ทำไมการทำการตลาดด้วย Visual Content จึงมีอิทธิพลต่อผู้รับชม

การทำการตลาดด้วย Visual Content

A Picture is worth a thousand words

ความมหัศจรรย์ของการใช้รูปภาพ คือความสามารถในการสื่อสารความหมายของรูปต่างๆ โดยปราศจากคำอธิบายที่ยืดยาว ให้ยังคงสื่อสารทั้งอารมณ์ และ ความรู้สึกได้ดีค่ะ เช่นเดียวกับการทำ Visual Content ที่ไม่ได้เป็นเพียงการใช้รูปภาพที่สวยงามเพื่อสื่อสารข้อความต่างๆ ให้สามารถอ่านได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่สามารถเป็นเครื่องมือในการสื่อสารทั้งในแง่ของอารมณ์ และ ความรู้สึก โดยอาจเป็นการสื่อสารที่ไม่ต้องใช้ข้อความ แต่เป็นการใช้รูปภาพพูดแทนข้อความที่เราอยากสื่อสารได้ค่ะ 

การใช้ Visual Content สามารถดึงดูดใจของผู้รับชมได้ดี ซึ่งความดึงดูดใจนี้เอง ไม่ได้เป็นเพียงเพราะการใช้รูปภาพหรือการทำกราฟฟิคที่สวยงามน่าสะดุดตาเท่านั้นนะคะ แต่ยังเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากสมองของมนุษย์ ที่สามารถจดจำ และ วิเคราะห์ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบภาพได้ดีกว่าข้อมูลเพียงอย่างเดียว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ในหลายบริษัทหันมาให้ความสำคัญในการทำ Visual Content Marketing เพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ โดยข้อมูลจาก Hubspot (แพลตฟอร์มสำหรับการทำการตลาด) กล่าวว่า 70% ของบริษัทให้การลงทุนในด้านของ Content Marketing ซึ่งรวมไปถึงการทำ Visual marketing ด้วยนั่นเองค่ะ ดังนั้นเรามาทำความเข้าใจกันต่อดีกว่าค่ะ ว่า Visual Content คืออะไร และ มีรูปแบบอย่างไรบ้าง

Visual Content คืออะไร

Visual Content คือ คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของภาพและวิดี โดยสามารถอยู่ในรูปแบบทั้ง GIFS, รูปภาพ, สไลด์, Infographic, กราฟิกเคลื่อนไหว, วิดีโอ และ E-books

ตัวอย่างของ visual content

ภาพจาก https://www.columnfivemedia.com

รูปแบบของการทำ Visual Content จึงมีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ในการสื่อสารข้อมูลให้แก่ผู้รับชมได้หลายแนวทาง ก่อนที่จะกล่าวถึงแนวทางในการสร้าง Visual Content เรามาทำความเข้าใจความสำคัญของ Visual Content Marketing ให้มากขึ้นกันก่อนดีกว่าค่ะ

ทำไม Visual Content Marketing จึงสำคัญ

 

ความใฝ่ฝันของนักการตลาดสายคอนเทนต์คือ การสื่อสารข้อมูลที่มีอยู่ให้แก่ผู้รับชมเพื่อนำไปสู่เป้าหมายต่างๆ ทั้งการสร้าง Brand Awareness หรือ ความเป็นที่รู้จักของแบรนด์ การใช้คอนเทนต์เพื่อเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่ Conversion หรือการสร้างยอดขายที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ผู้เขียนเชื่อว่า อีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยนักการตลาดทุกท่านได้คือการทำ Visual Content Marketing นั่นเองค่ะ ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าในขณะที่เราสื่อสารคอนเทนต์ในรูปแบบภาพหรือวิดีโอต่างๆ คอนเทนต์เหล่านั้นจะสามารถส่งผลต่อผู้รับชมได้อย่างไรบ้าง

 

1.ความดึงดูดใจ 

การทำ Visual Content  ใช้เทคนิคของการออกแบบ และ รูปแบบการจัดเรียงข้อมูลที่ต้องการสื่อสารออกมาอย่างเหมาะสม ทำให้สามารถกระตุ้น และ ดึงดูดความสนใจของผู้รับชม ที่สามารถทำให้แบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ ในตลาดได้ 

ตัวอย่างภาพที่ดึงดูดใจ

ภาพจาก https://www.apple.com/

 

2. ความเข้าใจง่าย 

การสื่อสารด้วยการใช้ Visual Content ทำให้สมองของมนุษย์ใช้เวลาประมวลเนื้อหาออกมาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าการสื่อสารด้วยข้อความเพียงอย่างเดียว โดยข้อมูลจากการวิจัยโดยมหาวิทยาลัย MIT พบว่า สมองของมนุษย์สามารถใช้เวลาเพียง 0.013 วินาที หรือแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นในการประมวลผลรูปภาพต่างๆ จึงสามารถกล่าวได้ว่า Visual Content เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาช่วยในการอธิบายสิ่งที่เราต้องการสื่อสารที่มีความซับซ้อน ให้สามารถเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ตัวอย่างอินโฟกราฟฟิค

ภาพจาก https://www.semrush.com

 

จากตัวอย่างข้างต้นเป็นการอธิบายเหตุผลที่ควรทำ Visual Content ซึ่งในตัว Infographic ชิ้นนี้ได้สรุปแบ่งแยกประเด็นออกมาในแต่ละหัวข้อ โดยมีการใช้ Icon ในการช่วยอธิบายเสริมความเข้าใจในแต่ละหัวข้อให้ผู้อ่าน 

 

3. สร้างการรับรู้แบรนด์

แม้สมองของมนุษย์ใช้เวลาแค่เพียงเสี้ยววินาทีในการประมวลผลของรูปภาพที่มองเห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าข้อมูลเหล่านั้นจะหายไปจากสมองมนุษย์อย่างง่ายดายนะคะ เพราะความพิเศษของการใช้ Visual Content ยังส่งผลต่อความทรงจำของมนุษย์ในระยะยาวด้วยเช่นเดียวกันค่ะ ด้วยการเชื่อมโยงของสมองระหว่างรูปภาพ และ ข้อมูล จึงทำให้ข้อมูลเหล่านั้นน่าจดจำมากยิ่งขึ้น ซึ่งเวลาที่กลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าจดจำแบรนด์ หรือตัวสินค้าของเราได้ จะเป็นโอกาสที่ดีที่แบรนด์ของเราจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของลูกค้า ในการขาย ทำให้เรากลายเป็นแบรนด์หลัก ๆ ในสนามการแข่งขัน

จากวิดีโอข้างต้นเป็นการอธิบายให้เข้าใจถึงการนำ Visual Content มาใช้ในการสื่อสารข้อมูลที่มีความซับซ้อนในการอธิบายโดยใช้รูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ให้ข้อมูลเหล่านั้นสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย และ เห็นความแตกต่างของการเปรียบเทียบได้ง่ายมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจถึงความสำคัญของ Visual Content ที่ส่งผลต่อการทำงานของสมองมนุษย์กันและการทำความเข้าใจข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายมากยิ่งขึ้นแล้ว ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าแนวทางในการทำ Visual Content Marketing มีแนวทางอย่างไรบ้าง

 

แนวทางในการทำการตลาดด้วย Visual Content 

 

1. ใช้ Visual Content อย่างมีกลยุทธ์

หากผู้อ่านท่านใดยังไม่เคยเริ่มทำการตลาดด้วย Visual Content สามารถเริ่มได้ไม่ยากค่ะ ด้วยการวางแผนคอนเทนต์อย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ เพราะมีพื้นฐานเช่นเดียวกับการทำการตลาดทั่วไป เพราะมีข้อสำคัญคือการกำหนดกลยุทธ์นั่นเองค่ะ

  • กำหนดเป้าหมายที่เราต้องการจากการทำการตลาดด้วย Visual Content ว่าเราต้องการให้การทำ Visual Content ในครั้งนี้บรรลุจุดประสงค์ในเรื่องใด เช่น เพิ่ม Brand Awareness (ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักในกลุ่มตลาด) เพิ่ม Conversion หรือยอดขายให้แก่บริษัท 
  • กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้รับชม Visual Content ของเราอย่างชัดเจน เนื่องจากการสื่อสารข้อมูลให้แก่กลุ่มคนแต่ละกลุ่มย่อมมีความแตกต่างกันออกไป
  • รู้จักแบรนด์ของตัวเองทั้งในส่วนของจุดแข็ง และ จุดอ่อน สิ่งที่ทำให้แบรนด์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง เอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์หรือสินค้าของเรา เพื่อที่จะทำให้เราทราบได้ว่าเราจะสามารถสื่อสารข้อความเหล่านั้นออกมาได้อย่างไร
  • ใช้เครื่องมือในการวัดความสำเร็จ ผลลัพธ์ในการทำการตลาดด้วย Visual Content สามารถใช้เครื่องมือต่างๆในการวัดผล ไม่ว่าจะเป็นยอด Engagement หรือความมีส่วนร่วมของผู้รับชม เช่น ยอด Like, Comment, Share หรือสามารถวัดผลได้ด้วยการเข้าถึงเช่น Reach, Impression เป็นต้น ซึ่งเครื่องมือในการวัดผลเหล่านี้สามารถทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และ สามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อนำไปพัฒนาในการทำ Visual Content ต่อไปได้
กำหนดกลยุทธ์

ภาพจาก https://contentmarketinginstitute.com

 

2. เข้าใจเทคนิคของการออกแบบ

รูปภาพกราฟฟิคสวยๆ ที่เรารับชมบนสื่อต่างๆ มีกฏเบื้องหลังของการออกแบบซ่อนอยู่ในการสื่อสารเนื้อหาเหล่านั้น โดยผู้เขียนได้สรุปประเด็นที่สามารถนำมาใช้ในการทำ Visual Content ไว้ดังนี้ค่ะ

  • ปล่อยพื้นที่ว่างในรูปภาพ การไม่เว้นช่องว่างระหว่างภาพให้เพียงพออาจทำให้ภาพดูรกตา และ ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ยากมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ Visual Content ของคุณไม่สามารถดึงดูดผู้รับชมได้ ดังนั้นองค์ประกอบของภาพที่ไม่มีความจำเป็น ระยะห่างระหว่างบรรทัด และพื้นที่ว่างต่างๆ บนรูปภาพล้วนมีผลต่อผู้รับชมค่ะ

ตัวอย่าง Visual content ที่ไม่ควรทำตัวอย่าง Visual Content ที่ควรทำภาพจาก https://blog.prototypr.io

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าทั้งสองภาพมีการใส่ข้อมูลเหมือนกัน และใช้รูปภาพประกอบเช่นเดียวกัน แต่ความแตกต่างคือพื้นที่ว่างของภาพ ซึ่งในภาพที่สองที่มีการเพิ่มพื้นที่ว่างในภาพมากขึ้นทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่าเราต้องการใส่ข้อมูลอัดแน่นจนเกินไป และทำให้มีส่วนพักสายตาภายในภาพมากยิ่งขึ้น

  • การใช้ฟอนต์ การเลือกใช้ฟอนต์จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมของชิ้นงาน เนื่องจากฟอนต์สามารถสื่อสารในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกได้ เช่นในสินค้าราคาสูงอาจต้องการ Visual Content ที่ให้ความรู้สึกหรูหรามีราคา หรืออาจเป็นฟอนต์ที่ให้ความรู้สึกเรียบง่าย ในงานของบริษัทขนาดใหญ่ๆ อาจจะต้องการ Visual Content ที่มีความเป็นทางการ ดูน่าเชื่อถือ เป็นต้น 

ทั้งนี้จะต้องคำนึงไปถึงความสามารถในการอ่านได้ด้วย หากเลือกใช้ฟอนต์ที่มีลูกเล่นของตัวอักษร สามารถเลือกใช้ในหัวข้อของชิ้นงาน แต่ในส่วนตัวเนื้อหาจะต้องเลือกใช้ฟอนต์ที่ไม่มีลูกเล่นจนเกินไป เพื่อให้ผู้รับชมสามารถอ่านข้อความที่ต้องการสื่อสารได้ง่าย

ตัวอย่างการใช้ฟอนต์

ภาพจาก https://kontra.agency

  • การเลือกใช้สี สีของข้อความและสีของพื้นหลังที่เกิดความแตกต่างกัน ส่งผลต่อความสามารถในการอ่านข้อความที่แบรนด์ต้องการสื่อสารออกมาได้ และยังส่งผลต่อความรู้สึกของงานอีกด้วย 

การเลือกสีใน visual contentภาพจาก https://www.webindiasolutions.com/

 

3. เลือกรูปแบบอย่างเหมาะสม

การทำ Visual Content มีรูปแบบในการทำได้หลากหลายรูปแบบ ความเหมาะสมในการทำขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ต้องการสื่อสารว่าการใช้ Visual Content ในรูปแบบใดสามารถสื่อสารเนื้อหาเหล่านั้นออกมาได้ดีที่สุด ซึ่งในแต่ละรูปแบบ จะต้องคำนึงถึงระยะเวลา และ ต้นทุนในการทำที่แตกต่างกันออกไป โดยตัวอย่างจากภาพด้านล่างเป็นการรวบรวมรูปแบบของ Visual content  และ แสดงเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของแต่ละรูปแบบเอาไว้

รูปแบบการใช้ Visual contentภาพจาก https://www.columnfivemedia.com

 

4. นำคอนเทนต์ที่มีอยู่มาทำใหม่เป็น Visual Content

อีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจคือ การนำคอนเทนต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมมาปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของ Visual Content ซึ่งถือเป็นการสื่อสารเรื่องราวเดิมในรูปแบบใหม่ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยในการนำคอนเทนต์ที่ได้รับความสนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้อยู่ใน Visual Content จะทำให้สามารถดึงดูดใจผู้รับชมได้เพิ่มมากขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม สร้างความน่าจดจำของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น และ เกิดการแชร์คอนเทนต์ออกไปได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นค่ะ

ผู้เขียนได้นำตัวอย่างจาก Venngage เครื่องมือออนไลน์ในการสร้างสรรค์งานด้าน Visual Content ที่ได้ทำการสรุปแทรนด์ในการทำ Visual Content ในปี 2021 โดยได้ทำออกมาทั้งในรูปแบบบทความ อินโฟกราฟฟิค และวิดีโอ ดังนี้

 

ตัวอย่างคอนเทนต์

ภาพจาก https://venngage.com

 

 

ตัวอย่าง Visual Content จาก Venngage ทั้ง 2 รูปแบบจะเห็นได้ว่าใช้เนื้อหาเดิม แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างออกไป และ มีช่องทางในการสื่อสารตามความเหมาะสมของรูปแบบคอนเทนต์นั่นเองค่ะ ซึ่งการทำหลากหลายรูปแบบจะทำให้เราสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านเห็นภาพในการนำคอนเทนต์ที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้มากยิ่งขึ้น ผู้เขียนได้นำเนื้อหาจากบทความส่วนนี้มาปรับให้อยู่รูปแบบของ Visual Content แล้วนำเทคนิคในการออกแบบที่ได้กล่าวไปในข้างต้นมาเป็นตัวอย่างดังนี้ค่ะ

เทคนิคในการทำ Visual Content ทำ Visual Content อย่างมีกลยุทธ์เทคนิคการออกแบบ Visual content เอาคอนเทนต์ที่มีอยู่มาทำใหม่เลือกรูปแบบของคอนเทนต์

 

 

อ้างอิง

https:// www.columnfivemedia.com

https:// contentmarketinginstitute.com

https:// blog.hubspot.com/marketing

https:// blog.prototypr.io

 

เรียนสอบถาม คอนเทนต์นี้ คุณชอบไหมคะ

ความคิดเห็นของคุณมีความสำคัญกับเรา ขอบคุณนะคะ

Learn More

Recommended Topics

Social Listening คืออะไร และ ทำไมธุรกิจควรฟังเสียงผู้บริโภค
เปิดตัวฟีเจอร์ Idea Pins จาก Pinterest เพื่อช่วยสร้างสรรค์คอนเทนต์