู้สมัครที่น่าสนใจ (บน Linkedin) การนำ Hashtag # มาใช้เพื่อการรับสมัครพนักงานในระยะยาว การโพสต์รูป วิดีโอบรรยากาศในการทำงาน เป็นต้น

ที่มา Google
ที่มา Vtldesign, Digitalassembly,Linkedin, Crowdstaffing and smartrecruiter